ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ัดำเองก็น่าจะหิว แต่สลัดผลไม้ตรงหน้าใส่อะไรลงไปบ้าง เธอกลับไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดและได้แต่จ้องซุนเฉียนตาปริบๆ
“ประเพณีชาวจีน ดื่มชาเปิดใจ ทานข้าวคุยธุระ เธอไม่ลองชิมดูหน่อยหรือ? ฝีมือฉันไม่เลวนะ” ซุนเฉียนกล่าวพลางรับประทานบะหมี่
“ไม่จำเป็ ถ้าไม่พูดออกมาให้ชัด ต่อให้เป็เนื้อัก็ยังมีกลิ่นเหม็น” คำของัดำเต็มไปด้วยความขุ่นมัว
“เธอนี่ช่างใจร้อน อาหารบนเครื่องทำเอาฉันสะอิดสะเอียนตลอดไฟลท์ จะไม่ให้ฉันทานบะหมี่ให้เสร็จก่อนเลยอย่างนั้นหรือ” ซุนเฉียนวางบะหมี่ที่เพิ่งซดเข้าไปได้สองคำลงอย่างช่วยไม่ได้ “ัดำ ฉันจะถามเธอแค่รอบเดียว เธอเอาเงินคอร์รัปชันไปหรือเปล่า?”
“เอาไป” ัดำตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน ทำเอาซุนเฉียนอึ้งไป เซี่ยวอี๋เห็นแววตาที่เป็ประกายของเหล่าอันธพาล ดูท่าทางแล้วอยากจะสำแดงฤทธิ์จนตัวสั่น แต่พวกมันก็ถูกเสิ่นิใช้สายตาข่มเอาไว้
“ยอมรับทำไม?” ซุนเฉียนกล่าวยิ้มๆ
“เพราะคุณบินมาถึงอเมริกาด้วยตัวเอง และยังแอบเข้ามาในห้องของฉันอย่างเงียบๆ ซ้ำยังพาฝูงนักเลงหลายสิบคนมาสอบสวนฉันอีก นั่นหมายความว่าคุณได้ตัดฉันทิ้งแล้ว
ไม่ว่าฉันเอาไปหรือไม่ จุดจบของฉันก็ไม่ต่างอะไรกัน” แม้แต่ในเวลาเช่นนี้ ความสงบนิ่งของัดำก็ยังคงอยู่เหนือระดับมนุษย์ทั่วไป
“ฉลาด ฉันชอบนิสัยที่ฉลาดและท้าทายของเธอมากกว่าใคร ดูเหมือนว่าเธอจะมองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ว่าัดำ ไม่ว่าฉันจะชอบเธอมากแค่ไหน ธุรกิจก็คือธุรกิจ ทำการค้าย่อมคำนึงถึงแต่เื่ของผลประโยชน์เท่านั้น เธอเข้าใจฉันใช่ไหม?” ซุนเฉียนกล่าวปลอบใจ
“แน่นอนว่าฉันเข้าใจดี ม่านไม้ไผ่ห่วยที่สุดในบรรดา 7 แก๊ง เื่เล่ห์เหลี่ยมใครล่ะจะสู้ญี่ปุ่นสามก๊ก เื่ความรุนแรงใครล่ะจะสู้สกินเฮด เื่ความาุโใครล่ะจะสู้แก๊งมาเฟีย เื่เขตแดนใครล่ะจะสู้แก๊งชาวจีน เื่ธุรกิจใครล่ะจะสู้แก๊งคนดำ เื่อิทธิพลใครล่ะจะสู้ตระกูลไมค์ คิดจะอยู่ในอเมริกา หรือตั้งหลักปักฐานบนโลกใบนี้ เป็เื่ธรรมดาที่จะต้องพึ่งพาผู้แข็งแกร่ง” ัดำเลือกที่จะบอกความลับกับอิวานอฟั้แ่เนิ่นๆ เพราะหลักการนี้ แต่ผู้แข็งแกร่งที่ซุนเฉียนเลือกกลับอันตรายยิ่งกว่า...เ้าพ่อ
“พูดกับเธอยังง่ายดายเหมือนเดิม เห็นทีจะต้องจบความสัมพันธ์กันเท่านี้ ยอมให้จับเสียโดยดี ฉันพยายามจะช่วยเธอ...ให้เธอตายอย่างเ็ปน้อยที่สุด” นับว่าซุนเฉียนพอใจมาก สายตาข้างหนึ่งของเขาส่งสัญญาณให้กับอันธพาลที่ด้านข้างชักมีดสั้นออกมา
“ขอบคุณ แต่อย่าเพิ่งรีบร้อนฆ่าฉันเลย ให้ฉันลองทายดูก่อนว่าข้อตกลงของพวกคุณนั้นดีแค่ไหน?” ในที่สุดก็พูดออกมาชัดเจนแล้ว ัดำก็จะไม่อดทนอีกต่อไป เธอหยิบสลัดผลไม้ขึ้นมา
ซุนเฉียนเปิดใจรับฟัง พร้อมกับยกบะหมี่ขึ้นทาน
“เดิมทีสามก๊ก แก๊งคนดำและแก๊งชาวจีนร่วมมือกัน กระทั่งล่าสุดได้รับความสนใจจากผู้นำตระกูลไมค์ เ้าพ่อฉลาดกว่าฮอนดะซัง เจียวหวา และแมมบ้าดำ เขาเสนอกลยุทธ์หนึ่งขึ้นมา ไม่ว่าเงินจะอยู่ที่ไหน ก็ให้จัดการเก็บฉันก่อนแล้วค่อยหา แล้วค่อยดึงคุณเข้ามาร่วมหัวจมท้ายด้วย
เงินคอร์รัปชัน 3 พันล้านในมือ ทุกคนได้แบ่งกันตามสัดส่วนแล้วเรียบร้อย ส่วนเงินของอันโตนิโอและอิวานอฟก็บอกว่าฉันเอาไป
ต่อให้ทั้งสองแก๊งนั้นจะรู้ว่ามีหนอนอยู่ แต่พวกคุณทั้ง 5 แก๊งรวมหัวกัน พวกเขาจะไปทำอะไรได้” ัดำเกือบจะพูดออกมาทั้งหมด
“ฉันไม่อาจยอมรับมัน” ซุนเฉียนเสียใจกับความฉลาดของัดำ
“วางใจเถอะ ฉันไม่ได้บันทึกไว้ และไม่ได้บังคับให้คุณยอมรับ มาเฟียไม่เคยพูดถึงหลักฐาน สู้กันด้วยความแข็งแกร่ง พวกคุณมีอำนาจใจการปราบปรามแก๊งมาเฟียและแก๊งสกินเฮด แน่นอนว่าย่อมอมเงินไปได้หมดแน่
แต่ พวกคุณก็พลาดอะไรไปบางอย่าง” ัดำอมยิ้ม
“พลาดอะไร?” ซุนเฉียนไม่ชอบใจกับความทะนงตนของัดำ
“เขา” ัดำยกส้อมเงินบริสุทธิ์ในมือ เสิ่นิรับจังหวะเหมือนกับคู่เต้นรำ เขารับส้อมไปและปักลงไปบนไหล่ของจิ๊กโก๋ซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุด ส้อมเสียบเข้าไปที่ไหล่ของหนุ่มคนนั้น ทำเอามันหงายหลังลงกับพื้น
“จะลงมือก็ไม่บอกกันสักคำ!” เซี่ยวอี๋คำรามด้วยความโมโห เธอเตะขาขวาที่ยาว 105 เิเไปที่จิ๊กโก๋คนหนึ่ง จิ๊กโก๋คนนั้นลอยถลาไปไกล
“พาัดำไป!” เสิ่นิะโ ชายหนุ่มดึงเข็มขัดออกมาจากเอว เขาฟาดหัวเข็มขัดเหล็กจนกระทั่งมือมีดพลิกตัวล้มลงกับพื้น
“ฆ่าพวกมัน!” ซุนเฉียนเปล่งเสียงอันเกรี้ยวกราด นอกจากจิ๊กโก๋ 3 คนที่คุ้มกันอยู่ที่ด้านหน้าของชายชรา ที่เหลือก็วิ่งตามไปสมทบ
“นั่งดีๆ ล่ะ!” เซี่ยวอี๋จับที่วางแขนของรถเข็น ก่อนจะพุ่งตรงไปยังลิฟต์
เสิ่นิสะบัดสายเข็มขัดเหมือนแส้ เขาฟาดทุกคนที่วิ่งกรูเข้ามาหา กระทั่งไม่มีไอ้หน้าไหนกล้าก้าวขาออกมาข้างหน้า
“หลบไป! ข้าเอง!” ชายรูปร่างสูงอวบราวลูกฟุตบอลขนาด 190 เิเ ผลักนักเลงคนอื่นๆ ให้ออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะพุ่งเข้าหาเสิ่นิ
เข็มขัดพันรอบคอเขา เสิ่นิดึงเขาเข้าหาอ้อมแขนของตน แต่นั่นกลับให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังดึงช้าง
“เข้ามาสิ!” ชายอ้วนยิ้มและดึงเสิ่นิเข้าหาตัวด้วยมือข้างเดียว มือใหญ่ทั้งสองข้างโอบที่รอบเอวของเสิ่นิ ก่อนจะยกเสิ่นิขึ้นกลางอากาศ อย่าได้มองว่าคนอ้วนนั้นอ้วน ทั้งร่างเปี่ยมไปด้วยพลัง แขนทั้งสองข้างหดกลับเหมือนกับกระบอกสูบเหล็กของรถขุดดิน เขาหนีบเอวของเสิ่นิไว้จนกระทั่งได้ยินเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ
เสิ่นิกระแทกเข่าเข้าที่ท้องของคนอ้วน แต่แรงกระแทกนั้นกลับสลายไปกับชั้นไขมันหนาอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้เจ็บ ไม่ทันได้คัน
“เสิ่นิ!” เซี่ยวอี๋ขาดการคุ้มกันจากเสิ่นิ เธอถูกล้อมไว้ด้วยเสาต้นหนึ่ง เซี่ยวอี๋บังัดำไว้ที่ด้านหลัง หญิงสาวกวัดแกว่งแจกันขนาดใหญ่ในมือ ขับไล่พวกนักเลงไปให้พ้น
“ร้องไปเถอะ! ร้องให้คอแตกตายก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก! ฮ่าๆๆ!” ชายอ้วนเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นิในอ้อมแขนพลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ดื่มซะ! ถุย!” เสิ่นิบ้วนเสมหะลงไปในลำคอของคนอ้วน หมอนั่นขยะแขยงเสียจนอดไม่ได้ที่จะคลายมือทั้งสองข้างออก
เสิ่นิลอยเคว้งแต่ไม่รอให้ตัวตกลงถึงพื้น สองมือของเขายึดจับที่ด้านหลังศีรษะของชายอ้วน เขาตีเข่าเข้าตรงๆ ต่อให้เ้าเนื้อแค่ไหน หน้าก็คงไม่อ้วนขนาดนั้น ดั้งจมูกของเ้าอ้วนถูกเสิ่นิเตะเข้าตรงๆ ชายอ้วนกลอกตาขึ้นและล้มลงกับพื้น
“เข้าไป! ยืนดูอะไรกัน! จัดการมัน!” ซุนเฉียนแผดเสียงคำราม
กลุ่มคนร้ายถือมีดโอบล้อมแทงกันมั่วซั่ว เสิ่นิหักขาเก้าอี้ไม้สี่ขาออกด้วยมือเปล่า เขาเอามาใช้เป็กระบองไม้คู่สำหรับตีหัว วัตถุอันทรงพลังนี้ช่วยปิดกั้นได้ทั้งสองทาง เนื้อไม้ส่วนที่ไม่แข็งพอได้แตกกระจายลงบนพื้น
เพียงไม่กี่นาที ห้องัดำก็กลายสภาพไปโดยสิ้นเชิง คราบเืกระเซ็นอยู่ทั่วทุกพื้นที่ บนพื้นห้องสามารถเจอฟันได้เป็ระยะ เสิ่นิบุกเข้าไปถึงหน้าเสา เขาช่วยเปิดทางให้กับเซี่ยวอี๋และัดำ ก่อนจะพาทั้งสองไปถึงหน้าลิฟต์
ใช่ว่าเขาจะไม่าเ็ ภายใต้คมมีดอันวุ่นวายสับสน แขนและหลังของเขาได้รับาเ็จนเป็แผลเปิด เืสีแดงสดโผล่ขึ้นมาบนเสื้อเชิ้ตสีขาว
เซี่ยวอี๋กดปุ่มลิฟต์อย่างบ้าคลั่ง นี่เป็ครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าลิฟต์จากชั้นหนึ่งขึ้นมาที่ชั้น 6 ได้ช้ามาก
ตะบองทั้งคู่ในมือของเสิ่นิถูกหั่นจนกลายเป็เศษเสี้ยว แต่เขายังคงยืนตัวตรง นี่คือสิ่งที่อันฉีบอกว่าเป็จุดแข็ง ยุคของาาเสิ่นิ เดิมทีเพียงพอที่จะฆ่าทหารกล้าทั้งเจ็ดที่มาจากทั้งสองทางเข้าออกได้ แต่เพื่อปกป้องภาระหน้าที่ เขาจึงถูกนักเลงมือมีดทั้งฝูงทำให้วุ่นวาย
“ก็แค่บอดี้การ์ด เธอจ้างคุณเท่าไร ผมให้คุณสองเท่า หลีกทางเดี๋ยวนี้!” ซุนเฉียนกล่าวอย่างใจกว้าง
“เธอให้จูบเป็รางวัล...” เสิ่นิยิ้มอย่างชั่วร้ายที่มุมปาก “คุณอยากจะจูบผมสักสองทีงั้นหรือ? นักเลงเฒ่า!”
“ไอ้ฉิบหาย! ไวน์ดีไม่ดื่ม จะดื่มเยี่ยว! แทงมันให้ตาย แล้วโยนให้หมากิน!” นักเลงทั้ง 8 ที่ยังยืนอยู่ได้ถือมีดล้อมกันเข้ามา
“จะสับฉันเหรอ? ก็ลองดูสิ!” เสิ่นิเหมือนกับูเาไม่ไหวติง
หนึ่งต่อแปด ัดำที่นั่งอยู่ที่ด้านหลังของชายหนุ่มเฝ้ามองดูเขาต่อสู้ เืของเขากระเซ็นเข้าที่ใบหน้าของัดำเป็ครั้งคราว แต่ัดำกลับเช็ดมันไม่ลง
ัดำไม่ได้เห็นแผ่นหลังของผู้ชายเช่นนี้มานานมากแล้ว ยืนหยัดปกป้องเธอดั่งเช่นภูผา ัดำเคยเห็นเพียงแค่ครั้งเดียว เขาเป็ผู้ชายที่เธอรักมาก เคยใช้ท่วงท่าแบบนี้ปกป้องเธอจากภัยคุกคามของมาเฟีย
“ติ๊ง!” ในที่สุดลิฟต์ก็มาถึง ประตูลิฟต์เปิดออก มีนักเลงโผล่ขึ้นมาช่วยอีก 4 คน
“ย๊าก!” เซี่ยวอี๋ไม่รอให้ประตูเปิดจนหมด เธอลอยตัวพุ่งเข้าเตะเหมือนกับหอก ร่างบอบบางลอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูไปต่อสู้กับคนด้านใน
“ไป!” เสิ่นิะโหมุนตัวเตะสองขาให้ขนานหน้าหลัง เท้าหนึ่งเขาถีบรถเข็นเข้าไปในลิฟต์ ส่วนอีกเท้าที่เหลือก็เตะจิ๊กโก๋ตรงหน้าจนลอยไปไกล 2 เมตร
ประตูลิฟต์ปิดลงต่อหน้าต่อตาซุนเฉียน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซุนเฉียนมองตาลอย บอดี้การ์ดผู้หนึ่งซึ่งสามารถล้มลูกน้องยอดฝีมือของเขา 20 กว่าคนได้ ซุนเฉียนไม่เคยเจอมาก่อน ฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้สามารถเกิดขึ้นได้แค่เพียงในภาพยนตร์เท่านั้น
เสิ่นิรีบเข้าไปในลิฟต์ และเมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้น 4 ครึ่ง กำลังเสริมที่อยู่ภายในลิฟต์ก็ล้มคว่ำกันหมด แม้แต่เซี่ยวอี๋เองก็ยังหลั่งเื ที่หลังมือของเธอมีแผลใหญ่เป็รู
“คุณไม่เป็ไรใช่ไหม?” เสิ่นิเห็นว่าทั้งตัวของัดำเปรอะไปด้วยเื เขาจึงตรวจสอบด้วยความตระหนก
“คุณเป็บอดี้การ์ดที่น่าสนใจมาก ตัวเองถูกสับเืกบไปทั้งร่าง แต่กลับมาถามฉันว่าไม่เป็ไรใช่ไหม?” ัดำเคยเห็นบอดี้การ์ดที่ไม่สนเงิน แต่ไม่เคยเห็นบอดี้การ์ดที่ไม่กลัวตาย
“สภาพร่างกายของผม ผมรู้ตัวเองดี ส่วนของคุณ ผมไม่รู้ ถ้าาเ็ก็ต้องบอก อย่าทำปากหนัก” เสิ่นิตรวจสอบัดำทั้งตัว เขาเห็นแต่เพียงคราบเืของคนอื่น
“1 คุณชื่ออะไร?” ในสมองของัดำบันทึกผู้คนไว้อย่างมากมายถึงหนึ่งแสนคน แต่คนที่ทำให้เธอเรียกชื่อได้กลับมีไม่ถึงสิบคน เธอไม่ชอบเพิ่มภาระให้แก่สมอง ดังนั้นหลายคนจึงเป็ได้แค่เพียงตัวเลขในสมองของเธอ
“เสิ่นิ”
“ฉันจำได้แล้ว คุณควรค่าแก่การจดจำ” ณ วินาทีนั้น เสิ่นิได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงจากัดำแล้ว
“ติ๊ง!” ลิฟต์มาถึงที่ชั้นหนึ่ง ที่ยืนอยู่ด้านหลังประตูลิฟต์นั่นคือคนเก่าคนแก่ของัดำจำนวน 40 กว่าชีวิต พวกเขาติดตามัดำมานานหลายปี พวกเขาเลิกชอบการต่อสู้ด้วยมีดที่ติดมาจากไต้หวัน หลายคนมีปืนอยู่ในมือ
“หลบอยู่ข้างหลังผม อย่าขยับ” เสิ่นิไม่สนว่าคู่ต่อสู้จะมีกี่คน การแสดงออกยังคงนิ่งเฉย
“หลบไปเถอะ พวกเขาล้วนแต่เป็คนของฉัน ถ้าถูกพวกเขาฆ่าตาย ก็ถือซะว่าฉันเป็สุนัขตาบอด” ัดำหมุนรถเข็นออกมาจากลิฟต์
“อาเจ๊...” เตาปาสีหน้าดูไม่ได้
“ฉันรู้ ตาเฒ่าคงจะสัญญากับพวกนายเอาไว้หลายเื่ แต่พวกนายทุกคนก็สามารถอยู่เคียงข้างฉันได้ ส่งด้ามมีดมาให้ฉัน ใครทำใครไว้ พวกมันจะได้รู้ถึงการล้างแค้นของฉัน ต่อให้ฉันตายไปก็ยังทำได้” ัดำกล่าวปิดสถาบัน
“อาเจ๊! อาเจ๊ดูถูกพวกเราเกินไปแล้ว!” เตาปาเป็ผู้เริ่มเปิดทางให้แก่ัดำ เพื่อให้เธอตรงไปยังรถ