เหลียงปิ่งอันไม่ได้เลิกงานตรงเวลา หลิวฟางเองก็ไม่รู้สึกร้อนใจ
่นี้เหลียงปิ่งอันพยามยามเอาหน้าในหน่วยงานเป็อย่างมาก เข้างานเร็วกลับบ้านช้า และบางครั้งยังทำงานล่วงเวลาอีกด้วย
เมื่อแม่สามีโทรศัพท์มาหา หลิวฟางไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นด้วยซ้ำ พอถึงบ้านพ่อแม่สามี ก็ถูกนายเหลียงดุด่าอย่างไม่ทันตั้งตัว “ภรรยาที่ดีจะช่วยให้สามีปลอดภัย กลับกันเธอเอาแต่คิดจะดองกับตระกูลฝาน ปิ่งอันต้องซวยก็เพราะเธอ!”
หลิวฟางจับต้นชนปลายไม่ถูก
ท่าทีก่อนและหลังของผู้เฒ่าเหลียงทั้งสองเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหลือเกิน ก่อนหน้านี้ที่เธอบอกว่าจะยกเซี่ยเสี่ยวหลานให้ฝานเจิ้นชวน นายเหลียงไม่ได้คัดค้านอะไรเสียหน่อย
ใครจะรู้ว่าสถานการณ์จะผกผันกะทันหัน หายนะประชิดฝานเจิ้นชวนฉับพลัน สองผู้เฒ่าบ้านเหลียงยังอกสั่นขวัญแขวนว่าจะพลอยเกี่ยวข้องกับฝานเจิ้นชวน เหลียงปิ่งอันสาบาน ว่าไม่ได้มีมิตรภาพลึกซึ้งอะไรกับฝานเจิ้นชวนทั้งสิ้น สองผู้เฒ่าเหลียงถึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งที่จริงเหลียงปิ่งอันอยากสานสัมพันธ์ต่างหาก ทว่าเมื่อก่อนฝานเจิ้นชวนไม่แม้แต่จะแยแสเขา และไม่เคยพาเขาไปไหนมาไหนด้วย
ยังไม่ทันลงเรือของฝานเจิ้นชวน เรือก็ล่มเสียก่อน เหลียงปิ่งอันโชคดีไม่น้อย
ผ่านไปสิบกว่าวันยังไม่เกิดปัญหาใดๆ หมายความว่าคดีของฝานเจิ้นชวนจะไม่พัวพันมาถึงเหลียงปิ่งอัน... ความเป็จริงพิสูจน์เรียบร้อยแล้ว คนตระกูลเหลียงปลาบปลื้มยินดีไวเกินไป นายเหลียงได้รับข่าวว่าเหลียงปิ่งอันถูกนำตัวไปในที่ประชุม หลิวฟางแทบไม่อยากเชื่อ
เป็ไปได้อย่างไรเล่า ไม่นานมานี้ยังพูดอย่างมั่นใจว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็หัวหน้าอยู่เลย
อยู่ดีๆ ก็มาบอกหลิวฟางว่าไม่ได้เป็หัวหน้า อีกทั้งยังถูกจับแทน
นายเหลียงหอบหายใจหนัก “เธอได้ข่าวมาจากไหนว่าปิ่งอันจะได้เลื่อนตำแหน่ง? เธอบอกความจริงกับฉันนะ หลายปีที่ผ่านมานี้ปิ่งอันยักยอกของเข้าบ้านเท่าไรแล้ว ใช้โอกาสตอนคนอื่นยังไม่ไปตรวจค้นที่บ้าน เธอรีบนำของที่ไม่ควรมีออกจากบ้านไปซะ!”
นายเหลียงคิดว่าต่อให้ฉกฉวยผลประโยชน์อันมิชอบเข้าจริงๆ ลูกชายของเขาคงไม่โง่เง่าถึงขนาดพูดออกมา
ตราบใดที่ยืนกรานไม่สารภาพ แม้จะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานแน่นอน แต่น่าจะปกป้องคนเอาไว้ได้
อันดับแรกคือหลิวฟางต้องให้ความร่วมมือเป็อย่างดี นายเหลียงตาลีตาลานเรียกสะใภ้มาพบ เพราะรู้ว่าหลิวฟางไม่มีพัฒนาการเสมอต้นเสมอปลาย ยโสโอหังแค่ต่อหน้าคนจน พอต้องพบเ้าหน้าที่ตรวจค้น จะไม่สามารถเก็บงำความจริงได้! ถ้าหลิวฟางปากโป้ง ย่อมเป็ภัยร้ายแรงต่อลูกชายของเขา
หลิวฟางเริ่มเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาจริงๆ ถ้ามิใช่เพราะพ่อแม่สามีกำลังจ้องเธอราวกับจะกินเืกินเนื้อ เธอคงเป็ลมหมดสติไปตามดั่งที่ใจปรารถนาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
หมดสติไปเสียก็ดีสิ ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเื่แบบนี้
ภายในใจของหลิวฟางคือความยุ่งเหยิง ของอะไรที่เก็บไว้ไม่ได้กัน? เงินเก็บในบ้านเธอยังเหลืออยู่อีกสามหมื่นกว่าหยวน เวลาเหลียงปิ่งอันนำเงินกลับมา เธอไม่เคยซักถามว่าได้เงินมาอย่างไรด้วยซ้ำ อย่างไรเสียเหลียงปิ่งอันก็ให้เธอดูแลการใช้จ่ายอย่างเดียว ผู้หญิงจะถามมากความไปเพื่ออะไร
อันที่จริงข้าวของมูลค่าสูงไม่ได้เยอะแยะสักเท่าไร หลิวฟางมีเพียงแหวนทองคำไม่กี่วง และสร้อยคอทองคำสองเส้น
หากครอบครัวของเธอจะใช้ชีวิตสุขสบาย นั่นควรเป็แค่ระดับปัจจัยการดำรงชีวิตดีกว่าครอบครัวในเมืองทั่วๆ ไปเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางพอให้สมาชิกทั้งครอบครัวใช้จ่ายพร้อมกับสามารถเก็บเงินออมจำนวน 3 หมื่นกว่าหยวนได้ ไม่รวมกับเงินหนึ่งหมื่นที่โยนให้เซี่ยเสี่ยวหลาน มิเช่นนั้นครอบครัวเธอคงมีเงินเก็บราว 4 หมื่นหยวน
หลิวฟางเป็แม่บ้านดูแลครอบครัวมาหลายปี ไม่ได้แปลว่าเธอไม่ทราบรายได้ของครอบครัวผู้อื่น ในหน่วยงานที่ผลประกอบการดี สามีภรรยารวมกันจะได้สองถึงสามร้อยหยวนต่อเดือน หนึ่งปีไม่กินไม่ดื่มก็พอเก็บเงินได้สองสามพันหยวน ทว่านั่นคือภายใต้เงื่อนไขไม่กินไม่ดื่ม มีผู้ใดบ้างที่รับเงินเดือนแล้วจะไม่ใช้แม้แต่เหมาเดียว ยิ่งคำนวณจากอายุงาน คนที่รับเงินเดือนสูงส่วนมากล้วนมีภาระดูแลทั้งเด็กและคนชราในครอบครัว ต่อให้เป็กรองเด้ต์ [1] ก็มิอาจใช้ลมพายัพ [2] เลี้ยงครอบครัว
เงินที่หามาได้มีเหลือเก็บ แต่การจะมีเงินเหลือเก็บหลายหมื่นหยวนโดยมาจากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวในปี 84 ถือเป็เื่เพ้อฝันชัดๆ !
หลิวฟางลนเกินกว่าจะเล่นลิ้นกับพ่อแม่สามี เธอแจกแจงทรัพย์สินทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมา นายเหลียงจึงรู้ว่าเงินเก็บเหล่านี้มีที่มาที่คลุมเครือ นึกไม่ถึงว่าเหลียงปิ่งอันจะกล้าขนาดนี้ นายเหลียงรู้สึกหัวใจบีบแน่น ภรรยาประเสริฐสามีจะไร้เภทภัยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวฟางแต่งงานมาเป็แค่แม่บ้านเฝ้าเรือน ไม่หาเงินแล้วยังชอบใช้เงิน ลูกชายเขาจะนำเงินมากมายขนาดนี้เข้าบ้านหรือ? ย่าของเหลียงฮวนฟาดฝ่ามือใส่หลิวฟางโดยไม่คิดเลย
“ตัวซวย ถ้าคราวนี้ลูกชายฉันต้องย่ำแย่เพราะเธอ เธอก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบ!”
หลิวฟางน้ำตาไหล
ปกติเหลียงปิ่งอันไม่ได้บอกเื่เกี่ยวกับการงานต่อเธอเสียหน่อย เธอจะสร้างปัญหาอะไรได้?
สุดท้ายก็รู้สึกผิดจนไม่กล้าโต้แย้ง เหลียงปิ่งอันจะประสบเคราะห์ร้ายเพราะอะไรได้ คงเป็เพราะเื่ของบ้านฝานอยู่ดี หลิวฟางรู้สึกกระวนกระวาย สงสัยว่าเป็การแก้แค้นจากคนรักนายทหารของเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าไม่กล้าพูดต่อหน้าพ่อแม่สามี ถ้าสองผู้เฒ่าบ้านเหลียงรู้ว่าเื่นี้เกี่ยวข้องกับเธอด้วย เกรงว่าจะไม่ใช่เพียงฝ่ามือเดียวแล้ว
นายเหลียงอยากบีบคอลูกสะใภ้โง่เง่าให้ตายเหมือนกัน ทว่าต้องระงับความโกรธไว้ ถ้าไม่กำชับหลิวฟางให้ดี คนที่โชคร้ายคือเหลียงปิ่งอัน
“เธอส่งพวกของมีค่าอย่างสมุดบัญชีกับเครื่องประดับมา จะไม่เก็บเงินในบ้านเลยแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ เหลือไว้สักไม่กี่พันหยวนยังพออธิบายไหว ถ้ามีคนถามเธอเื่ปิ่งอัน เธอต้องบอกว่าไม่รู้เท่านั้น!”
นายเหลียงอยากชี้แนะมากกว่านี้ แต่หลิวฟางต้องมีสมองด้วยน่ะสิ
หากสิ่งที่หลิวฟางบอกกับสิ่งที่เหลียงปิ่งอันชี้แจงต่อองค์กรไม่ตรงกัน เหลียงปิ่งอันดับอนาถแน่แล้วจริงๆ
“อย่าบอกเหลียงอวี่ เธอส่งลูกมาเสีย ฮวนฮวนก็เหมือนกัน ปล่อยให้หลานเรียนตามปกติ มีคนถามเื่พ่อของแกก็ต้องบอกว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”
พ่อสามีพูดหนึ่งประโยค หลิวฟางพยักหน้ารับทราบหนึ่งที
สองผู้เฒ่าบ้านเหลียงไม่รั้งเธอเอาไว้นานนัก ปล่อยให้เธอรีบไปเก็บข้าวของส่งมา หลิวฟางค้นบ้านจนทั่ว กลัวว่ายังลืมของมีค่าอะไรไว้ในมุมใดมุมหนึ่ง โชคดีที่เหลียงปิ่งอันไม่ได้โง่ เงินที่นำกลับบ้านมาสามารถใช้จ่ายได้ตามสะดวก แต่ไม่อนุญาตให้หลิวฟางจัดการภายในบ้านจนดูหรูหราฟุ่มเฟือยเกินสมควร
แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นราคาค่างวดไม่เท่าไร ตอนนี้หลิวฟางดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เธอได้ยินว่าพี่สะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยซื้อโทรทัศน์สีนำเข้า 19 นิ้ว แม้ไม่ยอมน้อยหน้าและอยากเปลี่ยนโทรทัศน์เก่าที่บ้านบ้าง ทว่ายังไม่มีเวลาว่างนั่นเอง
ของมีค่าชิ้นเล็กชิ้นน้อยยังพอสามารถซ่อนไว้ที่บ้านพ่อแม่สามี แต่หากเปลี่ยนมาใช้โทรทัศน์สีนำเข้า 19 นิ้วจริงจะไม่สะดุดตายิ่งกว่าเดิมหรือ!
โทรทัศน์เครื่องใหญ่เสียขนาดนั้น จะเอาไปทิ้งข้างนอกก็ไม่ทันแล้ว
การตัดสินใจของนายเหลียงไม่ผิดเลย วันถัดมาหลังจากเหลียงปิ่งอันโดนพาตัวไป ก็มีคนมาพูดคุยกับหลิวฟาง
หลิวฟางได้รับการกำชับจากพ่อสามีซ้ำแล้วซ้ำเล่าล่วงหน้า ถามอะไรให้บอกไม่รู้แน่ชัด เมื่อจวนตัวแล้วก็บอกว่าตนเองเป็เพียงแม่บ้าน ไม่รู้รายละเอียดงานของเหลียงปิ่งอัน “เหล่าเหลียงของพวกเราตั้งใจรับผิดชอบต่องาน มักทำงานล่วงเวลาและกลับบ้านช้าบ่อยๆ ถ้าในหน่วยงานมีธุระใดแม้เป็วันหยุดหรือเทศกาล เขาก็ยืนหยัดในหน้าที่เสมอ...”
ข้าราชการและสมาชิกครอบครัวที่ถูกสอบสวนล้วนพูดแบบนี้ บางคนทักษะยอดเยี่ยมกว่าหลิวฟางเสียอีก ร้องรำสมบูรณ์แบบ พอตรวจสอบพบว่ามีปัญหา มักเป็พวกที่ร้องไห้คร่ำครวญหนักที่สุด
ผู้มาเยือนเดินวนรอบบ้าน
“พวกคุณฐานะดีทีเดียว ได้ใช้เครื่องซักผ้าแล้วด้วย จากข้อมูลที่พวกเรารับทราบ สหายหลิวฟาง คุณไม่ได้ประกอบอาชีพสินะ?”
หัวใจของหลิวฟางแทบกระเด้งออกมาจากในลำคอ
“เก็บจากเงินเดือนของเหล่าเหลียงน่ะค่ะ และมีเงินสมทบจากพ่อแม่สามี เงินเดือนหลังเกษียณของพวกเขาค่อนข้างเยอะ”
สองผู้เฒ่าเหลียงมีเงินเดือนหลังเกษียณทั้งคู่ นายเหลียงเป็ข้าราชการำาญ ส่วนนางเหลียงก็เป็ลูกจ้างใช้แรงงาน การที่ตระกูลเหลียงมีฐานะดี ไม่ได้อาศัยเงินเดือนแค่อย่างเดียวแน่นอน ตอนนั้นนายเหลียงมีอำนาจพอสมควร ดึงของดีๆ เข้าบ้านไม่น้อย วันเวลาแปรเปลี่ยนทุกสิ่งแปรผัน นายเหลียงเกษียณอายุอย่างปลอดภัย และของพวกนั้นก็กลายเป็ของแซ่เหลียง
เนื่องจากตระกูลเหลียงมั่งคั่ง สองผู้เฒ่าเหลียงจึงไม่เข้าใจเหตุผลที่เหลียงปิ่งอันยักยอกทรัพย์เข้าบ้าน ครอบครัวไม่ได้ขัดสนเงินทองเสียหน่อย หลังสองคนอายุร้อยปี ของพวกนั้นย่อมจะยกให้เหลียงปิ่งอันทั้งหมดอยู่แล้ว
เหลียงฮวนยังคงฝันถึงสถานะบุตรสาวผู้อำนวยการหน่วยงานอยู่ ต่อมาพ่อของเธอถูกจับปัจจุบันทันด่วน เธอรู้สึกประหนึ่งโดนใครตบหน้าให้ตื่นจากความอันฝันแสนหวาน เหลียงฮวนรู้สึกว่างเปล่าและหมดหนทาง
ปู่เธอบอกให้เข้าเรียนตามปกติ เหลียงฮวนจะมีสมาธิเรียนที่ไหนกัน?
ยังไม่ทันเรียกเธอให้ปากคำด้วยซ้ำ เธอก็เกือบสติแตกแล้ว ขณะเรียนฟุบหน้าลงบนโต๊ะอยู่ในอาการซึมกะทือ เพื่อปกปิดความผิดปกติของตนเอง
ฝานหานแสยะยิ้ม เมื่อวานเหลียงปิ่งอันถูกจับ ย่าของเขาปรบมือโห่ร้องด้วยความหฤหรรษ์อยู่ที่บ้าน... ย่าของฝานหานไม่คิดว่าฝานเจิ้นชวนผู้เป็ลูกชายทำผิด คนผิดคือบ้านเหลียงผู้เป็สื่อกลาง คือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลาน และคือคนที่มาพาตัวฝานเจิ้นชวนไป
เชิงอรรถ
[1]กร็องเด้ต์ คือ เฟลิกซ์ กร็องเด้ต์ ตัวละครในนวนิยายเื่ ‘เออเฌนี กร็องเด้ต์’ ผลงานของ ออนอเร เดอ บัลซัค นวนิยายสะท้อนสังคมที่มีตัวละครเอกนามว่า เออเฌนี กร็องเด้ต์ โดยเฟลิกซ์เป็บิดาของเธอและเ้าบ้านตระกูลกร็องเด้ต์ผู้ร่ำรวย เขากลายเป็เศรษฐีใหม่ชนชั้นนายทุนหลังการเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส เขาคือคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา ไม่ว่าจะเป็การเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หาผลประโยชน์จากการดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารประจำเมือง หรือการทำธุรกิจอย่างไร้มนุษยธรรม ถึงกระนั้นเขาก็เป็คนฉลาดหลักแหลมและมีความสามารถมาก นิสัยอย่างหนึ่งของตัวละครนี้ที่เห็นได้ชัดคือตระหนี่ถี่เหนียว เขาจึงถูกนำมาใช้เป็ตัวแทนของคนขี้เหนียว
[2]มาจาก 喝西北风 สูดลมพายัพ หมายถึง ไม่มีจะกิน อดอยากมาก ทำได้เพียงสูดลมหนาวจากทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) เพื่อประทังชีวิต