ความมั่นใจของลั่วจิ่งเฉินทำให้ชีเหนียงรู้ว่าเขาต้องมีความหวังเต็มเปี่ยมเป็แน่ถึงพูดออกมาเช่นนี้ ด้วยเหตุว่าลั่วจิ่งเฉินมิใช่คนที่ลำพองตน คำพูดที่ออกมาหากไม่ใช่สิ่งที่มั่นใจมากจะไม่มีทางกล่าวเช่นนี้
ซึ่งก็เป็ดั่งที่ลั่วจิ่งเฉินประกาศกร้าว เมื่อผลการสอบออกคนของศาลาว่าการก็ตีฆ้องร้องป่าวตลอดทางจนมาถึงบ้านสกุลลั่ว ยิ่งไปกว่านั้นคือมีกุนซือจากที่ว่าการมาแจ้งข่าวดีถึงที่ด้วยตนเอง
ชีเหนียงเตรียมถุงเงินรางวัลไว้แต่เช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังยิ้มร่าแทบมิได้คลาย
“ยินดีด้วย ยินดีด้วย คุณชายลั่วได้อันดับหนึ่งในการสอบเพียงครั้งเดียว ภายภาคหน้าจำต้องผ่านการสอบจอหงวนเป็แน่!”
ขณะที่กุนซือกล่าววาจามงคล ชีเหนียงก็รีบเชื้อเชิญเขาเข้าบ้าน
“หากมิใช่เพราะการชี้แนะของใต้เท้าหยาง ลูกชายข้าคงไม่ได้กลับมาเล่าเรียนแบบนี้เป็แน่ วันนี้ใต้เท้าหยางมิได้มา ท่านกุนซือคงต้องดื่มฉลองเยอะๆ หน่อยนะเ้าคะ”
กุนซือยิ้มแย้มเดินเข้าประตูไป “แน่นอน สุรามงคลนี้ต้องให้ดื่มมากๆ” ขณะพูดก็ล้วงสาส์นหนึ่งฉบับออกมา “นี่คือของที่ฮูหยินให้ข้าช่วยส่งมอบให้”
ชีเหนียงรู้ว่านี่คือสาส์นที่ตู้ิเจวียนตอบกลับนาง ครึ่งเดือนที่แล้วตู้ิเจวียนออกเดินทางกลับไปเมืองหลวงก่อน เหมือนว่าเหตุผลการมาเยือนอำเภอเฉาของหลานสาวนางไม่ค่อยน่าเปิดเผยนัก แต่ถึงอย่างไรก็คือเื่ของผู้อื่น ชีเหนียงมิใช่ผู้ที่ชอบเื่ซุบซิบนินทา ย่อมไม่คิดสอดรู้สอดเห็น เพียงแต่เด็กสาวผู้นั้น นางเองก็เคยพบ กิริยาวาจาผ่าเผย การปฏิบัติต่อผู้คนหรือสิ่งของก็อ่อนโยนดุจสายลมวสันต์ เพียงมองก็รู้ว่าได้รับการอบรมพร่ำสอนมาอย่างดีจากครอบครัว
่ระหว่างนี้ ชีเหนียงเองก็ไม่ได้อยู่ว่าง คนที่นางอบรมบ่มเพาะใกล้จะสามารถดูแลรับผิดชอบร้านได้ด้วยตนเองแล้ว อีกทั้ง่นี้โจวย่าอวิ๋นเองก็ถูกนางส่งไปสถานที่อื่นเพื่อเตรียมขยายสาขา ทางด้านเมืองหลวงเมื่อถึงเวลานั้นนางจะดูแลจัดการเอง สถานที่อื่นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องให้คนที่เชื่อถือได้ไปดูแลแทน
......
โจวย่าอวิ๋นไปยังสถานที่ที่เรียกว่าเมืองอวิ๋น หญิงสาวที่มาร้านครั้งที่แล้วมีกลิ่นคาวเกลือติดตัว พอลองสืบดูก็พบว่าสตรีผู้นี้ถูกขนานนามว่าเนี่ยเหนียงจื่อ บ้านอยู่ติดทะเล ทั้งครอบครัวอาศัยการทำประมงเลี้ยงชีพ ครั้งนี้ที่มาอำเภอเฉาก็เพื่อมาเยี่ยมญาติ เมื่อได้ยินคำว่าอาหารทะเลชีเหนียงก็หวั่นไหวทันใด ฉับพลันจึงสืบถามกับเนี่ยเหนียงจื่ออย่างละเอียด เมื่อรู้ว่าเมืองอวิ๋นเป็แหล่งของทะเลจึงเกิดความคิดอยากทำกิจการที่เกี่ยวข้องกับอาหารทะเลขึ้นมา
แม้ว่าตอนนี้กิจการชานมจะไม่เลว แต่กลุ่มเป้าหมายนั้นจำกัดเกินไป เส้นทางขุนนางในอนาคตของจิ่งเฉินจำต้องมีค่าใช้จ่ายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดจะแก้แค้นชายสารเลวแทนจิ่งเฉิน เื่เงินทองจึงจะขาดไม่ได้เด็ดขาด
ใช่แล้ว หลังจากชีเหนียงได้รู้ความจริงว่าจี้ฉงเหวินคือผู้ที่หักขาจิ่งเฉิน นางก็คิดบทลงโทษที่คู่ควรไว้ให้แก่ชายสารเลวมาตลอด นี่จึงเป็เหตุผลทำให้นางตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไปเมืองหลวง พอคำนวณเวลา โจวย่าอวิ๋นก็น่าจะใกล้กลับมาแล้ว ผลลัพธ์ที่เขานำกลับมาด้วยจึงเป็สิ่งที่จะตัดสินแผนการต่อจากนี้ของนาง
รอจนส่งแขกทั้งหลายกลับ ชีเหนียงถึงมีเวลาอ่านสาส์นจากตู้ิเจวียน ในสาส์นตู้ิเจวียนเร่งให้นางมาที่เมืองหลวงล่วงหน้า ร้านในเมืองหลวงได้เริ่มตกแต่งแล้ว รูปแบบทั้งหมดใช้แบบเดียวกันกับที่อำเภอเฉา มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือมีความอลังการมากกว่า ในสาส์นนั้นตู้ิเจวียนใช้คำพูดสบายๆ ดูออกได้ว่าสถานการณ์ความเป็อยู่ของนางในเมืองหลวงค่อนข้างดี กระทั่งยังเล่าบอกอีกว่านางได้ลองทำการนวดหน้าเพื่อความสวยงามให้แก่มารดาและท่านป้าสะใภ้ อีกทั้งยังเริ่มป่าวประกาศแจ้งเกี่ยวกับร้านค้าที่กำลังจะเปิดทำการอีกด้วย
ชีเหนียงรู้ว่าตู้ิเจวียน้าทำให้ตนเองสบายใจและไม่ต้องหวั่นกลัวการใช้ชีวิตในเมืองหลวง
ชีเหนียงกำลังสะบัดพู่กันเพื่อตอบกลับสาส์นให้ตู้ิเจวียน แล้วแจ้งกับนางว่าตนเองจะออกเดินทางไปเมืองหลวงในอีกไม่นาน ส่วนเื่อื่นไม่ได้เขียนอะไรมากนัก แม้ว่าตู้ิเจวียนจะสนิทสนมกับนาง ถึงอย่างไรก็เป็ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางทั้งสอง นางมีใจคิดจะขยายกิจการให้ใหญ่โต บางทีการทำเช่นนี้อาจจะไปขัดผลประโยชน์ของใครบางคน เหมือนอย่างเช่นเฉินเจ๋อิ จึงยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่นำภัยมาสู่ตัว นางไม่้าลากตู้ิเจวียนลงเหวไปด้วย
“พวกเ้าคิดจะออกเดินทางเมื่อใด?” นับั้แ่รู้ว่าชีเหนียง้าไปเมืองหลวง หลิงชางไห่ก็สับสนอยู่ตลอด ไม่ง่ายดายกว่าเขาจะหลบหนีจากคุกขนาดใหญ่อย่างเมืองหลวงมาได้ จึงไม่เคยมีความคิดที่อยากจะกลับไปอีก เพียงแต่หากไม่ไปด้วยก็จะไม่ได้เจอชีเหนียงกับหลานๆ ที่น่ารัก เขาก็จะกลายเป็ตัวลำพังโดดเดี่ยวอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงลังเลมาโดยตลอด
“รอหลังจากโจวย่าอวิ๋นกลับมาก็จะเดินออกทาง ข้าอยากให้ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ยังมีบางเื่ต้องให้ท่านช่วย”
ครั้งนี้ชีเหนียงมีแผนในใจ หลิงชางไห่เก่งการแพทย์ อาหารทะเลนอกจากจะทำอาหารเลิศรสได้ ยังสามารถทำเครื่องปรุงทะเลต่างๆ ได้ เพียงแต่วิธีการทำนี้จำต้องใช้การทดลองซ้ำๆ ไม่พอ ยังต้องมีคนที่พึ่งพาได้คอยจับตาดูอีกด้วย อีกทั้งหลิงชางไห่เก่งกาจวิชาแพทย์ หากเจอกับผู้ที่มีอาการแพ้ก็จะสามารถช่วยเหลือได้
หลิงชางไห่เดิมทียังลังเล แต่พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ตาโตทันใด คงไม่ใช่ว่านางรู้ถึงความลังเลของตนเองแล้วหรอกนะ
“หลายวันมานี้ข้าคิดสูตรเครื่องปรุงออกมาได้ รอโจวย่าอวิ๋นกลับมา คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำการทดลอง เื่นี้หมายถึงแหล่งรายได้ในอนาคตของครอบครัวเรา ข้าจึงอยากให้ท่านช่วยจับตาดูให้” ชีเหนียงมอบสูตรให้หลิงชางไห่ แล้วกำชับอย่างละเอียด “ของสิ่งนี้ทำให้คนเกิดอาการแพ้ได้ง่าย เวลาทดลอง หากพบเจอคนที่มีอาการแพ้ ท่านต้องช่วยคนให้ได้”
หลิงชางไห่ตอบรับ แต่อาหารทะเลนี้คืออะไร เขายังไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ชีเหนียง ผงทะเลที่เ้าเขียนในนี้ใช้สัตว์ทะเลอะไรนั่นทำออกมาหรือ? แล้วสัตว์ทะเลคืออะไร ไฉนข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?” ตอนที่เขาเป็แพทย์หลวงก็มักจะเดินรอบพระราชวัง แต่ไม่เคยเจอสิ่งที่เรียกว่าสัตว์ทะเลมาก่อน บนแผ่นดินนี้ยังมีของที่ฮ่องเต้ไม่เคยเสวยด้วยหรือ
อันที่จริง หลิงชางไห่ไม่รู้ว่าในวังนั้นมีของบรรณาการจำพวกอาหารทะเลด้วย เพียงแต่ฮ่องเต้รังเกียจกลิ่นเหม็นคาวของพวกมัน ดังนั้นอาหารเหล่านี้จึงไม่เคยปรากฏบนโต๊ะพระกระยาหาร
“สัตว์ทะเลคือของจากทะเล เหมือนอย่างปลาที่เราทานกันที่ส่วนมากจะจับมาจากแม่น้ำ แต่ปลาที่เติบโตในทะเลก็คือปลาทะเล นอกจากนี้ยังมีสัตว์ทะเลจำพวก กุ้ง ปูและหอยต่างๆ โดยเฉพาะหอยที่ไม่เพียงแค่สามารถใช้เป็ยาได้ ยังสามารถนำมาทำเป็ของประดับได้ด้วย”
“เพียงแต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้โจวย่าอวิ๋นจะนำสิ่งใดกลับมา”
ชีเหนียงกำลังคิดเื่โจวย่าอวิ๋นรับซื้อสินค้า หากแต่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของนางกลับทำให้หลิงชางไห่ตกอยู่ในความเงียบ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าสัตว์ทะเลสามารถนำมาใช้เป็ยาได้ ฉับพลันเขาก็ดึงชีเหนียงมาถามอย่างละเอียด
“สัตว์ทะเลจะเป็ยาได้อย่างไร แล้วหลอมเป็ยาด้วยวิธีใด สามารถรักษาอาการอะไรได้บ้าง?”
ท่าทางใคร่รู้ทำให้ชีเหนียงนึกถึงนักเรียนตัวน้อยที่มีความอยากรู้อยากเห็น
ชีเหนียงหวนนึกถึงความเข้าใจของตนในสมัยก่อน “ตัวอย่างเช่น กระดองปลาหมึก มันมีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ไห่เพียวเซียว ในกระดองเปี่ยมไปด้วยเนื้อเยื่อคอลลาเจนกับแคลเซียม หลังจากผ่านการนำไปแช่กับสมุนไพร จะสามารถช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร เหมาะสำหรับอาการท้องอืด ท้องเสีย กระเพาะอักเสบ ส่วนด้านนอกกระดองปลาหมึกจะมีสารที่มีความเหนียวสามารถช่วยเร่งการสมานของาแ”
“เปลือกหอยแครงหรือเปลือยหอยนางรม หลังจากผ่านการเผาด้วยอุณหภูมิสูง จะมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดและรักษากรดไหลย้อน”
“กระดองหอยเป๋าฮื้อช่วยสะกดธาตุหยางในตับแล้วยังช่วยทำความสะอาดตับได้ เหมาะกับคนที่อารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดและผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงเช่นเดียวกัน”
-----