ไห่กงกงประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกคาดไม่ถึงว่าหลี่ลั่วจะถามคำถามนี้
ทว่าหลี่ลั่วก็อธิบายเพิ่มอีก “เพราะว่าเมื่อตอนที่ท่านพี่ฉีอ๋องเห็นหยกที่อยู่บนคอข้าก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อสักครู่ที่ไห่เหฺยเหฺยเห็นหยกพกที่ท่านพี่ฉีอ๋องประทานให้กับข้า ก็ดูรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยเช่นกันน่ะขอรับ”
ไห่กงกงคิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยอายุห้าขวบจะสังเกตสิ่งต่างๆ ได้ละเอียดเช่นนี้ แต่ก็มิใช่หรอกหรือ เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าหลี่ลั่วเป็เด็กที่ฉลาดเฉลียวเป็พิเศษ ไม่เช่นนั้นจะนำอาหารส่งเข้าไปถึงในวังหลวงได้เช่นไรเล่า? อีกทั้งหยกพกสองชิ้นนี้ก็มิใช่ความลับอันใดที่จะกล่าวถึงไม่ได้เสียด้วย
“หยกพกชิ้นนี้ที่ฝ่าาพระราชทานให้แก่ท่านกับหยกพกชิ้นที่ฉีอ๋องประทานให้แก่ท่านนั้นเป็คู่กันขอรับ” ไห่กงกงกล่าว “หากเป็หยกพกที่ในระหว่างคู่รักต่างก็มีแล้วไซร้ หยกคู่นี้จะเรียกว่าหยกคู่รัก หากเป็หยกที่ระหว่างพ่อและลูกต่างก็มี นี่จะเป็หยกบิดาและบุตร แต่ถ้าหากเป็หยกพกในระหว่างคู่สองพี่น้อง จะถือว่าเป็หยกมือและเท้า...หยกพกสองชิ้นนี้เรียกว่าหยกคู่ สามารถประสานรวมจากสองชิ้นเป็ชิ้นเดียวกันได้ หยกพกที่ฝ่าาพระราชทานให้แก่ท่านชิ้นนี้เป็หยกที่เมื่อหกปีก่อนอดีตฮ่องเต้ทรงมอบให้แก่ฝ่าาก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ ส่วนหยกพกที่ฉีอ๋องมีนั้นก็เป็อดีตฮ่องเต้ที่มอบให้กับท่านอ๋อง”
“ดังนั้นนี่ก็คือหยกบิดาและบุตรสินะขอรับ” หลี่ลั่วคิดไม่ถึงเลยว่าหยกสองชิ้นนี้จะมีประวัติความเป็มาเช่นนี้
ไท่จื่อเยี่ยนมอบหยกพกชิ้นนี้ให้แก่จ้าวหนิงฮ่องเต้ ความหมายนั้นไม่ต้องพูดก็ชัดเจน นั่นคือปรารถนาให้จ้าวหนิงฮ่องเต้ดูแลพระโอรสองค์เล็กของพระองค์ แต่ด้วยเหตุใดจ้าวหนิงฮ่องเต้จึงมอบหยกชิ้นนี้แก่ให้ตนเล่า? หลี่ลั่วไม่เข้าใจนัก แล้วไฉนฉีอ๋องจึงมอบหยกชิ้นนี้ให้กับเขาอีก?
ไห่กงกงลูบศีรษะของหลี่ลั่วด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวโหวเหฺยเป็ผู้มีโชคลาภวาสนา หยกสองชิ้นนี้ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีนะขอรับ ต่อไปอาจจะมีประโยชน์ในวันข้างหน้า”
ถึงหลี่ลั่วจะไม่เข้าใจนัก แต่เขาก็ยังคงพยักหน้ารับ “ขอบคุณไห่เหฺยเหฺยที่ชี้แนะขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นข้าต้องขอตัวแล้ว เสี่ยวโหวเหฺยกลับไปรับรองแขกเถิด”
“ลาก่อนขอรับไห่เหฺยเหฺย”
ณ วังหลวง
เมื่อไห่กงกงกลับมาถึงวังหลวงจึงไปรายงานเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้กับจ้าวหนิงฮ่องเต้ “เสี่ยวโหวเหฺยยังมอบของกินให้บ่าวอีกเล็กน้อยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหนิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรท่าทางดีอกดีใจของไห่กงกงแล้วก็ทรงเลิกพระขนง “เ้าชมชอบเด็กคนนั้นเสียจริงนะ”
“เสี่ยวโหวเหฺยไม่เหมือนเหล่าโหวเหฺยเลยแม้แต่น้อย เหล่าโหวเหฺยกล้าหาญชำนาญการศึก เป็วีรบุรุษผู้กล้าคนหนึ่ง ทว่าใบหน้าแข็งกร้าว ส่วนหน้าตาของเสี่ยวโหวเหฺยนั้นอ่อนโยนกว่ามากนักพ่ะย่ะค่ะ” ไห่กงกงนั้นคุ้นเคยกับหลี่ซวี่เป็อย่างดี เมื่อครั้งยามที่จ้าวหนิงฮ่องเต้ไปเข้าร่วมกองทัพั้แ่วัยเยาว์ก็เป็ไห่กงกงผู้นี้ที่ติดตามไปดูแลปรนนิบัติรับใช้
จ้าวหนิงฮ่องเต้ฟังแล้วก็ทรงพระสรวลออกมาอย่างหาได้ยากยิ่ง “อุปนิสัยก็ไม่เหมือน หลี่ซวี่มีนิสัยเ็าเงียบขรึม เสี่ยวลั่วเอ๋อร์มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส”
“ทั้งร่าเริงแจ่มใส อีกทั้งยังเป็คนเฉลียวฉลาดน่ารักพ่ะย่ะค่ะ” ไห่กงกงยังกล่าวชมเพิ่มอีกประโยคหนึ่ง
“ดูท่าเ้าจะชมชอบเขามากเสียจริง” น้อยครั้งนักที่จ้าวหนิงฮ่องเต้จะเห็นว่าไห่กงกงชมชอบเด็กน้อยคนใด ครั้นแล้วจึงถอนพระปัสสาสะครั้งหนึ่ง “รอให้เ้าชราแล้ว เจิ้นจะซื้อเรือนและทรัพย์สินให้เ้า เอาไว้ให้อยู่อาศัยเมื่อยามชราภาพ”
“เช่นนั้นซื้อไว้ข้างๆ จวนโหวจะเป็การดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” จากนั้นไห่กงกงก็ทูลอีกว่า “เหล้าผลไม้ที่เสี่ยวโหวเหฺยมอบให้บ่าวนั้นมีมาก คิดแล้วก็น่าจะอาศัยชื่อบ่าวมาทูลถวายฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวโหวเหฺยช่างกตัญญูต่อฝ่าายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
“พอได้แล้วเ้า...” จ้าวหนิงฮ่องเต้ทนไม่ไหวจึงด่าออกมาคำหนึ่ง “เ้า้าจะพูดว่าแม้แต่ลูกๆ ของเจิ้นก็กตัญญูสู้เขาไม่ได้ใช่หรือไม่?”
“บ่าวมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ” ไห่กงกงย่อมกระจ่างแจ้งแก่ใจดีว่าความกตัญญูของพระโอรสทั้งหลายนั้นเป็เพราะ้าได้มาซึ่งตำแหน่งไท่จื่อ ตำแหน่งฮ่องเต้ขององค์ฝ่าา ส่วนความกตัญญูของหลี่ลั่วนั้นเป็ความกตัญญูที่บริสุทธิ์และปรารถนาดีต่อพวกเขาจริงๆ เป็ความเคารพผู้าุโเอ็นดูผู้เยาว์
ไห่กงกงพลันสมองปลอดโปร่งแล้ว หลี่ลั่วกตัญญู นั่นก็เพราะว่า้ากอดขาใหญ่อย่างบริสุทธิ์ใจ
“วันนี้ที่จวนโหว บ่าวยังได้เจอกับฉีอ๋องอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ไห่กงกงพูดอีก
“จวิ้นเฉินไปทำอันใดที่จวนโหวกัน?” จ้าวหนิงฮ่องเต้รู้สึกว่าเด็กหนุ่มอายุสิบสามปีกับเด็กน้อยอายุห้าขวบแทบจะหาหัวข้อสนทนาร่วมกันไม่ได้เลย