ตลอด่เย็น ตวนมู่ไป๋เย่คอยกระตุ้นให้หานอวิ๋นซีรีบไปหากุ่ยตาเฉียงอยู่หลายครั้ง หากเื่ราวเข้าสู่สถานการณ์ที่แก้ไขไม่ได้ เขาอาจจะยอมแพ้ก่อนเวลามากกว่าปล่อยให้เหยาเหยาอยู่ข้างนอกอย่างโง่เขลา
เพียงแต่หานอวิ๋นซีไม่รีบร้อน ในเวลานี้ นางกับหลงเฟยเยี่ยกำลังนั่งดื่มชาและกินของว่างที่โต๊ะหิน
หลงเฟยเยี่ยยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลงอย่างสบายๆ ความเมินเฉยและความเย่อหยิ่งก็เผยออกมาจากตัวเขา ราวกับว่าเขาเป็เ้าของลานแห่งนี้ หานอวิ๋นซียกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเท้าศีรษะและถือถ้วยชาไว้อย่างสบายและผ่อนคลายมาก
เื่ต้นกุ่ยตาเฉียงต้นสุดท้ายนั้น นางไม่ได้พูดอะไรเลย หลงเฟยเยี่ยเองก็ไม่ได้ถามอะไร แต่ต้องยอมรับว่าสตรีผู้นี้ทำให้เขาประหลาดใจได้อีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็เื่บังเอิญที่น่าประหลาดใจ
โดยไม่มีเหตุผล เขาเชื่ออย่างแน่วแน่ว่านางต้องหากุ่ยตาเฉียงได้อย่างแน่นอน
หลงเฟยเยี่ยเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองไปที่หานอวิ๋นซีด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความมืดมนและเ็าโดยที่เขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น
สำหรับสตรี นี่เป็ครั้งแรกที่เขายอมขนาดนี้
ความสามารถอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวสตรีผู้นี้ยังมีอีกกี่อย่างที่เขาไม่รู้กัน?
ในที่สุด ท้องฟ้าก็มืดสนิท และตวนมู่เหยายังคงไม่กลับมา
ตวนมู่ไป๋เย่ทนไม่ได้อีกต่อไป เดินไปหาหานอวิ๋นซี “ฉินหวังเฟย ในเมื่อเ้าหากุ่ยตาเฉียงพบแล้ว ก็พูดมันออกมาสิ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลา”
ด้วยท่าทางที่สบายใจของหานอวิ๋นซี มีแค่ผีเท่านั้นแหละที่ไม่เชื่อว่านางยังหากุ่ยตาเฉียงไม่เจอ นางถ่วงเวลาเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังทรมานเหยาเหยาโดยเจตนา!
ดวงตาของใต้เท้าเหยากุ่ยเป็ประกายขึ้นมา พร้อมกับความซับซ้อน เขาไม่เพียงหวังว่าหานอวิ๋นซีจะพบต้นกุ่ยตาเฉียงและทำให้เขาประหลาดใจได้ ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้หวังว่าปัญหาที่ตนเองคิดออกมาอย่างรอบคอบจะถูกแก้ไขได้ง่ายขนาดนี้ แน่นอนว่าเขายังคงเกลียดที่ไม่สามารถทำให้หลงเฟยเยี่ยทุกข์ทรมานได้
หานอวิ๋นซีเลิกคิ้วขึ้น มองไปที่ตวนมู่ไป๋เย่และพูดอย่างจริงจังว่า “เย่ไท่จื่อยกยอข้ามากเกินไปแล้ว เท่าที่ข้ารู้ กุ่ยตาเฉียงนั้นเป็ยาที่มีพิษอย่างมาก ูเาหนึ่งลูกสามารถปลูกได้แค่ต้นเดียวเท่านั้น มิฉะนั้นมันจะตายทั้งหมด แล้วหุบเขาที่ใหญ่เช่นนี้ และใต้เท้าเหยากุ่ยยังบอกว่ามีเพียงแค่ต้นเดียวอีก หายากขนาดนั้น ข้าจะไปหาเจอเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?”
ทันทีที่หานอวิ๋นซีพูดออกมา ใต้เท้าเหยากุ่ยก็แสดงความชื่นชมในแววตา จนถึงตอนนี้ เขาต้องชื่นชมสตรีผู้นี้จริงๆ นางรู้แม้กระทั่งลักษณะของกุ่ยตาเฉียง ดูเหมือนจะเป็ผู้เชี่ยวชาญมาก
อายุยังน้อย แล้วก็เป็สตรีอีก ไม่ธรรมดาจริงๆ!
ใต้เท้าเหยากุ่ยมองไปที่หานอวิ๋นซี มองไปมองมา ดวงตาทั้งสองก็ค่อยๆ หรี่ลง ความชื่นชมในแววตาค่อยๆ กลายเป็แววตาที่มองศัตรูดังเดิม
อย่างไรก็ตาม คำพูดที่หานอวิ๋นซีพูดกับตวนมู่ไป๋เย่ กลับเป็การเย้ยหยันอย่างหนึ่ง
ใต้เท้าเหยากุ่ยเพิ่งจะพูดไปว่ามีกุ่ยตาเฉียงเพียงต้นเดียว ตอนนี้หานอวิ๋นซีที่กำลังเน้นย้ำ บอกเป็นัยๆ กับตวนมู่ไป๋เย่อย่างไม่ต้องสงสัย ความเร็วของตวนมู่เหยานั้นเร็วมากไม่ใช่หรือ วิ่งอยู่ข้างนอกอีกสักสองสามรอบไปก็แล้วกัน อย่างไรตอนนี้ฟ้าก็มืดหมดแล้ว ตอนนี้นางยังไม่อยากที่จะออกไป
ตวนมู่ไป๋เย่กำหมัดแน่น หากหานอวิ๋นซีเป็บุรุษ เขาคงได้ออกหมัดไปแล้วแน่นอน!
หากหานอวิ๋นซีอยู่ในลานนี้อีกหนึ่งวัน เหยาเหยาก็ต้องลำบากอีกหนึ่งวัน และถ้านางผัดวันประกันพรุ่งเป็เวลาหนึ่งเดือน เหยาเหยาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานเป็เวลาหนึ่งเดือน หรือหากเป็หนึ่งปี...
เหยาเหยาล้วนเป็ผู้ถูกกระทำ!
ตวนมู่ไป๋เย่หวังเป็อย่างยิ่งว่าเหยาเหยาจะคิดได้ แล้วกลับมาหามันในลานบ้าน เมื่อเทียบกับการค้นหาทั่วหุบเขาแล้ว มันง่ายเกินไปที่จะหาเจอในลานเล็กๆ เช่นนี้
แต่กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่เชื่อว่าเหยาเหยาจะคิดได้แล้วกับมา ประการแรก เหยาเหยาไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น และประการที่สอง เขารู้นิสัยใจคอของสตรีผู้นั้น หากนางไม่พบสมุนไพร นางไม่มีทางมาให้ขายหน้าอย่างแน่นอน
ตวนมู่ไป๋เย่สูดลมหายใจลึกๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยิ่งมองไปที่หานอวิ๋นซี หัวใจของเขาก็ยิ่งเ็ป สตรีเ้าเล่ห์ผู้นี้ เป็คนไร้ประโยชน์ที่ไหนกัน ไม่รู้เื่ยาสมุนไพรที่ไหนกัน ทุกอย่างเป็เพียงการเสแสร้งทั้งนั้น!
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป ใต้เท้าเหยากุ่ยถึงเวลาทานอาหารค่ำ หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีเองก็ทานอาหารเช่นกัน ทว่าตวนมู่ไป๋เย่กลับไม่รู้สึกอยากอาหารเลย
เหยาเหยา อ่า เหยาเหยา เ้าควรกลับมาได้แล้ว!
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งคืน ตวนมู่เหยายังคงไม่กลับมา ตามรายงานของพ่อบ้านแล้ว เขาเห็นองค์หญิงฉางเล่อเหาะไปทั่วทั้งหุบเขาพร้อมคบไฟ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็หัวเราะออกมาท่ามกลางผู้คน จนทำให้ตวนมู่ไป๋เย่โกรธจนแทบกระอักเืออกมา
มีหลงเฟยเยี่ยที่คอยมองตวนมู่ไป๋เย่ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกโล่งใจมาก นางหลับไปในห้องพักั้แ่แรก ต้องบอกว่า นางทำให้ใต้เท้าเหยากุ่ยนอนไม่หลับจนอยู่เป็เพื่อนหลงเฟยเยี่ยเฝ้าตวนมู่ไป๋เย่ทั้งคืน
หานอวิ๋นซีนอนหลับสนิทอยู่บนรถม้าตลอดทั้งคืน กว่าจะตื่นขึ้นมาก็ตะวันโด่งฟ้าแล้ว
“อรุณสวัสดิ์” หานอวิ๋นซีทักทายทุกคนอย่างอารมณ์ดี
หลงเฟยเยี่ยเลิกคิ้วและมองไปที่นาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ใต้เท้าเหยากุ่ยเองก็พึมพำกับตัวเองและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ตวนมู่ไป๋เย่เหล่ตามองไป พร้อมกับรีบเดินเข้าไปหาหานอวิ๋นซีอย่างรวดเร็ว ทว่าในขณะเดียวกัน หลงเฟยเยี่ยก็เข้ามาข้างหน้านางและปกป้องนางอยู่ข้างหลัง มองไปที่ตวนมู่ไปเย่ด้วยความเ็าโดยไม่พูดอะไรใดๆ
แม้จะรู้ว่าการที่หลงเฟยเยี่ยปกป้องนางนั้นมีเงื่อนไข นั่นคือเพื่อนำเซิงเสวี่ยตานกลับไปเท่านั้น แต่หานอวิ๋นซีก็ยังรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อยในหัวใจ ซึ่งอย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าตนเองมีค่าควรที่จะได้รับการคุ้มครองจากาาอันดับหนึ่งในโลกท่านนี้
“พวกเ้า้าอะไรกันแน่?” ในที่สุดตวนมู่ไป๋เย่ก็โพล่งออกมา
แม้ว่าจะเป็เพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่เขารักน้องสาวอย่างมาก เหยาเหยาเป็ดั่งแก้วตาดวงใจ ถูกทุกคนเลี้ยงดูมาด้วยความรักั้แ่เด็ก แม้ว่านางจะฝึกฝนในสำนักวิทยายุทธ์ก็ตาม แต่นางไม่เคยลำบากขนาดนี้มาก่อน!
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ต้องเป็แผนของหานอวิ๋นซีเป็แน่ นางมาที่นี่เพื่อดูเื่ตลก ยิ่งเวลานานเท่าไร ก็ยิ่งสร้างความอัปยศอดสูให้กับพวกเขามากเท่านั้น
นี่เป็ครั้งแรกที่ตวนมู่ไป๋เย่ขายหน้าต่อหน้าสตรี อับอายจนทนไม่ไหว!
“เย่ไท่จื่อ อย่าใจร้อนไปเลย ข้ายังไม่พบสมุนไพรชนิดที่สามด้วยซ้ำ ถ้าท่านรอไม่ได้ละก็ ยอมแพ้ก็ได้นะ ข้าไม่ห้ามท่าน” หานอวิ๋นซีเสนออย่างจริงจัง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ตวนมู่ไป๋เย่ก็ยกมือหมัดขึ้นมาและพูดด้วยความโกรธว่า “หานอวิ๋นซี เ้า!”
เจตนาฆ่าฉายในดวงตาของหลงเฟยเยี่ย คว้าข้อมือของตวนมู่ไป๋เย่และพูดอย่างเ็าว่า “ฉินหวังเฟย ไม่คู่ควรกับความรุนแรงของเ้า”
เมื่อเห็นเจตนาฆ่าของหลงเฟยเยี่ยแล้ว ตวนมู่ไป๋เย่ก็ใ เขารู้จักหลงเฟยเยี่ยมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยเห็นหลงเฟยเยี่ยจริงจังกับสตรีผู้ไหนเลย?
“ฉินอ๋อง อย่าบอกนะว่าเ้า้าแลกยาเซิงเสวี่ยตานให้สตรีผู้นี้จริงๆ!” ตวนมู่ไป๋เย่ถามลองเชิง
หลงเฟยเยี่ยผลักเขาออกไปอย่างไร้ความปรานี จนไปชนกำแพงข้างๆ และตอบอย่างเ็าว่า “มันไม่เกี่ยวกับเ้า ถ้าไม่ยอมแพ้ ก็รอเฉยๆ”
ตวนมู่ไป๋เย่กำหมัดแน่น อย่างไรเขาก็ต้องรอต่อไป
เพียงพริบตาก็ผ่านไปอีกครึ่งวัน หานอวิ๋นซีที่อาบแดดไป ดื่มชาไป และมองตวนมู่ไป๋เย่เป็ครั้งคราวด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่เต็มไปด้วยความยั่วยุ
ตวนมู่ไป๋เย่ที่โกรธอยู่แล้ว จะทนต่อการยั่วยุของหานอวิ๋นซีได้อย่างไร เขาที่ภูมิใจในตัวเองมาทั้งชีวิต นี่เป็ครั้งแรกที่ถูกสตรีมองอย่างดูถูกเช่นนี้
มันจะไม่มากเกินไปหรือไร?
ในที่สุด เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ลุกขึ้นยืนและพูดอย่างขมขื่นว่า “ใต้เท้าเหยากุ่ย เรายอมแพ้ รีบเรียกเหยาเหยากลับมา!”
ยอมแพ้...
ใต้เท้าเหยากุ่ยเขี่ยหูแล้วพูดเสียงดังว่า “อะไรนะ เย่ไท่จื่อพูดว่าอะไร? ข้าไม่ได้ยิน”
ตวนมู่ไป๋เย่ องค์ชายกระหายเื เคยโกรธจนอึดอัดใจขนาดนี้เสียที่ไหนกัน แล้วเขาเคยยอมรับความพ่ายแพ้อย่างง่ายดายแบบนี้ั้แ่เมื่อไรกัน?
“เรายอมแพ้ ถ้าอยากได้ถังเช่าเจ็ดดวงดารา ก็รีบพาเหยาเหยากลับมา!” ตวนมู่ไป๋เย่โกรธเกรี้ยว น้ำเสียงของเขาน่ากลัวอย่างมากจนดูเหมือนมาจากนรก
ความรังเกียจฉายชัดในแววตาของใต้เท้าเหยากุ่ย และรีบออกคำสั่งทันที “ใครก็ได้ ไปพาองค์หญิงฉางเล่อกลับมา!”
ตวนมู่ไป๋เย่ไม่้าแม้แต่จะมองหานอวิ๋นซีอีกต่อไป เขายกเสื้อขึ้นแล้วนั่งลงด้วยใบหน้าที่มืดมัว
หานอวิ๋นซีที่มีความสุขสุดๆ มองไปที่หลงเฟยเยี่ยด้วยรอยยิ้ม และมองไปที่ตวนมู่ไป๋เย่อย่างยั่วยุ พลางพูดเสียงดังว่า “หลงเฟยเยี่ย ข้าชนะแล้ว!”
ดวงตาที่ยิ้มของหานอวิ๋นซีนั้นโค้งงอ ท่าทางของนางเปล่งประกายไปด้วยความสดใสที่น่าดึงดูด ความสดใสแบบนี้ทำให้สายตาของหลงเฟยเยี่ยจับจ้องไปที่ใบหน้าของนาง และไม่ได้ละสายตาไปไหนเป็เวลานาน
เมื่อเห็นว่าหลงเฟยเยี่ยไม่แสดงสีหน้าหรือตอบสนองอะไร หานอวิ๋นซีจึงชูสองนิ้วขึ้นเพื่อทำท่าตัววี พร้อมกับกับยิ้มให้สดใสยิ่งขึ้น “นี่ เราชนะแล้วนะ”
หลงเฟยเยี่ยกระตุกมุมปาก ไม่แน่ใจว่ากำลังยิ้มอยู่หรือไม่ แต่มันก็ดูแข็งทื่ออยู่ดี หานอวิ๋นซีอยากจะกลอกตาจริงๆ เมื่อคิดไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ ก้อนน้ำแข็งใหญ่ก้อนนี้เกิดมาพร้อมกับใบหน้าเป็อัมพาต นางชินแล้วล่ะ
ตวนมู่ไป๋เย่ที่ร้อนรนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าหานอวิ๋นซีมีความสุขมากขนาดไหน เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เดิมทีไม่อยากที่จะมองนาง แต่ในขณะนี้ เขากลับจ้องมาที่นางอย่างดุร้าย หากการจ้องมองนั้นสามารถฆ่าหานอวิ๋นซีได้ นางคงตายสิ้นไปนานแล้ว
ทว่าใต้เท้าเหยากุ่ยกลับมองไปที่หลงเฟยเยี่ยด้วยสายตามืดมน หากไม่ใช่เพราะเป็การแข่งขันของหานอวิ๋นซี เขาคงไม่มีวันปล่อยให้หลงเฟยเยี่ยนำยาเซิงเสวี่ยตานไปอย่างง่ายดายเด็ดขาด
ชายหนุ่มผู้นี้ไปหาสตรีแปลกๆ เช่นนี้มาจากที่ไหนกัน? หากนางสามารถอยู่ในหุบเขายาผีได้ ก็คงเป็ตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ในไม่ช้า ตวนมู่เหยาก็ถูกพากลับมา ร่างทั้งร่างมอมแมม ผมยาวของนางเองก็ยุ่งเหยิง ชุดสีขาวที่เดิมไม่มีจุดด่างพร้อยก็เต็มไปด้วยคราบดิน อาจเป็เพราะนางไม่ได้นอนมาทั้งคืน ดวงตาจึงเหม่อลอยด้วยความเหนื่อยล้าที่ปกปิดไม่ได้
คนที่พานางกลับมาไม่ได้บอกนางว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เข้ามาในลาน เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีอยู่ที่นั่น ตวนมู่เหยาก็ยิ้มเยาะอย่างร่าเริงทันที “ทำไมล่ะ หานอวิ๋นซี เ้ายอมแพ้แล้วงั้นหรือ?”
ไม่ต้องพูดถึงสมุนไพรทั้งสามเลย แม้แต่อย่างเดียวสตรีผู้นี้ก็คงหาไม่เจอ หากหานอวิ๋นซีไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นจะพานางกลับมาทำไมล่ะ?
หานอวิ๋นซีไม่พูดอะไร แต่มองนางขึ้นและลงอย่างครุ่นคิด
ตวนมู่ไป๋เย่ที่ทั้งรู้สึกเสียใจและโกรธเคืองแทนน้องสาวอย่างมาก ดึงตวนมู่เหยามาและพูดอย่างไม่พอใจว่า “เอาถังเช่าเจ็ดดวงดาราออกมา”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ตวนมู่เหยาถึงกับชะงักไป “อะไรนะ?”
“พวกเขาชนะแล้ว เอาของออกมา” สีหน้าของตวนมู่ไป๋เย่มืดลงเล็กน้อย
ตวนมู่เหยาผงะไปชั่วขณะ จากนั้นพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เป็ไปไม่ได้! จะไปชนะได้อย่างไร? ไหนสมุนไพรพวกนั้นล่ะ?”
แม้ว่าจะรู้ว่าเสด็จพี่ไม่โกหกนาง แต่นางก็ยังไม่เชื่อ มันกะทันหันเกินไป!
“เป็เสด็จพี่ของเ้าที่ยอมแพ้ต่อใต้เท้าเหยากุ่ยด้วยตนเอง ถ้าไม่เชื่อ เ้าก็ถามใต้เท้าเหยากุ่ยสิ” หานอวิ๋นซียิ้มด้วยใบหน้าเป็มิตร
ตวนมู่เหยามองไปที่ใต้เท้าเหยากุ่ย เมื่อเห็นใต้เท้าเหยากุ่ยพยักหน้า นางก็ถึงกับเซถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความไม่เชื่อ จากนั้นคว้าคอเสื้อตวนมู่ไป๋เย่และถามอย่างโกรธเคืองว่า “ใครบอกให้ท่านยอมแพ้ ใครสั่งให้ท่านยอมแพ้?”
ตวนมู่ไป๋เย่ที่เป็ถึงไท่จื่อ ถึงจะโดนน้องสาวดึงคอแบบนี้ เขาก็ไม่โกรธ กลับกันยังรู้สึกสงสารนางและอธิบายด้วยเสียงต่ำ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ตวนมู่เหยาจะฟังจบ นางก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา การได้ยาเซิงเสวี่ยตานก็เป็เื่หนึ่ง แต่อีกเื่หนึ่งคือทำให้นางเสียหน้า นางจะแพ้หานอวิ๋นซีได้อย่างไร? ทั้งยังอยู่ต่อหน้าศิษย์พี่อีก!
“ไหนสมุนไพร ข้าอยากเห็นมันด้วยตนเอง!”
ตวนมู่เหยาโกรธมากและรีบตรงไปหาหานอวิ๋นซี ตอนนี้แม้แต่ตวนมู่ไป๋เย่ก็หยุดนางไม่ได้อีกแล้ว
หานอวิ๋นซีเต็มใจอย่างยิ่งที่จะชี้แนะ ชี้ไปที่เจ็ดมารโกฐสอเทศและตานไป๋อีหมี่ที่สนามหญ้าให้ตวนมู่เหยาดู ใบหน้าของตวนมู่เหยาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ใช้เวลานานกว่าจะรู้สึกตัวและรู้ว่าตนเองโง่ขนาดไหน