เล่มที่ 7 บทที่ 200 หลอม
หลังจากเทศกาลไห่หุ้ยจบลง ก็ไม่มีใครในเมืองไม่รู้จักร้านหลอมอาวุธฟานซื่ออีกต่อไป บัดนี้ร้านหลอมอาวุธทั้งเจ็ดสิบสามในเมืองวั่งไห่ ต่างก็ยกให้ร้านหลอมอาวุธฟานซื่อเป็ที่หนึ่งเลยทีเดียว เพราะในงานประลองอาวุธ กระบี่ทั้งสี่ถึงกลับสามารถสะบั้นเอาชนะอสุรกายกุ่ยหวังได้ เื่นี้ถูกลือสะพัดจนกลายเป็ตำนาน จากนั้นชื่อเสียงของร้านหลอมอาวุธฟานซื่อก็โด่งดังคับฟ้าขึ้นมา และหลินเฟยที่อยู่เื้ัร้านแห่งนี้มาตลอด ก็ไม่อาจปกปิดตนเองได้อีกต่อไป…
เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็คือทะเลอูไห่…
สามสำนักใหญ่ปกครองที่นี่มาเป็เวลาช้านาน จึงมีหน่วยข่าวแทรกซึมอยู่ทุกที ขอแค่สามสำนักมีความ้า ก็ไม่มีความลับใดที่ปกปิดไปได้ นอกจากนี้หลินเฟยก็ไม่ได้จงใจปิดบังตนเองอยู่แล้ว แต่เพราะหลังจากฝ่าเคราะห์อัสนีและไฟจะต้องใช้เวลารักษารากฐานให้มั่นคง แถมตอนหลังยังต้องบำเพ็ญกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่อีก จึงถือว่ายุ่งมาก ไม่มีเวลาให้ทำอย่างอื่นแม้แต่น้อย…
ไปๆมาๆก็เลยไม่ค่อยปรากฏตัวให้ใครเจอเท่าไรนัก ผู้บำเพ็ญส่วนมากในเมืองจึงรู้จักแค่ฟานซื่อกับเจียงหลีเท่านั้น …
และแน่นอนว่า “แค่ส่วนมาก” เท่านั้น…
เพราะผู้บำเพ็ญชั้นสูงส่วนมากเช่นศิษย์สายในของสามสำนักใหญ่อย่างซูจิ้งและอันจื่อเจี๋ย ย่อมรู้ว่าร้านหลอมอาวุธฟานซื่อร้ายกาจเพียงนี้ ก็เพราะมีหลินเฟยที่ไม่ค่อยพูดไม่จา เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวคนนั้นนั่นแหละ
ยิ่งตอนเทศกาลไห่หุ้ยก็ยิ่งมีคนรู้จักหลินเฟยมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่นเลย เพียงเื่ที่เขากวาดซื้อทุกอย่างในหอว่านเย่ว จึงเพียงพอที่จะทำให้ทุกจำชื่อนี้ได้ขึ้นใจไปแล้ว…
ส่วนหนึ่งก็เพราะนักพรตเฮยซาน…
ตอนแรกทุกคนยังคิดว่าการที่หลินเฟยหาเื่นักพรตเฮยซานนั้น ถือเป็แกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วยซ้ำ และบางคนถึงกับคาดเดาว่าหลังจบเทศกาลไห่หุ้ยแล้ว ร้านหลอมอาวุธฟานซื่อจะปิดตัวลงหรือ?
ทว่าไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากจบงานนี้แล้ว ร้านหลอมอาวุธฟานซื่อจะยังคงเปิดกิจการตามเดิม หลินเฟยเองก็ไม่ได้ระคายเคืองอะไรแม้แต่น้อย ทว่านักพรตเฮยซานกับหลบหนีออกจากเมืองวั่งไห่ ไปกบดานอยู่ที่หุบเขาดำเกือบครึ่งเดือน โดยไม่กล้าออกมาอีก…
จนตอนนี้เอง ถึงมีคนคิดได้ว่าผู้บำเพ็ญที่ชื่อหลินเฟยคนนี้ที่กล้าทุ่มหินิญญามหาศาลออกมา ย่อมจะต้องมีแผนการรับมืออยู่แล้วเป็แน่ บางทีอาจจะจ้างผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันจำนวนมากคอยปกป้องอยู่ก็ได้…
อย่าว่าแต่จ้างผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันมากมายเลย ต่อให้จ้างแค่สองคน ก็เกรงว่าคนที่ซวยจริงๆจะเป็นักพรตเฮยซานเสียมากกว่า มิน่าถึงได้หนีหัวซุกหัวซุนไปยังหุบเขาดำ เดือนกว่าแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังไม่กล้าโผล่มาเสียที…
ความจริง ในตอนแรกสามสำนักใหญ่เองก็คิดเช่นนี้ จึงออกคำสั่งให้หน่วยข่าวไปสืบมาว่าเป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันคนใดที่ช่วยเหลือหลินเฟย ถึงกับทำให้นักพรตเฮยซานหวาดกลัวจนต้องหนีตายขนาดนี้…
ทว่าหลังจากสืบไปเรื่อยๆก็รู้สึกถึงความผิดปกติ…
เพราะไม่มีใครช่วยเขาเลย!
‘หมายความว่าอย่างไร?’
สามสำนักใหญ่ถึงขนาดงงเป็ไก่ตาแตกกันหมด!
‘หรือหลินเฟยจะลงมือเองทั้งหมดจริงๆ?’
ตอนแรกคนที่เสนอความเห็นนี้ถูกหัวเราะเยาะทันที ‘จะบ้าหรือ แค่ขั้นมิ่งหุนเคราะห์สองเนี่ยนะจะเอาชนะผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันได้? หากเื่นี้แพร่ออกไป เกรงว่าคงจะถูกหัวเราะจนฟันร่วงเสียมากกว่า…’
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆก็มีคนเอ่ยถึงลำแสงกระบี่สี่สายในงานประลองอาวุธขึ้นมา…
เมื่อสิ้นเสียง สามสำนักใหญ่ก็ชะงักลงทันที ‘นั่นสิ ลำแสงสี่สายที่พวยพุ่งขึ้นมานั้น ถึงกับเอาชนะอสุรกายกุ่ยหวังได้ เื่นี้ทุกคนล้วนเห็นกับตา ในเมื่อลำแสงสี่สายนั่นสามารถเอาชนะอสุรกายกุ่ยหวังได้ แล้วจะเอาชนะนักพรตเฮยซานไม่ได้เชียวหรือ จริงไหม?’
ในคืนนั้นเองจึงมีจดหมายลับสามฉบับส่งถึงผู้าุโของสามสำนักใหญ่ แม้แต่สี่ร้านหลอมอาวุธใหญ่ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดก็ยังได้รับจดหมายลับนี้เช่นกัน จดหมายทุกฉบับต่างก็มีเนื้อหาแบบเดียวกันทั้งหมด นั่นก็คือ “วันหน้าวันหลังห้ามหาเื่ร้านหลอมอาวุธฟานซื่ออีก…”
ฉะนั้นหลังจากเห็นเหล่าผู้บำเพ็ญพเนจรนับร้อยมุ่งไปยังเกาะปริศนา ผู้าุโหลงเซี้ยง ชางเย่วและชื่อเสียก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ว่าในบรรดาผู้บำเพ็ญพวกนั้นมีหลินเฟยอยู่ด้วยหรือไม่…
และแน่นอนว่าหลินเฟยไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้น…
เพราะหลินเฟยกำลังวุ่นอยู่กับการหลอมมีดบินฮั่วอู๋อยู่…
ภายในห้วงมิติดินิถู่นั้น ปราณกระบี่ทั้งสี่ก็รายล้อมอยู่รอบตัวหลินเฟย อักขระมากมายพลันสั่นะเืขึ้นมา เหนือหัวก็มีดาวอัปมงคลทั้งสี่ปรากฏอยู่ด้วย ส่วนกล่องกระบี่เจิงหนิงก็มีไอโเี้เข้มข้นปกคลุมราวกับสัตว์ร้ายาน่าเกรงขาม…
ดาวอัปมงคลทั้งสี่สุกสกาวเป็อย่างยิ่ง ลำแสงทั้งสี่หลั่งไหลเข้าสู้หมอกดำโเี้อย่างต่อเนื่อง
และใต้หมอกดำอันโเี้นี้ก็มีโซ่ตรวนที่สว่างไสว กำลังพันธนาการควันดำที่คล้ายกับัสีดำเอาไว้…
ใต้ร่างของัดำยังมีโซ่ตรวนที่ผุดขึ้นจากใต้พิภพ ซึ่งเป็โซ่พันธนาการที่เกิดจากูเาลำเนาไพรของห้วงมิติิถู่รัดเอาไว้อย่างแ่า
หลังจากพลังทั้งสองขุมบนล่างผสานกัน ทำให้ัดำไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก มันทำได้แต่คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวและไม่ยอมแพ้
แสงจากดาวอัปมงคลทั้งสี่หลั่งไหลเข้ามาราวกับสายน้ำ ทว่าทุกครั้งที่สายน้ำชำระล้าง ัดำก็จะหยุดคำรามลง ไอิญญาที่ปกคลุมบนตัวก็ค่อยๆถูกชำระไปทีละน้อย…
พลังจากดาวทั้งสี่เข้าปะทะเพื่อชำระล้างอย่างต่อเนื่อง ลำแสงบนตัวัดำก็เริ่มอับแสงลง เกล็ดมากมายบนตัวก็เริ่มหลุดลอกออก กลายเป็อักขระที่มีพลังมากมายพุ่งชนไปทั่วบริเวณ
มีอักขระตัวหนึ่งถึงกับพุ่งชนจนโซ่ตรวนที่พันธนาการัดำอยู่ เกิดเสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น กระทั่งโซ่ตรวนเริ่มมีรอยแตกร้าวขึ้น
ทว่าห้วงมิติดินิถู่ก็แค่สั่นน้อยๆเท่านั้น ูเาลำเนาไพรกลายเป็ลำแสงก่อนจะกลายเป็โซ่ตรวนสีดำจำนวนมาก ดึงดูดเหล่าอักขระที่หลุดลอกออกมาจมหายไปในห้วงมิติ
หลังจากลำแสงบนเกล็ดัจางหายไป มันก็กลายเป็อักขระสีดำอันลึกลับ ก่อนจะถูกควันดำที่ลอยอยู่กลางอากาศดูดกลืนเข้าไปในกล่องกระบี่เจิงหนิง
เกล็ดัหลุดร่อนออกไปทีละน้อย บัดนี้เ้าัร้ายดูสะบักสะบอมไม่น้อยเลย ทว่ากลับไม่มีเืไหลหรือาแแม้แต่น้อย มีเพียงลำแสงสายหนึ่งปกคลุมเท่านั้น
กระทั่งเกล็ดบนตัวถูกลอกออกมาจนหมด จึงปรากฏลำแสงสว่างขึ้นจากลำตัวของมัน เ้าัร้ายฟื้นฟูเกล็ดของมันกลับอีกครั้ง แถมยังดูแวววาวกว่าเดิมอีกด้วย…
หมอกควันดำที่เต็มไปด้วยไอโเี้ซึ่งลอยอยู่เหนือหัว ส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดออกมา ทันใดนั้นไอโเี้ก็เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม ไม่นานหมอกควันดำที่ลอยอยู่เหนือหัวก็ลอยต่ำลงเล็กน้อย ส่วนโซ่ตรวนสีดำที่เชื่อมต่อกับเมฆดำบนหัวก็หนาขึ้นด้วย แถมยังมีอักขระปรากฏขึ้นมาเลือนราง…
และนี่ก็คือการต่อสู้ระหว่างเจิงหนิงและัดำนั่นเอง…
เจิงหนิงกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทว่าัดำกลับอ่อนแอลง บัดนี้ัดำที่เกิดจากมีดบินฮั่วอู๋ ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้อีกแล้ว…
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------