บทที่ 138 หักกระบี่
“ฮ่าๆ...ฮ่าๆๆ!”
ที่ใจกลางลาน โม่ซิวยกมือขึ้นแนบหน้าผากและหัวเราะอย่างดุดัน ดูเย่อหยิ่งและร้ายกาจ ราวกับว่าเขาได้ยินเื่ตลกที่สนุกที่สุดในโลก
“เ้าขยะในขยะ กล้ามาหัวเราะกระบวนท่ากระบี่ที่ข้าสร้างขึ้นเองหรือ? เ้าคู่ควรหรือ? สุนัขไร้ค่า ออกมาเห่าให้นายน้อยเช่นข้าฟังอีกหน่อยสิ! ฮ่าๆ!”
โม่ซิวหัวเราะร่าจนน้ำตาไหล เขาชี้กระบี่ไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยสีหน้าขบขัน ท่าทางนี้ทำให้ทุกคนพากันหัวเราะ
ความจริงแล้ว ทักษะกระบี่ชุดนี้ โม่ซิวคิดค้นขึ้นหลังจากที่เขาได้ยลโฉมของฉู่ซินเหยา
ผู้าุโหลายคนแห่งเคหาสน์เขากระบี่ต่างก็เห็นว่าทักษะกระบี่นี้น่าทึ่งมาก เทียบได้กับวิชายุทธ์ทางิญญาระดับต่ำ
นอกจากนี้ โม่ซิวยังใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการคิดค้นกระบวนท่ากระบี่นี้ หากชุดวิชากระบี่นี้ได้พัฒนาต่อไป อนาคตย่อมไร้อุปสรรค
แต่ในเมื่อทุกคนต่างมองมันในแง่ดี กลับมีเพียงฉู่อวิ๋นที่ปฏิเสธอย่างแข็งขัน ยิ่งทำให้โม่ซิวรู้สึกว่าไร้สาระอย่างยิ่ง
“เ้าขยะ เ้าอยากลองโดนวิชากระบี่ปาดคอหรือไม่เล่า?” โม่ซิ่วหัวเราะอย่างอวดโอ้ เงยหน้าขึ้นสูงและจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋น
“เ้าเอาแต่เรียกคนอื่นว่าขยะ แต่กลับไม่รู้ถึงข้อบกพร่องในทักษะกระบี่ของตนเอง ข้าควรเรียกว่าน่าสมเพชหรือไร้สาระดี?”
ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นกอดอก วางเท้าลงบนโต๊ะ หรี่ตามองที่โม่ซิว ดูสบายๆ อย่างยิ่ง คล้ายไม่รู้สึกกดดันกับเหตุการณ์นี้เลย
“ข้อบกพร่องในวิชากระบี่?” ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย
แม้ว่าที่นี่จะมีคนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจวิชากระบี่ แต่เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์การต่อสู้ของพวกเขา กระบี่บุปผาร่วงหลากสีเมื่อครู่นี้ได้รับการออกแบบอย่างประณีตมาก แทบไม่มีข้อบกพร่องเลย
สิ่งนี้จะมีข้อบกพร่องได้อย่างไร?
“เ้าเด็กป่า ทักษะกระบี่นี้งดงามมาก เหตุใดถึงมีข้อบกพร่องได้เล่า? คงไม่ใช่เพราะเ้าไม่เคยเห็นกระบี่มาก่อนเลยมาพูดเื่ไร้สาระพรรค์นี้หรอกนะ? ฮะๆ”
ผู้ฝึกกระบี่หญิงบางคนปิดปากหัวเราะ ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของฉู่อวิ๋น
ในงานเลี้ยง มีเพียงพี่ชายและน้องสาวของตระกูลเสวี่ยเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบ เพราะพวกเขาเคยเห็นฉู่อวิ๋นเอาชนะผู้ฝึกกระบี่ระดับสามขั้นมหาสมุทรของจวนตระกูลเสวี่ยด้วยกระบวนท่าเดียวมากับตาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ในสถานะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ในเวลานี้ ฉู่ซินเหยาพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คนเขาบอกว่าบกพร่องก็คือบกพร่อง ในฐานะเ้าของเคหาสน์รุ่นเยาว์ ท่านก็ควรรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้างไม่ใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง คนงามวันนี้ดูเหมือนจะกระฉับกระเฉงไม่น้อย ถึงกับเข้าร่วมเหตุการณ์เช่นนี้ด้วย
เมื่อมองไปที่ม่าน โม่ซิวก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็มองฉู่อวิ๋นอีกครั้ง และเอ่ยอย่างเ็า “ก็ได้! ในเมื่อคุณหนูฉู่พูดแล้ว วันนี้ข้าก็จะให้โอกาสขยะเช่นเ้า พูดมา!”
“โอ้!” ฉู่อวิ๋นยิ้มแล้วะโไปยังใจกลางลานโดยไม่มองโม่ซิวเลย “ข้อบกพร่องในกระบวนท่ากระบี่ของเ้าก็คือ... ไร้ประโยชน์สิ้นดี”
“ไร้ประโยชน์หรือ?” ทุกคนถึงกับอึ้ง คนป่าคนนี้กล้าพูดแบบนี้ออกมาจริงๆ
“เ้า…”
“เ้าอะไร ผิดพลาดก็ต้องยอมรับ ตีรบก็ต้องยืนหยัด” ฉู่อวิ๋นมองไปที่โม่ซิวทึ่ดูนิ่ง ทำให้ใบหน้าของเขาดูเ็า ถ้าไม่ใช่เพราะคนงามที่อยู่ตรงหน้า เขาคงจะล้มคนป่าแสนหยิ่งผยองคนนี้ไปแล้ว
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้มและพูดต่อ “ใช่ ข้อบกพร่องของทักษะกระบี่ของเ้าคือมันไร้ประโยชน์”
“ต้องรู้ว่ากระบี่นั้นใช้ต่อสู้กับศัตรู แม้ว่าทักษะกระบี่ของเ้าจะค่อนข้างสวยงาม แต่ลูกเล่นและการเคลื่อนไหวซับซ้อน เ้าไม่ใช่ผู้หญิง จะรำกระบี่สวยเช่นนั้นไปทำไม? เ้าไม่อยากเป็ผู้ชายหรือ?”
“บังอาจ! เ้าสิไม่อยากเป็ผู้ชาย!”
“ข้าเป็ผู้ชายหรือไม่ยังไม่พูดตอนนี้ แค่ฟังข้าก่อน” ฉู่อวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้โม่ซิ่วหน้าดำหน้าแดงอย่างขุ่นเคือง
“พูดได้ว่าบุปผาร่วงหลากสีของเ้านั้นซับซ้อนเกินกว่าจะใช้งานได้จริง ข้าคิดว่าเ้าคงคิดค้นขึ้นอย่างรีบร้อน มิฉะนั้น จะเกิดข้อบกพร่องมากมายในวิชากระบี่แม่นางได้อย่างไร?”
“แม่นางมารดาเ้าสิ!”
โม่ซิวพูดด้วยความโมโห ดวงตาของเขาฉายแววเดือดดาล นี่คือทักษะกระบี่ที่เขาฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อมอบให้ฉู่ซินเหยา แต่เมื่อฟังจากปากของฉู่อวิ๋น กลับกลายเป็ทักษะกระบี่แม่นางไปเสียได้ นี่ทำให้เขาโกรธมาก
“พูดขึ้นมาแล้ว มันก็ดูเป็ผู้หญิงจริงๆ นะ…” เมื่อนึกถึงทักษะกระบี่ของโม่ซิวเมื่อครู่นี้ เหล่าชายหนุ่มต่างเห็นด้วยและพยักหน้า
ดูๆ ไปแล้ว โม่ซิวไม่เคยเ้าชู้ชมหญิง แต่ตอนนี้เขากลับสามารถแสดงทักษะกระบี่บุปผาร่วงหลากสีได้ ผู้ชายทุกคนจึงรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
หรือว่านายน้อยแห่งเคหาสน์เขากระบี่เคยเป็... มาก่อน?
“มิน่าโม่ซิวถึงไม่อยากให้พวกเราเข้าใกล้ ที่แท้เขาก็ชอบแบบนั้น…” นักพรตหญิงบางคนกระซิบ แต่แววตาฉายแววสนอกสนใจอย่างชัดเจน
“เวรเอ้ย!”
ยามนี้ เมื่อเขาเห็นท่าทางแปลกๆ รอบตัว โม่ซิวก็โกรธจนสบถออกมา นี่คนคิดว่าเขาเป็คนแบบนั้นจริงๆ หรือ?
“เฮ้อ ไม่ต้องกังวล ข้าเป็คนเก็บความลับอยู่ จะไม่บอกใครแน่นอน” ฉู่อวิ๋นพูดตามความเป็จริงและจริงจังมาก
“เ้าผายลม!”
โม่ซิวโกรธมาก พลังของเขาพลุ่งพล่าน พลางชี้กระบี่ไปที่ฉู่อวิ๋นและพูดอย่างเ็า “เ้าบอกว่าทักษะกระบี่ของข้ามีข้อบกพร่อง เ้ากล้าประลองกับข้าหรือไม่?! ข้าจะใช้วิชากระบี่ชุดนี้จัดการเ้า!"
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ดูสนใจขึ้นมา โม่ซิวคนนี้เป็นักรบระดับกลางขั้นมหาสมุทร และไม่มีใครรู้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาคือระดับใด
แต่เมื่อมองดูรัศมีของฉู่อวิ๋น เขาเป็เพียงนักรบในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ
แม้ว่าลมหายใจของเขาจะให้ความรู้สึกแปลกๆ ซ้อนทับกัน แต่ขอบเขตควบแน่นพลังปราณก็คือขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แม้จะต่ำกว่าเพียงระดับเดียวก็แทบเป็ไปไม่ได้ที่จะแข่งขันกับขั้นมหาสมุทร
ไม่ต้องพูดถึงการใช้กระบี่ แม้จะเป็การต่อสู้ด้วยหมัด โม่ซิวก็จะชนะได้โดยไม่ต้องสงสัยเลย
“นายน้อยโม่ ท่านจะเป็ผู้ใหญ่รังแกผู้ด้อยหรือ?”
ในเวลานี้ มีเพียงเสวี่ยหรูเยียนเท่านั้นที่พูดขึ้นมา แม้ว่านางจะรู้ว่าคนป่านี้ไม่ธรรมดา แต่นางก็ไม่มั่นใจว่าฉู่อวิ๋นจะสามารถสกัดกั้นกระบี่ของโม่ซิวได้
แน่นอนว่าโม่ซิวเย่อหยิ่งยิ่งนัก เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความหมายของข้า คือข้าจะไม่ใช้พลังปราณในการเคลื่อนไหวกระบี่ แต่จะใช้เพียงความแข็งแกร่งทางกาย สอนบทเรียนให้เด็กเวรนี่”
ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วแอบพยักหน้า ไม่ผิด ในกรณีนี้ การแข่งขันจะยุติธรรมและรับรู้ได้ว่ากระบวนท่ากระบี่นั้นดีหรือไม่
ในที่สุด ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน ทั้งสองควรประลองกระบี่กัน
“อวิ๋นเอ๋อร์...” หลังม่าน ฉู่ซินเหยากังวลมาก ดวงตาคู่งามจับจ้องไปที่ฉู่อวิ๋นเพราะเกรงว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา
ดวงตาของฉู่อวิ๋นอ่อนลง เขาพยักหน้าให้ฉู่ซินเหยา จากนั้นก็ดูสงบและยิ้มให้โม่ซิว “ย่อมได้ มาแข่งกัน คิดว่าข้ากลัวเ้าหรือ?”
ต่อมา ตรงกลางงานเลี้ยง ทั้งสองยืนคนละมุม
“อย่าโทษที่ข้าไม่ยั้งมือไว้ไมตรี เป็เ้าต่างหากที่บังคับข้า!” ใบหน้าโม่ซิวฉายแววน่ากลัวด้วยแรงอาฆาต
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาโจมตีข้าสักทีสิ ชักช้ายืดยาด” ฉู่อวิ๋นยืนเอามือไพล่หลังแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างก็อึ้ง โม่ซิวเองก็ขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง “โจมตีหรือ เ้าไม่มีอาวุธ ชักช้ายืดยาดนั่นมันเ้ากระมัง!? เหตุใดจึงไม่ชักกระบี่ออกมาอีก? ไม่เช่นนั้นจะมีคนมาบอกว่าข้าเป็ผู้ใหญ่รังแกผู้ด้อยอีก! ฮ่าๆๆ!”
เมื่อได้ยิน ฉู่อวิ๋นยิ้มและส่ายหัว เอ่ยอย่างใจเย็น “ทำลายกระบี่ไร้ค่าของข้า ต้องใช้กระบี่ด้วยหรือ?”
“วิ้ง—”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง อะไรนะ?! คนป่านี่คิดจะใช้ร่างกายของตนเองท้าทายทักษะกระบี่ของโม่ซิวหรือ? ไม่อวดดีไปหน่อยหรือ?!
ไม่ ไม่ควรเรียกว่าอวดดี แต่เป็ความเย่อหยิ่ง!
โม่ซิวมีวิชากระบี่ที่โดดเด่น เป็เลิศในหมู่รุ่นเดียวกัน และสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ คืออาวุธสมบัติระดับสูง นั่นคือกระบี่ร่ำสังหาร แค่สะบัดเบาๆ นักรบของขอบเขตควบแน่นพลังปราณก็ไม่อาจทนได้จนถูกฟันขาดเป็สองท่อน
ทุกคนถอนหายใจยาว คนป่าคนนี้พูดโอ้อวดเกินไป ชะตากำหนดให้เขาตายเพราะทำตัวเอง
“อวิ๋นเอ๋อร์!” ฉู่ซินเหยากัดฟันและะโในใจ นางเชื่อมั่นในตัวฉู่อวิ๋นมาก แต่เมื่อเผชิญกับอันตราย นางก็อดประหม่าไม่ได้
ที่บริเวณกลางงานเลี้ยง โม่ซิวอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเขาก็บูดบึ้ง และในที่สุดเขาก็ยิ้มอย่างดุร้ายและเอ่ยว่า “ฮ่าๆๆ! เดิมทีข้าเป็ผู้ใหญ่ใจกว้าง ไม่ถือสาเอาความกับคนป่าเช่นเ้า แต่ตอนนี้เ้ากำลังทำลายตัวเอง อย่าโทษข้าที่โเี้!”
“พูดพอหรือยัง? ข้ายืนจนเหนื่อยแล้ว แถมยังเริ่มหิวขึ้นมาอีกแล้ว” ฉู่อวิ๋นใช้มือจับหลังศีรษะแล้วผิวปากด้วยสีหน้าไม่อยากทน
“มารดามันเถอะ! เย่อหยิ่งนัก ตายเสีย!”
ทันใดนั้น ดวงตาของโม่ซิวก็เปลี่ยนเป็เ็า เขาก้าวออกไปทันที ชักกระบี่ออกมาแล้วฟันออกไปในแนวนอน ดอกไม้สีชมพูโผล่ออกมาจากปลายกระบี่ ทั้งสวยงามและอันตราย
ดอกไม้ปลิวไสว แสงกระบี่สะท้อนออกมาด้วยความเร็วที่น่าใ นักรบที่อ่อนแอบางคนไม่อาจมองเห็นได้ทัน พวกเขาเห็นเพียงปราณกระบี่สีชมพูที่ทะลุผ่านความว่างเปล่า และปลายกระบี่ก็กำลังจะแทงหน้าอกของฉู่อวิ๋น!
“วางท่าใหญ่โต ตายเสียเถอะ!” เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นไม่เคลื่อนไหว โม่ซิวก็ตะคอกอย่างเ็า จากนั้นจึงสะบัดข้อมือและเร่งความเร็วขึ้นทันที ปลายกระบี่ปรากฏดอกไม้พุ่งออกมา ราวกับดอกไม้ที่ร่วงหล่น
“ชิ้ง—”
แต่ในขณะที่ปลายกระบี่กำลังจะแทงหน้าอกของฉู่อวิ๋น ก็ได้ยินเสียงกระบี่ที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน เสียงนั้นสะท้อนไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ณ ลานกว้างแห่งนี้
ทันใดนั้น เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง และทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ตรงกลางลาน ฉู่อวิ๋นเอนหลบเล็กน้อย มือซ้ายไพล่ไปด้านหลัง นิ้วมือขวาค้างเติ่งอยู่ในอากาศ จับปลายกระบี่อันทรงพลังไว้ ทำให้การโจมตีของโม่ซิวกระจายไปด้านข้างและถูกควบคุมไว้แทน
ฉู่อวิ๋นใช้สองนิ้วหยุดการเคลื่อนไหวนี้...
โม่ซิว และฝูงชนต่างถึงกับอึ้ง ผู้ชมทั้งหมดเงียบงันจนได้ยินเสียงเข็มหล่น มีเพียงเสียงหึ่งๆ ของกระบี่ที่กำลังค่อยๆ หายไป
“ข้าบอกไปแล้วว่ากระบี่ของเ้ามีข้อบกพร่อง บุปผากระบี่ชัดเจนขนาดนั้น ต่อให้ยืนหันหลังข้าก็ยังมองเห็น” ฉู่อวิ๋นยิ้มและส่ายหัว
“เ้า... เ้า!” ดวงตาของโม่ซิวสั่นระริก ใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดง ร้อนผ่าวจนแทบจะเป็บ้าไปแล้ว
เขาสงบสติลง อยากดึงกระบี่กลับมาตั้งท่าโจมตีใหม่อีกครั้ง แต่สองนิ้วของฉู่อวิ๋นเป็เหมือนคีมเหล็กอันทรงพลัง คีบกระบี่ไว้ไม่ปล่อย ทำให้โม่ซิวอับอายและโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
ยามนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์ทุกคนต่างตัวสั่น และตกอยู่ในความวุ่นวาย ใบหน้าเหมือนไม่เชื่อ ต่างก็จับจ้องไปที่ฉากนี้อย่างงุนงง
นักรบหนุ่มขั้นมหาสมุทรผู้ทรงพลังถูกคนป่าของขอบเขตความแน่นพลังปราณควบคุมไว้ได้ด้วยสองนิ้ว ไม่อาจขยับได้ นี่ฝันไปหรือเปล่า? เกินจริงยิ่งนัก...
ถ้าไม่ใช่เพราะโม่ซิวเหงื่อแตก ดิ้นรนไม่หยุดหย่อน ทุกคนคงคิดว่าพวกเขามองผิดไป
“ข้าจะให้โอกาสเ้าอีกครั้ง ให้เ้าดูข้อบกพร่องของทักษะนี้”
ฉู่อวิ๋นปล่อยมือและยกยิ้มอย่างมีไมตรี
“หยุดพูดแดกดันได้แล้ว! มันก็แค่... ผิดพลาด!”
ใบหน้าของโม่ซิวเปลี่ยนเป็สีแดง เขาดึงกระบี่แล้วหันกลับมา ใบหน้าเลิกนิ่งสงบทันที ตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะปล่อยเขาไป? จะให้ทนได้อย่างไร?
“ตาย!”
แสงกระบี่กะพริบอีกครั้ง และคราวนี้ โม่ซิวเผยกระบวนท่าที่แท้จริงออกมาอย่างสง่าผ่าเผย แกว่งบุปผาร่วงหลากสีอย่างเต็มที่ บุปผากระบี่เบ่งบานออกมา ทำให้ทุกคนแอบถอนหายใจ นี่เป็ทักษะกระบี่ที่ดีจริงๆ!
ทว่ายิ่งโม่ซิวต่อสู้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งหงุดหงิดและใจร้อนมากขึ้นเท่านั้น
เพราะพบว่าเขาไม่อาจโจมตีฉู่อวิ๋นได้เลย
“ในเมื่อเ้าดื้อรั้นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ขอเสียเวลาอีกต่อไป” ฉู่อวิ๋นพูดอย่างสงบพลางถอยหลัง ทุกคนก็เข้าใจในทันที
ดวงตาของเขาหรี่ลง และทันใดนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปยังตำแหน่งลึกลับในมวลบุปผากระบี่
จากนั้น โม่ซิวพลันรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลที่ออกมาจากร่างของฉู่อวิ๋น การโจมตีด้วยกระบี่ทั้งหมดหยุดชะงัก ทันใดนั้น เขาก็ทรงตัวไม่อยู่ ปากชาหนึบ และกระเด็นถอยหลังไปกว่าสิบก้าว!
นิ้วเดียวหักกระบี่!