ที่แท้หมอหยางคนนี้ก็หลอกลวงเมิ่งอู่คนก่อนมาโดยตลอด เมิ่งอู่ไม่รู้อย่างสมบูรณ์ว่าถูกคนแซ่หยางคนนี้หลอกเอาเงินไปมากมายเพียงใดเพื่อรักษาอาการป่วยให้นางเซี่ย!
หมอหยางเ็ปมากจนหลั่งเหงื่อเย็น “เ้าปล่อยข้านะ… หากเ้าหักมือของข้า ชาวบ้านจะไม่มีวันยอมปล่อยเ้าไปแน่!”
ถึงอย่างไรในหมู่บ้านนี้ก็มีเขาที่เป็หมอเพียงคนเดียว ชาวบ้านทุกคนต้องมาหาเขาเพื่อรับการรักษาและกินยา
เมิ่งอู่ปล่อยมือ หมอหยางสะดุดจนเซถลาไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเขามัวแต่หลบหลีกเมิ่งอู่จนไม่ทันมองด้านหลัง จึงพลัดตกลงไปในนาหน้าประตูเรือน ทั่วทั้งตัวเปรอะเปื้อนโคลน
เมิ่งอู่ยืนอยู่ข้างๆ ลดสายตาเ็าลงจ้องเขา "ระวังด้วย ถ้ารักษาคนโดยขาดคุณธรรมเกินไปจะต้องเจอดี" นางหรี่ตามองทุ่งนาไกลออกไป ก่อนกล่าวอย่างเมฆบางลมเบาว่า "ข้านึกออกแล้ว ยาเย็นที่ท่านย่าเอามาส่งและยาขับเืที่ท่านแม่ข้าดื่มในยามนั้นน่าจะเป็ฝีมือของเ้าทั้งหมด เ้าปรุงยาช่วยชีวิตคนไม่เป็ แต่กลับปรุงยาทำร้ายชีวิตคนได้ถูกต้องแม่นยำนัก"
หมอหยางที่อยู่ในนาตัวสั่นงันงก ไม่รู้ว่าเพราะเ็ปหรือหนาวเย็น
เมิ่งอู่มองเขาอีกคราพลางจุปากยิ้มๆ “ไม่เป็อันใด หมอหยาง พวกเรายังมีเวลาอีกนาน”
สุดท้ายเมิ่งอู่ก็ไปที่นั่นพร้อมกับโสมและกลับมาพร้อมกับโสม
พอก้าวเท้าเข้าเรือนก็เจอนางเซี่ยและอินเหิง นางจึงกล่าว "ข้าตัดสินใจแล้วว่าวันพรุ่งจะเข้าเมือง"
ก่อนหน้านี้เมิ่งอู่คิดว่าการเดินทางเข้าเมืองเสียเวลาเปล่า ยิ่งกว่านั้นนางยังไม่วางใจที่จะทิ้งนางเซี่ยกับอินเหิงไว้ในเรือน นางจึงคิดว่ารอให้สร้างเรือนหลังใหม่เสร็จก่อน ค่อยหาเวลาเข้าเมือง
แต่ยามนี้ดูคล้ายว่านางจะต้องไปที่นั่นเสียแล้ว
เพียงแต่นางเซี่ยทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เมิ่งอู่เข้าเมืองเพียงลำพัง นางพร่ำบ่นไม่หยุดว่าในเมืองมีคนเลวมากมาย หากพวกคนเลวเห็นเมิ่งอู่เดินทางคนเดียว อาจจะลักพาตัวนางไปขายก็เป็ได้
เมิ่งอู่หัวเราะสองหนก่อนกล่าว "ท่านแม่อย่ากังวลเลยเ้าค่ะ ข้าไม่ใช่คนที่จะถูกลักพาตัวไปได้ง่ายๆ รอสักครู่ท่านเขียนรายการสิ่งของที่ในเรือนขาดไว้ วันพรุ่งหากข้าขายโสมได้ ก็จะซื้อกลับมาให้”
นางเซี่ยกล่าว "อาอู่ เ้าไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ให้คนอื่นเอาไปขายในเมืองเถิด..."
เมิ่งอู่กล่าว "ข้าไปเองคนเดียวสบายใจกว่าเ้าค่ะ"
กล่าวได้ว่าจากความทรงจำของเ้าของร่างเดิม เมิ่งอู่ไม่เคยเข้าเมืองเลย แม้แต่นางเซี่ยก็เคยเข้าเมืองเพียงครั้งสองครั้งกับอาจารย์เซี่ยเท่านั้น หากในเรือนขาดสิ่งใด ก็จะขอให้ชาวบ้านที่บังคับเกวียนเข้าเมืองช่วยซื้อมาให้
จากนั้นเมิ่งอู่จึงออกไปหาชาวบ้านคนหนึ่งที่มีเกวียนวัว โดยอยากจะขอให้เขาพานางเข้าเมืองไปด้วย
เดิมชาวบ้านไม่ค่อยรับคนอื่นเข้าเมืองไปด้วยตามใจชอบ แต่เมิ่งอู่นำธัญพืชครึ่งโต่วไปมอบให้ นี่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ชาวบ้านผู้นั้นรับปากอย่างตรงไปตรงมาว่าจะพาเมิ่งอู่เข้าเมืองในวันพรุ่งและรับผิดชอบพานางกลับมา
เมื่อนางเซี่ยรู้ว่ามีชาวบ้านบางคนยอมพาเมิ่งอู่ไปด้วยก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง
ตกเย็น นางเซี่ยช่วยเย็บกระเป๋าผ้าติดไว้ในเสื้อของเมิ่งอู่ ก่อนกำชับนางครั้งแล้วครั้งเล่าว่า เมื่อเข้าเมืองแล้วห้ามสนใจสิ่งแปลกใหม่ ห้ามเชื่อคำพูดของผู้อื่น ยิ่งห้ามไปร่วมสนุกกับกลุ่มผู้คน ทำนองนี้
เมิ่งอู่เป่าไฟให้ดับ พยายามปลอบโยนมารดาจนนางยอมเข้านอน อินเหิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของม่านก็เรียกนางเบาๆ “อาอู่”
เมิ่งอู่ที่ยังไม่ง่วงนอนค่อยๆ ย่องลงจากเตียง เลิกม่านขึ้น พอเห็นเขาลืมตาอยู่จึงกระซิบถาม “มีอะไรหรือ? เ้าเรียกข้ารึ?”
อินเหิงกล่าว "เข้ามาสิ"
เมื่อเขาเอ่ยเชื้อเชิญเช่นนี้ เมิ่งอู่จะปฏิเสธได้อย่างไร นางเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างแผ่นไม้ที่เขานอนอยู่ อินเหิงพยุงตัวขึ้นนั่งพิงผนัง
อินเหิงกล่าวกับนางเสียงแ่เบา "เ้าไม่เคยไปตลาดเลยหรือ?"
เมิ่งอู่มุมปากกระตุกเมื่อได้ยินอย่างนี้ นางหยิบปอยผมของเขาขึ้นมาพันเล่นระหว่างนิ้วพลางกล่าว “ข้าเป็เพียงชาวบ้านที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน อาเหิง เ้าก็กังวลว่าข้าจะถูกคนเลวลักพาตัวไปหรือ?”
อินเหิงมองนางแวบหนึ่งก่อนกล่าว “ข้ามิได้กังวลว่าเ้าจะถูกลักพาตัวไป แต่กังวลว่าเ้าจะติดใจจนลืมกลับเรือน”
เมิ่งอู่หัวเราะเบาๆ “เป็เ้าที่รู้ใจข้า”
อินเหิงกล่าวต่อ “แต่ในตลาดมีทั้งปลาและัปะปนกันไป ผู้คนสามลัทธิเก้าอาชีพ [1] ล้วนมีทั้งหมด เ้าอาจต่อสู้เอาชนะคนอื่นได้ แต่ใช่ว่าจะเอาชนะเล่ห์กลของคนอื่นได้ ต้องจำใส่ใจเอาไว้ให้ดี หากมีผู้ใดชวนเ้าเข้าตรอกเปลี่ยว เ้าอย่าไปด้วยเด็ดขาด ระวังคนลอบทำร้ายจากด้านหลัง ส่วนใหญ่พวกนั้นมักใช้ยาสลบ”
เมิ่งอู่กล่าว "อาเหิง ข้าดูเหมือนคนที่ลงมือด้วยง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?"
อินเหิงมองนางผาดหนึ่ง "เ้าเดินทางตามลำพัง เป็เด็กสาวที่ทั้งอ่อนแอและผอมบาง การจะจับตัวเ้าไปไม่ต้องใช้พละกำลังมากนัก พอเปลี่ยนมือไปให้หอนางโลมก็ยังได้ราคาดี เ้าว่าลงมือด้วยง่ายหรือไม่เล่า?"
เมิ่งอู่ลูบจมูกพร้อมกล่าว "เอาเถิด ดูคล้ายเ้าจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเื่พวกนี้มากนะ"
อินเหิงลูบชายเสื้ออย่างสบายๆ ก่อนเอ่ย "แน่นอนสิ ข้าเคยเข้าเมืองมาก่อน"
เมิ่งอู่ถึงกับพูดไม่ออก
อินเหิงกล่าวต่อ “ที่บอกเื่พวกนี้กับเ้า ก็เพราะ้าให้เ้าไม่ขาดจิตใจที่ระแวดระวังคน”
ก่อนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น เมิ่งอู่ก็ออกเดินทางเข้าเมืองพร้อมกับชาวบ้านที่บังคับเกวียนวัว
ยามนางเดินทางจากไป ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านยังคงหลับใหลไม่ตื่น มีเพียงเสียงไก่ขันและเสียงสุนัขเห่าเป็ครั้งคราว
บนเกวียนวัวแขวนตะเกียงน้ำมันสลัวรางแกว่งไปแกว่งมา ส่องสว่างไปยังหนทางเบื้องหน้าเพียงเล็กน้อย
หากออกจากเรือนเช้ามืดขนาดนี้ ครอบครัวของเมิ่งต้าคงไม่รู้ไม่เห็น มิหนำซ้ำอาการาเ็ที่เท้าพวกเขายังไม่หายดี คงไม่กล้ามาหาเื่ถึงเรือนของนางอีก
เมิ่งอู่นอนอยู่บนเกวียนวัวพลางเงยหน้ามองนภาที่มืดมิด
สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา พืชผลในทุ่งกำลังเจริญเติบโตงอกงาม
สายลมยามอรุณพัดโชยเย็นสบาย พากลิ่นหอมของพืชพันธุ์และน้ำค้างมาด้วย
กลางเวหายังคงมีดวงดาราเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ถูกแสงสว่างบนฟ้ากวาดพัดไป
จากหมู่บ้านไปถึงตัวเมืองใช้เวลาเดินทางอย่างเต็มกำลังนานกว่าสองชั่วยาม
ครั้นมาถึงหน้าประตูเมือง ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว ดวงตะวันค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้า
วันนี้เป็วันที่มีตลาดนัด ชาวบ้านมากมายต่างหลั่งไหลเข้าเมืองกันอย่างคึกคักครึกครื้นมาก
ชาวบ้านผู้นั้นจอดเกวียนวัวส่งเมิ่งอู่ที่หน้าประตูเมือง และบอกว่าตอนกลับให้มาเจอกันที่นี่อีกครั้งหลังเที่ยง เมิ่งอู่เห็นด้วยอย่างยินดีปรีดา
นางะโลงจากเกวียนเบาๆ แล้วเดินเท้าเข้าเมืองเหมือนชาวบ้านจำนวนมาก ไม่นานก็หายลับไปท่ามกลางคลื่นมนุษย์
นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้มาเที่ยวตลาดในยุคโบราณ สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงขายของมากมายสุดอลังการ ผู้คนบนถนนเดินๆ หยุดๆ มองด้วยความสนใจและมองไปรอบๆ
หลังเข้าเมือง เมิ่งอู่ก็ตรงไปที่ร้านขายยาก่อน ถามร้านขายยาหลายแห่งพบว่าพวกเขาสนใจโสมที่นางนำมาด้วย แต่พอเห็นว่าเมิ่งอู่เป็เด็กสาวที่หลอกง่าย จึงเสนอราคาให้ต่ำมาก
ต่อมาเมิ่งอู่จึงสอบถามถึงร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ร้านขายยาขนาดใหญ่มีคนเข้าออกเพื่อซื้อยามากมาย หากคิดจะโกงนางโดยไร้ขีดจำกัดล่าง ก็ต้องคำนึงถึงป้ายร้านตนเองบ้างปะไร
ร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองคือร้านขายยาซวี่จี้ นี่ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ตระกูลซวี่เป็ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง ทิ้งห่างตระกูลที่ร่ำรวยเป็อันดับสองถึงแปดถนน
เมื่อเมิ่งอู่มาถึงหน้าร้านขายยาซวี่จี้ ก็เห็นประตูแปดบานเปิดกว้าง ภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของยา ดูโอ่อ่าหรูหราเหลือประมาณ
ผู้ที่มาซื้อยาก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ส่วนใหญ่เป็คนรวยที่ใช้เงินมือเติบ
เมิ่งอู่เดินไปหน้าโต๊ะของผู้ดูแลร้าน ผู้ดูแลถามนางว่า้าซื้อยาอันใด เมิ่งอู่ไม่ตอบ เพียงเปิดผ้าที่ห่อโสมออกและเผยให้เห็นโสมที่อยู่ด้านใน
……….
[1] สามลัทธิ ได้แก่ พุทธ ขงจื๊อ และเต๋า ส่วนเก้าอาชีพระดับบน ได้แก่ เทพ เซียน จักรพรรดิ ขุนนาง ต้มสุรา โรงรับจำนำ พ่อค้า เ้าของที่ดิน และชาวนา เก้าอาชีพระดับกลาง ได้แก่ บัณฑิต หมอ หมอดูฮวงจุ้ย หมอพยากรณ์ จิตรกร หมอดูนรลักษณ์ ปัญญาชน หลวงจีน และนักพรต และเก้าอาชีพระดับล่าง ได้แก่ หมอผี คณิกา ม้าทรง ยามรักษาการณ์ ช่างตัดผม นักดนตรี นักแสดงปาหี่ ยาจก และคนขายน้ำตาลเป่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้