เสวียนเทียนมองกระบี่ขุนเขาหนักที่หนักร้อยยี่สิบแปดชั่งในมือในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
กระบี่ขุนเขาหนักครึ่งบนเป็ลายสนิมด่างดวงแต่ครึ่งล่างที่ปักอยู่ในก้อนหินกลับเงาวาวราวกับพระจันทร์ ไม่มีสนิมแม้แต่นิดคมกริบเป็ที่สุด
อีกทั้งเมื่อจับกระบี่ขุนเขาหนักขึ้นมา เสวียนเทียนก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลแผ่ขึ้นมาจากตัวกระบี่เขาแน่ใจได้ว่าถ้าเขาใช้กระบี่ขุนเขาหนักเล่มนี้ฟันออกไปทีหนึ่งไม่ต้องพูดถึงความคม แค่แรงโจมตีอย่างเดียวก็คงมากกว่ากระบี่หิมะเหมันต์เกินหกเท่าหากถือกระบี่ขุนเขาหนักแรงโจมตีของเสวียนเทียนแทบจะเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสาม
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือตัวกระบี่หนักเกินไปถึงแม้ว่าเรี่ยวแรงของเสวียนเทียนจะมากจนน่าตกตะลึง แต่เมื่อยกกระบี่ขุนเขาหนักที่หนักหนึ่งร้อยยี่สิบแปดชั่งความว่องไวอย่างไรก็ไม่มีทางเทียบกระบี่หิมะเหมันต์ที่หนักเพียงสิบกว่าชั่งได้
ตอนนี้จุดแข็งของเสวียนเทียนอยู่ที่คำว่า ‘เร็ว’ เน้นความว่องไวแม้ว่ากระบี่ขุนเขาหนักจะดีกว่ากระบี่หิมะเหมันต์อยู่มาก แต่ถ้าให้เขาเลือกตอนนี้เขาก็ยังคงเลือกกระบี่หิมะเหมันต์อยู่ดี
นอกเสียจากว่าพละกำลังของเสวียนเทียนจะเพิ่มพรวดขึ้นมาจนถึงขั้นยกกระบี่ขุนเขาหนักที่หนักหนึ่งร้อยยี่สิบแปดชั่งได้โดยไม่แตกต่างกับกระบี่หิมะเหมันต์ที่หนักสิบกว่าชั่งถึงจะสามารถแสดงพลังอานุภาพของกระบี่ขุนเขาหนักออกมาได้
“หรือนี่เป็ศาสตราวิเศษชั้นนิลเล่มหนึ่ง?”
มองกระบี่ขุนเขาหนักในมือเสวียนเทียนอุทานใขึ้นมา
อาวุธธรรมดาต่อให้เป็อาวุธมีชื่อ พวกมันก็มีเพียงความคมเท่านั้นแต่ศาสตราวิเศษมีพลังแฝงอยู่ในตัว ช่วยเสริมผู้ฝึกยุทธ์ ยกระดับความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ให้สูงขึ้นได้
ศาสตราวิเศษชั้นนิลต่อให้เป็ศิษย์ในของสำนักกระบี่์ คนที่มีก็มีเพียงน้อยนิดในสิบคนมีคนเดียวที่มี
จากผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาทั้งหมดคนที่มีศาสตราวิเศษมีราวครึ่งหนึ่งเท่านั้นครึ่งหนึ่งนี้โดยส่วนใหญ่ก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหกขึ้นไปผู้ฝึกยุทธ์ชั้นต่ำกว่าขั้นหกลงมานอกเสียจากเื้ัพิเศษหรือพบโชคพิเศษบางอย่างโดยทั่วไปแล้วไม่อาจศาสตราวิเศษชั้นนิลได้
กระบี่ขุนเขาหนักเทียบกับกระบี่ธรรมดาแล้วใหญ่กว่ากันมากกระบี่กว้างสี่จื่อ ยาวราวหนึ่งเมตรหนึ่ง หากรวมด้ามกระบี่ด้วยความยาวก็เกินหนึ่งเมตรสอง
เสวียนเทียนใช้กระบี่หิมะเหมันต์ขูดสนิมเหล็กบนกระบี่ขุนเขาหนักออกกระบี่ทั้งเล่มเป็ประกายราวกับพระจันทร์ สว่างแวววาวเหนือสิ่งใด ในใจคิดขึ้น “กระบี่ขุนเขาหนักเล่มนี้ไม่รู้เป็ศาสตราวิเศษชั้นใดดูท่าแล้วคงไม่เลว”
มือหนึ่งถือกระบี่หิมะเหมันต์มือหนึ่งถือกระบี่ขุนเขาหนัก เสวียนเทียนก้าวข้ามประตูหินเดินต่อไปข้างหน้า
เพิ่งเข้ามาได้เพียงสิบกว่าเมตรถ้ำก็เลี้ยวไปทางขวา เสวียนเทียนหันกายเดินไปตามทาง พื้นที่ด้านหน้าอยู่ดีๆ ก็กว้างขึ้นปรากฏห้องศิลาห้องหนึ่ง
เสวียนเทียนหยุดเดิน มองห้องศิลาครั้งหนึ่งสายตาหยุดอยู่ที่อักษรที่สลักอยู่บนกำแพงหินด้านข้าง “กระบี่ขุนเขาหนักศาสตราวิเศษชั้นนิลขั้นกลาง ลูกหลานรุ่นหลังเอ๋ย เ้าเข้ามาในสุสานของข้า ผู้เฒ่าจิ่วต้วนได้ดูท่าเ้าไม่เพียงมีวาสนากับข้า ทั้งยังมีความสามารถกระบี่ขุนเขาหนักเล่มนี้ให้เ้าเป็ของขวัญแรกพบก็แล้วกัน”
ที่แท้กระบี่ขุนเขาหนักเป็ศาสตราวิเศษชั้นนิลขั้นกลางไม่ธรรมดาจริงๆ
“ผู้เฒ่าจิ่วต้วนไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน แผ่นดินเสินโจวกว้างใหญ่ไพศาล ต่อให้เป็ท่านพ่อก็เคยเดินทางไปแค่บางส่วนของแดนตะวันตกกับแดนเหนือเท่านั้นที่ที่ข้าเคยไปยิ่งน้อยกว่า ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าจิ่วต้วนเป็ผู้ใดกันแน่!”
ในใจของเสวียนเทียนขบคิด สุสานนี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรยังคงเดินหน้าต่อไป เข้าไปกลางห้องศิลา
ห้องศิลานี้กว้างราวห้าเมตร ยาวประมาณแปดเมตร ตั้งอยู่ใจกลางูเาค่อนข้างโล่งกว้าง
ตำแหน่งที่ลายแทงสมบัติชี้บอกก็คือใจกลางยอดเขาลูกนี้ต้องเป็ที่นี่อย่างแน่นอน
เสวียนเทียนยืนอยู่กลางห้องศิลาซ้ายมือเป็ทางเดินที่เพิ่งเดินเข้ามา ด้านหน้าเป็เตียงศิลาหลังหนึ่งบนเตียงศิลามีโครงกระดูกร่างหนึ่ง บนร่างมีเสื้อผ้าแต่เืเนื้อเน่าสลายไปหมดแล้ว เหลือเพียงกระดูกเท่านั้น
นิ้วนางมือขวาของโครงกระดูกสวมแหวนที่ส่องประกายน้อยๆวงหนึ่งอยู่
นอกจากนี้แล้ว ทั้งห้องก็โล่งเปล่าไม่มีสิ่งของอื่นใด เรียบง่ายยิ่งนัก
บนกำแพงหินข้างขวามีถ้อยคำไม่น้อยสลักไว้
ลูกหลานรุ่นหลังเอ๋ยข้าเป็ช่างหลอมศาสตราชั้นปฐีผู้หนึ่ง เพราะสร้างวิถีปราณหลอมศาสตรา ‘ปราณเก้าหลอม’ ผู้คนจึงเรียกข้าว่าผู้เฒ่าจิ่วต้วน1 ที่แห่งนี้คือที่อยู่ของข้าและเป็สุสานของข้าทั้งชีวิตข้าทำผิดอยู่เพียงสิ่งเดียว นั่นคือบั้นปลายชีวิตรับศิษย์ผิด ชื่อว่าต้วนเจียงเหอเขาหันเข้าสู่ลัทธิมารหลอมโลหิต ทำให้ทั้งตระกูลของข้าสูญสิ้นเหลือเพียงข้าทุกข์ตรมเดียวดาย มุ่งสู่ปรโลกอย่างโดดเดี่ยว แค้นนี้ท่วมฟ้า
สิ่งที่ข้าเรียนรู้มาทั้งชีวิตล้วนอยู่ในแหวนมิติบนมือของข้าหากเ้า้ามรดกของข้า จงมาอยู่ตรงหน้าข้าเก้าก้าวคุกเข่าโขกศีรษะคำนับสามครั้ง เปล่งวาจาสาบานว่า หลังได้รับมรดกของข้าไป หากต้วนเจียงเหอยังมีชีวิตอยู่บนโลกในสิบปีต้องเด็ดศีรษะของต้วนเจียงเหอมาเซ่นไหว้ข้า ถ้าหากผิดคำสาบานขอให้ฟ้าผ่า์ลงโทษ ไม่ได้ตายดี!
เวลาที่ข้าจากโลกนี้ไปคือปี 926 ศักราชใหม่เสินโจวศิษย์ทรยศต้วนเจียงเหออายุสิบหก ลูกหลานรุ่นหลังเอ๋ยคำสาบานคำหนึ่งแลกกับมรดกของช่างหลอมศาสตราชั้นปฐีผู้หนึ่งการแลกเปลี่ยนนี้เ้าคิดเช่นไร? ถ้าตกลง ก็คุกเข่าสาบานถ้าไม่ตกลง มาจากที่ใดก็กลับไปที่นั่นเสียเถิด!
“ถึงกับเกี่ยวข้องกับลัทธิมารหลอมโลหิตลัทธิมารหลอมโลหิตถูกผู้ฝึกยุทธ์แผ่นดินเสินโจวเรียกว่าลัทธิมารเป็ถึงสำนักขั้นหนึ่งที่สามารถต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้ปกครองแผ่นดินเสินโจวกับหอดารา์ได้เมื่อยี่สิบปีก่อนลัทธิมารหลอมโลหิตกับหอดารา์ต่อสู้นองเืกันเ้าลัทธิมารหลอมโลหิตพ่ายแพ้ให้แก่เ้าหอดารา์ขุมกำลังถดถอยกลับไปที่แดนมารโพ้นทะเล”
“แหวนมิติ? ที่แท้เป็แหวนมิติ?นี่เป็ของวิเศษหายากที่ตกทอดมาจากยุคโบราณเทียบกับศาสตราวิเศษชั้นนภายังมีน้อยยิ่งกว่ายอดจอมยุทธ์ชั้นนภาที่มีแหวนมิติมีไม่ถึงหนึ่งในสิบ ขนาดท่านพ่อยังไม่มีแค่เพียงแหวนวงนี้ก็เป็สมบัติล้ำค่าแห่งยุคแล้ว”
“ปีนี้ปี 969 ศักราชใหม่เสินโจว เวลาผ่านไปแล้ว 43 ปีต้วนเจียงเหอปีนี้เพิ่งอายุ 59 ยี่สิบปีก่อนลัทธิมารหลอมโลหิตพ่ายแพ้การต่อสู้ชิงอำนาจกับหอดารา์ยอดฝีมือและคนในลัทธิตายไปจำนวนมากไม่รู้ว่าต้วนเจียงเหอตายไปในการต่อสู้ครั้งนั้นหรือเปล่า ถ้าหากยังรอด อายุ 59 ก็คงยังอยู่มีชีวิตอยู่”
เสวียนเทียนมองพลาง ในใจก็ขบคิดไปพลาง
รังเดิมของลัทธิมารหลอมโลหิตอยู่ในเขตทะเลกว้างไพศาลทางทิศตะวันออกของแผ่นดินเสินโจวเพราะลัทธิมารหลอมโลหิตถูกผู้ฝึกยุทธ์ของแผ่นดินเสินโจวเรียกว่าลัทธิชั่ว ลัทธิมารดังนั้นจึงพลอยเรียกทะเลกว้างไพศาลแถบนั้นว่าเป็แดนมารโพ้นทะเล
เมื่อพันปีก่อนจักรพรรดิฉินมีอำนาจแข็งแกร่งขึ้นมาก่อตั้งจักรวรรดิต้าฉิน รวมแผ่นดินเสินโจวให้เป็หนึ่ง
ตามที่เล่ากัน จักรพรรดิฉินแสวงหาความเป็ะส่งคนออกไปทั่วทิศ เสาะหาวิธีไม่แก่ไม่ตาย รวมแผ่นดินเสินโจวได้ไม่กี่ปีจักรพรรดิฉินก็หายตัวไป ราวกับระเหยเป็ไอหายไปจากโลกมนุษย์เพราะจักรพรรดิฉินหายไป จักรวรรดิต้าฉินอันเข้มแข็งพริบตาก็พังทลายแตกเป็ส่วน
หลังจักรวรรดิต้าฉินล่มสลายแผ่นดินเสินโจวก็ไม่เคยรวมเป็หนึ่งเดียวกันอีกเริ่มั้แ่ปีที่จักรวรรดิต้าฉินล่มสลายปีนั้นก็เริ่มนับเป็ปีแรกของศักราชใหม่เสินโจว
สามร้อยปีที่ผ่านมาหอดารา์เป็เ้าผู้ปกครองแผ่นดินเสินโจวมาโดยตลอดหลายสิบปีก่อนหน้านี้พรรคมารหลอมโลหิตจากแดนมารโพ้นทะเลแผ่ขยายขุมอำนาจมาสู่แผ่นดินเสินโจวขยายอำนาจอยู่ยี่สิบปี คุกคามตำแหน่งผู้ปกครองของหอดารา์ในที่สุดยี่สิบปีที่แล้ว าแย่งชิงตำแหน่งผู้ปกครองก็บังเกิดขึ้นหอดารา์กับลัทธิมารหลอมโลหิตเปิดศึกนองเืกันหอดารา์ได้กลุ่มอำนาจขั้นสองสี่แห่งในแผ่นดินเสินโจวช่วยสนับสนุนระหว่างการต่อสู้กับลัทธิมารหลอมโลหิตจึงเป็ฝ่ายเหนือกว่าอยู่ตลอด
ท้ายที่สุด ในศึกครั้งใหญ่ะเืฟ้าดินระหว่างเ้าหอดารา์กับเ้าลัทธิมารหลอมโลหิตสู้กันหนึ่งวันหนึ่งคืนในที่สุดฝีมือของเ้าหอดารา์ก็เหนือกว่าอยู่ขั้นหนึ่งเอาชนะเ้าลัทธิมารหลอมโลหิตได้ขุมอำนาจของลัทธิมารหลอมโลหิตทั้งหมดที่แผ่นดินเสินโจวถูกกวาดล้าง ถอยกลับไปยังแดนมารโพ้นทะเล
“มรดกของช่างหลอมศาสตราชั้นปฐีผู้หนึ่งอยู่แค่ตรงหน้าจะไม่เอาได้อย่างไร ต้วนเจียงเหอไม่รู้ว่าครองตำแหน่งใดในพรรคมารหลอมโลหิตแต่ศัตรูที่ข้าต้องสังหารก็เป็ยอดจอมยุทธ์ชั้นนภาเช่นกันเพิ่มต้วนเจียงเหอมาอีกคนก็ไม่เป็ไร หากยี่สิบปีก่อนต้วนเจียงเหอตายไปแล้ว เช่นนั้นคำสาบานนี้ก็เป็โมฆะยิ่งไปกว่านั้น กลับไปทางเก่าก็กลับไม่ได้ บางทีคงต้องรับมรดกของผู้เฒ่าจิ่วต้วนถึงจะออกจากที่นี่ได้”
ไม่นาน เสวียนเทียนก็ตัดสินใจได้เดินไปตรงหน้าผู้เฒ่าจิ่วต้วนห่างออกมาเก้าก้าว คุกเข่าลงยกมือขึ้นสาบาน
“ข้าน้อยชนรุ่นหลังเสวียนเทียนมีวาสนาได้พานพบสุสานของผู้เฒ่าจิ่วต้วนเพื่อรับมรดกช่างหลอมศาสตราชั้นปฐีของผู้เฒ่าจิ่วต้วน ขอสาบาน หากต้วนเจียงเหอศิษย์ทรยศของผู้เฒ่าจิ่วต้วนยังมีชีวิตอยู่บนโลกภายในสิบปี เสวียนเทียนจะเด็ดศีรษะของต้วนเจียงเหอ เอามาเซ่นไหว้ผู้เฒ่าจิ่วต้วน หากผิดคำสาบานขอให้ฟ้าผ่า์ลงโทษ ไม่ได้ตายดี!”
ปึก ปึก ปึก!
กล่าวจบเสวียนเทียนก็โขกศีรษะคารวะผู้เฒ่าจิ่วต้วนเสียงดังสามครั้ง
ครืน! เสวียนเทียนโขกศีรษะสามครั้งเสร็จ พื้นด้านข้างก็ส่งเสียงแผ่นหินบนพื้นแยกออก เคลื่อนไปด้านข้างสองข้าง กล่องไม้ขนาดเล็กใบหนึ่งเผยออกมา
กล่องไม้ใบเล็กนี้อยู่ใต้แผ่นหินจุดที่โขกศีรษะคงเป็กลไกอย่างหนึ่งโขกศีรษะสามครั้งกล่องไม้ใบน้อยนี้ถึงจะปรากฏออกมา
“ผู้เฒ่าจิ่วต้วนบอกว่าทุกสิ่งของเขาอยู่ในแหวนมิติบนมือแล้วกล่องไม้ใบน้อยนี้คืออะไรเล่า?”
เสวียนเทียนงุนงงหยิบกล่องไม้ใบน้อยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
กล่องไม้ใบน้อยไม่ได้ปิดไว้ เสวียนเทียนเปิดเบาๆก็เปิดฝาออกมาได้ ข้างในมีผ้าม้วนอยู่ชั้นหนึ่ง เสวียนเทียนหยิบม้วนผ้าขึ้นมาด้านล่างมีแหวนโบราณเรียบๆ ที่ผ่านวันเวลามายาวนาน สีดำสนิท หม่นหมองไร้ประกายวงหนึ่ง
ในม้วนผ้ามีตัวอักษรเขียนอยู่เสวียนเทียนเปิดออกอ่าน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที บนนั้นเขียนไว้ว่า
“เ้าชนรุ่นหลังเอ๋ยเ้าโขกศีรษะให้ข้าสามครั้งได้ คงกล่าวคำสาบานแล้ว พิสูจน์แล้วว่าเ้าเป็คนจริงไม่กะล่อนขี้โกง ฮึๆ...ถ้าเ้ามีใจเ้าเล่ห์ คิดฝันจะเอาแหวนไปจากมือข้าเช่นนั้นชีวิตเ้าก็ต้องทิ้งไว้ที่นี่ ร่วมสุสานเป็เพื่อนข้าแล้ว
แหวนแวววาววงนั้นบนนิ้วของข้า เป็แค่แหวนธรรมดาทว่าเป็ตัวเปิดกลไกของสุสาน เมื่อเอาออกมาจากมือข้า ทั้งสุสานก็จะถล่มลงมาฝังเ้าไว้ที่นี่ นอนตายไปกับข้า แหวนมิติของจริงอยู่ในกล่องไม้ในมือเ้า
ด้านในข้าสะสมวัตถุดิบหลอมศาสตราไว้จำนวนหนึ่งรวมถึงวิชา ‘ปราณเก้าหลอม’ วิชาปราณที่เหมาะแก่การหลอมศาสตรา การจัดการวัตถุดิบสารพัดชนิดเป็ก้าวแรกของการหลอมศาสตราตัวเป็ช่างหลอมศาสตรา ไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งไม่อาจหลอมศาสตราวิเศษที่ดีออกมาได้ดังนั้นปราณเก้าหลอมเป็วิชาปราณฝึกฝนร่างของเ้าให้แข็งแกร่ง แบ่งเป็เก้าขั้นเ้าฝึกถึงขั้นสี่ก็จะสามารถทลายกำแพงหินด้านหน้าของข้า ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว
ในฐานะช่างหลอมศาสตราคนหนึ่ง ไม่อาจตัดขาดกับไฟและโลหะร่างกายต้องมีธาตุไฟและธาตุทอง ในแหวนมิติมีหินปฏิกิริยาของทั้งสองธาตุอยู่เ้าลองทดสอบดู ดูว่าเ้าจะเป็ช่างหลอมศาสตราคนหนึ่งได้หรือไม่
ในแหวนยังมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้เ้าอีกชิ้นจงอย่างลืมคำสาบาน!”
-----------
1. ชื่อปราณเก้าหลอมแปลมาจากภาษาจีน 九锻功 (จิ่วต้วนกง)ชื่อเดียวกันกับชื่อที่ผู้คนเรียกผู้เฒ่าจิ่วต้วน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้