ข้างนอกตอนนี้สว่างจ้าด้วยแสงแดด ดูแล้วน่าจะเป็เวลาประมาณแปดหรือเก้าโมงเช้า กั่วกัวที่นอนหลับอยู่ข้างหมอนยังคงนอนฝันหวาน แต่ท่านอนของเธอเปลี่ยนเป็ท่านอนคว่ำไปั้แ่เมื่อไรก็ไม่รู้ ก้นขาวเหมือนหิมะของเธอมีรอยย่นเล็กน้อยทำให้ริ้วแดงๆพุ่งขึ้นมาประทับบนใบหน้าของเย่เทียนเซี่ย ใบหน้าเล็กๆของเธอถูกกดทับอยู่กับที่นอนนุ่ม มุมปากของเธอก็ยังมีน้ำลายไหลย้อยออกมา
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้ปลุกเธอ เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างเบาที่สุด และในตอนที่เขาเพิ่งใส่รองเท้าสำหรับอยู่บ้านได้ไม่นานเสียงเคาะประตู “ปั้งๆๆๆ” ก็ดังขึ้นมาทันทีทำให้การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงัก
ปั้งๆ!
ปั้งๆๆๆๆ!
เห็นได้ชัดว่ากริ่งหน้าบ้านของเขาคงจะพังไปแล้ว แม้ว่าที่จริงแล้วสาเหตุที่มันพังก็เพราะเขาตั้งใจพังมันซะเองก็ตาม แต่นั่นก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
เสียงเคาะประตูนั้นปลุกกั่วกัวขึ้นมาในที่สุด เธอลืมตาขึ้นมาแล้วกระพริบตาสองสามทีและใช้ท่อนแขนอันอ่อนแรงนั้นพยุงตัวขึ้นมา เธอใช้สายตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความง่วงงุนจ้องมองมายังเย่เทียนเซี่ย “นายท่าน...... ดูเหมือนจะมีเสียงอะไรดังๆนะเ้าคะ”
จุกสีชมพูสองจุกโผล่เข้ามาในสายตาของเขาตามการขยับตัวของเธอ เย่เทียนเซี่ยเบือนหน้าหนีไปมองทางต้นกำเนิดเสียงนั่นก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “คนดีจริงๆเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอก...... คงจะเป็ความยุ่งยากนั่นแหละที่มาหา”
“เอ๋? ความยุ่งยาก? อ๊าๆๆๆ อมยิ้ม มีกลิ่นอมยิ้มด้วย ดูเหมือนว่าจะมีเยอะด้วยนะเ้าคะ มีหลายรสด้วย เย่!”ความรู้สึกง่วงงุนของกั่วกัวหายไปเป็ปลิดทิ้ง เธอเก็บผ้าห่มผืนน้อยอย่างรวดเร็วแล้วรีบหมุนตัวกลับไป ทันใดนั้นชุดสีขาวที่เธอเคยสวมใส่ก็ลอยมาจากที่ไหนไม่รู้แล้วสวมลงบนตัวของเธอราวกับมีเวทมนต์ เธอร้องออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะบินตามกลิ่นออกไปด้านนอก....... เหมือนกับผึ้งบินตามกลิ่นน้ำหวานจากดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น
เย่เทียนเซี่ยนิ่งอึ้ง จากนั้นก็คิดไปถึงเมื่อเย็นวานทันที....... นั่นมันน่าจะเป็อมยิ้มห้าสิบแท่งที่ถูกซูเฟยเฟยยัดใส่กระเป๋าของตัวเอง!
“นายท่าน เปิดประตูสิเ้าคะ มีอมยิ้ม อมยิ้มมาแล้วเ้าค่ะ” กั่วกัวลอยไปลอยมาอยู่ใกล้ๆประตูห้อง เธอสูดลมหายใจเข้าไปอย่างอดใจรอแทบไม่ไหว หัวใจของเย่เทียนเซี่ยร้อนรนขึ้นมาสักพัก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปิดประตูออกไป
ความโสโครกที่สะสมมาเป็เวลานานทำให้บ้านของเย่เทียนเซี่ยมีกลิ่นเกินจะรับไหว ดังนั้นทันทีที่เปิดประตูออกไปกลิ่นหอมจางๆจากผู้มาใหม่ก็หอมฟุ้งขึ้นมาอย่างชัดเจน ตามมาด้วยสาวสวยคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาในสายตาของเขา เธอมองเขาด้วยรอยยิ้มสดใส มันเป็รอยยิ้มที่ฉายชัดถึงความภูมิใจ
คนตรงหน้าที่อายุราวๆ 18-19 ปี ผิวของเธอขาวราวหิมะ คิ้วโก่งน่ามอง ดวงตาของเธอก็ราวกับดวงตามยามค่ำคืนที่สว่างสดใส เส้นผมสีดำของเธอสยายออกทิ้งตัวลงอย่างเป็ธรรมชาติบนแผ่นหลังของเธอ คนๆนี้คือซูเฟยเฟย ในตอนนี้เธอยังคงสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับที่เย่เทียนเซี่ยเห็นเมื่อวาน และกางเกงขาสั้นที่เธอใส่อยู่นั้นก็เผยให้เห็นเรียวขาผอมเพรียวและท่าทางสง่างาม
สาวสวยตรงหน้าเป็สิ่งมีชีวิตที่ทำให้ผู้ชายใจสั่นและอยากเป็เ้าของ แม้แต่ในหัวของเย่เทียนเซี่ยก็เคยมีความปรารถนาเช่นนั้นซ่อนอยู่วูบหนึ่ง
“เทียนเซี่ย ฉันมาแล้ว ดีใจที่ได้เจอฉันไหมคะ?” ซูเฟยเฟยยกมือขึ้นโบกมาทางเย่เทียนเซี่ยเป็การทักทาย ท่าทางในตอนนี้ของเธอดูเหมือนจะไม่มีความเขินอายจากการมาบ้านผู้ชายเป็ครั้งแรกอย่างที่ควรมี สายตาของเธอมองข้ามร่างของเย่เทียนเซี่ยไปด้านในของบ้าน หลังจากนั้น............
“อี๋!” ซูเฟยเฟยถึงกับต้องยกมืดขึ้นอุดจมูก เธอเหมือนถูกผลักให้ถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมา “คุณๆๆๆ...... ทำไมบ้านของคุณมันถึงเหม็นขนาดนี้ล่ะคะ..... แล้วยังสกปรกอีก.......คอกหมูยังดีกว่าที่นี่ซะอีก!”
“เธอเคยไปคอกหมูหรือไง?” เย่เทียนเซี่ยพูดออกไปหน้าตาย เขารู้ดีอยู่แล้วว่าบ้านของเขาสกปรกขนาดไหน ผ้าห่มไม่เคยพับ ของก็ไม่เคยจัดเข้าที่ ของระเกะระกะมากมายถูกวางไว้เกลื่อนพื้น ขวดและกระป๋องว่างเปล่ามากมายยิ่งวางกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง แต่มันคือความเคยชิน และเขาก็ไม่คิดจะไปจัดเก็บพวกมันด้วย เขาปล่อยให้มันเป็แบบนี้มาโดยตลอดและใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้วันแล้ววันเล่า ภายใต้ความเคยชินนั้นเขาไม่รู้สึกถึงกลิ่นฉุนเ่าั้อีกแล้ว
“ฉัน.....ที่ที่ฉันจากมาน่ะสะอาดกว่าบ้านของคุณเป็ร้อยเท่า! พันเท่า! ฮึ้ย! ที่ที่คุณอยู่นี่มันเขตเทียนหยวนนะ เป็เขตวิลล่าที่หรูหราที่สุดในหัวเซี่ย! ทำไมคุณถึง......”
เย่เทียนเซี่ยยกคิ้วขึ้นก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแสแล้วพูดขึ้น “นี่คุณหนูซู บ้านของฉันก็เป็อย่างนี้แหละ ถ้าไม่ถูกใจเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแนะนำให้เธอกลับบ้านไปซะดีๆจะดีกว่านะ ไม่ต้องพยายามวิ่งโร่เข้ามาในที่ที่เหมือนคอกหมูอย่างบ้านของฉันหรอก”
คำพูดของเย่เทียนเซี่ยทำให้ซูเฟยเฟยเลิกคิ้ว เธอรีบเอามือที่อุดจมูกออกทันทีก่อนจะเดินไปด้านหน้าอีกสองสามก้าวด้วยความโกรธ “ฉันพูดคำไหนก็คือคำนั้น บอกว่าจะมาอยู่บ้านคุณก็คือจะมาอยู่บ้านคุณ ต่อให้บ้านคุณจะเป็คอกหมูจริงๆ ฉันก็ตัดสินใจแล้ว! ฮึ้ย!”
เธอขยับขาเรียวยาวที่ขาวเหมือนหยกนั้นเดินผ่านเย่เทียนเซี่ยเข้าไปด้านในแบบไม่เกรงใจเหมือนกับเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเดินเข้าไปจริงๆเธอถึงได้รู้ว่าบ้านของเย่เทียนเซี่ยจริงๆมันสกปรกซะมกขนาดไหน ที่บอกว่ามันมีสภาพเหมือนคอกหมูนั้นจริงๆแล้วมันก็แค่มุมเล็กๆมุมหนึ่งเท่านั้น
มือที่เคยลดลงรีบยกขึ้นมาอุดจมูกใหม่ ซูเฟยเฟยมองด้านในวิลล่าที่หรูหรานี่อย่างตกตะลึงอยู่นานโดยไม่พูดอะไรออกมา จะต้องมีความเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างสกปรกขนาดไหนถึงจะทำให้ภายในห้องนี้เป็เหมือนกับลานทิ้งขยะแบบนี้ได้...... และบางส่วนที่วางระเกะระกะอยู่นั้นก็คือเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของเ้าของบ้านที่สกปรกไม่แพ้กัน ที่จริงเธอเอามือออกจากจมูกไปแล้ว แต่กลิ่นเหม็นที่พุ่งเข้ามายังคงทำให้หญิงสาวที่เติบโตมาจากครอบครัวร่ำรวยเกือบจะทนไม่ได้จนวิ่งหนีไป
เย่เทียนเซี่ยยืนอยู่ด้านหลังของเธอ เขารอคอยปฏิกิริยาตอบสนองของเธออย่างสนใจ เขาเชื่อว่าการเผชิญหน้าครั้งแรกนี้มีอัตราความเป็ไปได้ที่ซูเฟยเฟยจะหวาดกลัวต่อมันสูงมากกว่า 80%
แต่โชคร้ายที่ซูเฟยเฟยเลือกอีก 20% ที่เหลือ เธอหันหลังกลับมา ทั้งๆที่ยังคงเอามืออุดจมูกไว้อย่างนั้นแต่ใบหน้าของเธอกลับเผยรอยยิ้มมีความสุขออกมา “ที่แท้คุณก็อยู่คนเดียวไม่มีผู้หญิงมาคอยช่วยดูแลเก็บกวาดบ้านของคุณ” เธอเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับยกยิ้มแปลก “ได้เลย ฉันมาแล้วค่ะ!”
“.........” เย่เทีนเซี่ย
“อมยิ้ม! อมยิ้ม! มีกลิ่นอมยิ้มมาจากตัวของเธอด้วย มีรสแอปเปิ้ล รสลิ้นจี่ รสส้ม รสมะม่วง...... อ๊า! นายท่าน ข้าอยากกิน ข้าอยากกิน! พี่สาวคนนี้อยากจะมาอยู่ที่บ้านของพวกเราหรอเ้าคะ? งั้นให้เธออยู่ที่นี่ไปเลยดีไหมเ้าคะ เธอมีอมยิ้มเยอะแยะเลยเ้าค่ะ”
กั่วกัวยืนอยู่บนไหล่ของเย่เทียนเซี่ยแล้วดึงผมเย่เทียนเซี่ยยิกๆ ดวงตากลมโตสองข้างของเธอจ้องมองไปยังกระเป๋าสีชมพูที่ซูเฟยเฟยถืออยู่ปริบๆเพราะเธอได้กลิ่นของโปรดลอยมาจากในนั้น
ซูเฟยเฟยหมุนตัวเดินออกไปหลังจากนั้นก็ะโออกไปด้านนอก “นี่! พวกนายรีบเอาของของฉันย้ายเข้ามาเดี๋ยวนี้! เร็วเข้า!”
เมื่อมองตามไปยังทิศทางที่ซูเฟยเฟยะโออกไปเย่เทียนเซี่ยก็พบเข้ากับรถสุดหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล ที่นั่นมีบอดี้การ์ดสี่คนที่มีอายุไม่เท่ากันและแต่งตัวอย่างเหมาะสมกับการดูแลความปลอดภัยนั่งอยู่ในนั้น ดวงตาของพวกเขาจ้องมองมาที่นี่ สีหน้าของพวกเขาล้วนเป็ไปในทางเดียวกันนั่นก็คือ........ ยิ้มเศร้าๆอย่างไม่มีทางเลือก
ประตูรถยนต์ถูกเปิดออกมา ซูเฟยเฟยก็เปิดประตูบ้านออกกว้างแล้วกวักมือเรียก “รีบย้ายของเข้ามาเร็วเข้า เร็วๆสิ! ระวังอย่าให้ตุ๊กตาคริสตัลที่ฉันสะสมไว้แตกล่ะ ระวังปลาทองของฉันด้วย อย่าให้น้ำกระฉอกออกมานะ.......”
เย่เทียนเซี่ยยืนอยู่ด้านหลังของซูเฟยเฟยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด “คุณหนูซู เธอควรจะถามความเห็นชอบของฉันก่อนไหม? ดูเหมือนว่าฉันจะไม่เคยตอบตกลงให้เธอย้ายเข้ามาอยู่นะ”