หลังเดินทางมาหนึ่งชั่วโมงกว่ารถพยาบาลก็จอดลงตรงหน้าโรงพยาบาลประจำเมือง Z ูเี่อันถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินในทันที
เมื่อซูอี้เฉิงกับเสิ่นเยว่ชวนมาถึงพวกเขาก็เห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่รองเท้าและกางเกงเปียกชื้นไปหมดสภาพของลู่เป๋าเหยียนดูแย่ที่สุดั้แ่ที่พวกเขาเคยเจอมา
เสิ่นเยว่ชวนเดินเข้าไปถาม“เจี่ยนอันเป็ยังไงบ้าง”
“เธอได้รับาเ็”ลู่เป๋าเหยียนตอบพลางจ้องประตูห้องฉุกเฉินไม่วางตา“อาการเป็ยังไงต้องรอให้ออกมาก่อน”
เสิ่นเยว่ชวนรู้ดีว่าลู่เป๋าเหยียนคงเป็ห่วงมากจึงตบไหล่เขาเบาๆก่อนจะยื่นถุงใบหนึ่งมาให้
“นายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะคงอีกสักพักกว่าเจี่ยนอันจะออกมา”
แต่ลู่เป๋าเหยียนยังไม่ยอมขยับไปไหนเขาจ้องประตูตรงหน้าราวกับสายตาของเขาจะช่วยให้การรักษาของูเี่อันเร็วขึ้นได้
สุดท้ายซูอี้เฉิงจึงเดินเข้ามาหยิบถุงในมือเสิ่นเยว่ชวนไปแขวนในมือของลู่เป๋าเหยียน
“นายทำแบบนี้จะไม่สบายเอานะถ้านายป่วย ตอนเจี่ยนอันตื่นมาใครจะดูแล?”
ได้ยินดังนั้นแววตาของลู่เป๋าเหยียนก็สั่นเล็กน้อยก่อนจะหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนที่โรงแรม
เสิ่นเยว่ชวนนั่งบนเก้าอี้สำหรับรอผู้ป่วยและเอ่ยกับซูอี้เฉิงว่า
“ฉันนึกว่านายจะต่อยเขาซะแล้ว”
“ตอนแรกที่รู้ว่าเกิดเื่กับเจี่ยนอันก็อยากต่อยอยู่หรอก”ซูอี้เฉิงตอบพลางควานหาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาลจึงเก็บมือกลับมา“แต่พอมาเห็นสภาพของเป๋าเหยียน ฉันก็เลยเปลี่ยนใจ
แม้แต่ภรรยาอย่างูเี่อันก็คงไม่เคยเห็นลู่เป๋าเหยียนที่กำลังโทษตัวเองแบบนี้คนที่อยู่บนจุดสูงสุดราวกับตำนานอย่างลู่เป๋าเหยียนกลับกลายเป็คนธรรมดาที่มีรู้สึกโศกเศร้าและโกรธเกลียดตัวเองวันนี้เขาเองก็เพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง...
“เพราะเป๋าเหยียนไม่มั่นใจในตัวเองเลยทะเลาะกับเจี่ยนอันจนเื่เป็แบบนี้”ซูอี้เฉิงยิ้มอย่างไม่อยากเชื่อ “ถ้าเป๋าเหยียนมั่นใจในตัวเองสักนิดก็คงรับรู้ได้ว่าเจี่ยนอันชอบเขามากขนาดไหนเห็นเขาเป็แบบนี้แล้ว ฉันคงไม่ใจดำทำร้ายเขาได้ลงคอหรอก”
“เื่ของคนอื่นนี่วิเคราะห์ได้ดีเชียวนะแล้วเื่ของนายล่ะ?” เสิ่นเยว่ชวนยิ้มถาม “Top Model ก็ใกล้จะออกอากาศแล้วฉันยอมเดิมพันทุกอย่างเลยว่าเสี่ยวซีดังแน่ๆ ถึงเวลานั้นนายจะทำยังไง หืม?”
แต่ซูอี้เฉิงแค่ตอบว่า“เธอจะดังหรือไม่ดังก็ไม่เห็นเป็อะไร”
ใจเขาไม่อยากให้ลั่วเสี่ยวซีดังก็จริงแต่หากการเป็คนดังทำให้เธอดีใจ เขาก็ยอมทุกอย่าง
เสิ่นเยว่ชวนเข้าใจสิ่งที่ซูอี้เฉิงคิดไปอีกทาง“นายจะบอกนายไม่สนใจว่าลั่วเสี่ยวซีจะเป็ยังไง? งั้นฉันจะลงมือแล้วนะอย่าหาว่าไม่บอกกันก่อนล่ะ! นาย... โอ้ย จะมาต่อยฉันทำบ้าอะไรเนี่ย!”
เสิ่นเยว่ชวนพูดยังไม่ทันจบประโยคหมัดหนักๆของซูอี้เฉิงก็ลอยมา
ซูอี้เฉิงเอ่ยเสียงเย็น“เสิ่นเยว่ชวน ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกนายนะ แต่นายไม่ใช่สเปคของเสี่ยวซี”
เสิ่นเยว่ชวนพูดอย่างไม่ยอมแพ้“นายบอกว่าไม่ใช่ก็ต้องไม่ใช่งั้นเหรอ? ฉันมีเสน่ห์ขนาดนี้สาวที่ไหนจะปฏิเสธได้? เดี๋ยวฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่านายน่ะคิดผิดแล้ว!”
“......”ซูอี้เฉิงไม่สนใจ เสิ่นเยว่ชวนไม่ใช่คู่แข่งในสายตาเขาด้วยซ้ำ
ตอนนั้นเองลู่เป๋าเหยียนก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเรียบร้อย เสิ่นเยว่ชวนรีบปิดปากทันทีเป็เวลาเดียวกันกับที่ประตูห้องฉุกเฉินถูกผลักออก
ลู่เป๋าเหยียนรีบก้าวเท้าตรงไปทันที
“ภรรยาผมเป็ยังไงบ้างครับคุณหมอ”
“วางใจเถอะค่ะเธอปลอดภัยดี” แพทย์หญิงตอบ “เธอแค่มีาแภายนอก กระดูกขาขวาร้าวเล็กน้อยส่วนศีรษะได้รับการกระแทก คงต้องพักฟื้นสักระยะร่างกายถึงจะหายเป็ปกติค่ะ”
ไฟหน้าห้องฉุกเฉินเริ่มมืดลงขณะทีู่เี่อันถูกเข็นออกมา
ตอนนี้เธออยู่ในชุดผู้ป่วยและถูกให้น้ำเกลือถึงแม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวแต่ก็ดูสดใสขึ้นกว่าเดิม
“พรุ่งนี้เธอก็น่าจะฟื้นแล้วล่ะค่ะไม่ต้องห่วงนะคะ” แพทย์หญิงกล่าว “ถ้ายังไงเดี๋ยวรบกวนช่วยทำเื่แอดมิทผู้ป่วยด้วยค่ะ”
เสิ่นเยว่ชวนรีบไปจัดการทันทีส่วนซูอี้เฉิงกับลู่เป๋าเหยียนเดินตามูเี่อันเข้าห้องพักผู้ป่วยไป
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยนางพยาบาลก็พูดขึ้นว่า
“คนไข้้าพักผ่อนคืนนี้ทางเราอนุญาตให้ญาติเฝ้าไข้ได้แค่คนเดียวนะคะ”
“ทราบแล้วครับ”ซูอี้เฉิงยิ้ม “ขอบคุณนะครับ”
พยาบาลสาวหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะเดินถือของออกจากห้องไป
ในสายตาของลู่เป๋าเหยียนตอนนี้มีเพียงูเี่อันเท่านั้นเขาช่วยห่มผ้าให้เธอก่อนจะหันมาพูดกับซูอี้เฉิง
“นายไปพักที่โรงแรมเถอะเดี๋ยวฉันอยู่ดูแลเจี่ยนอันเอง”
ซูอี้เฉิงนิ่งไปก่อนจะพูดออกมาว่า“เจี่ยนอันเก็บเื่ที่เธอชอบนายเป็ความลับมาโดยตลอด ก่อนที่จะแต่งงานกับนายขนาดลั่วเสี่ยวซีก็ไม่รู้ที่ฉันเลือกที่จะบอกนายเพราะฉันรู้ว่านายก็รู้สึกดีกับเจี่ยนอันเหมือนกันเป๋าเหยียน อย่าทำให้ฉันผิดหวังไม่งั้นชีวิตนี้นายอย่าหวังว่าจะได้เจอเจี่ยนอันอีก”
พูดจบซูอี้เฉิงก็ผลักประตูออกจากห้องผู้ป่วยไป
ห้องพักฟื้นอันกว้างขวางจึงเหลือเพียงูเี่อันและลู่เป๋าเหยียนตามลำพัง
น้ำเกลือค่อยๆหยดลงไปตามสายน้ำเกลือร่างบางตรงหน้าเริ่มตัวอุ่นขึ้นบ้างแล้ว มือของเธอไม่ได้เย็นเฉียบอีกต่อไปแต่ลู่เป๋าเหยียนก็ยังไม่รู้สึกถึงสัญญาณการมีชีวิตของเธอ
แพขนตางอนยาวบนเปลือกตาและลมหายใจที่เงียบเชียบ ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเธอจะหลับอยู่แบบนี้ตลอดไป
ความกลัวที่ไม่คุ้นเคยเริ่มครอบงำจิตใจของลู่เป๋าเหยียนอีกครั้ง
คนอื่นอาจมองว่าเขาไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้นแต่ที่จริงเขาเองก็มีจุดอ่อน มีสิ่งที่กลัวอยู่มากมายเขากลัวว่าูเี่อันจะจากไป กลัวว่าเธอจะไม่ฟื้น กลัวว่าเธอจะไม่ยอมเป็ภรรยาของเขาอีกแล้ว
ความกลัวทุกอย่างาล้วนเกี่ยวข้องกับูเี่อันต่อให้หมอบอกว่าเธอปลอดภัยดี แต่ถ้ายังไม่เห็นเธอลืมตาขึ้นมา เขาก็อดกลัวไม่ได้
ซูอี้เฉิงพูดถูกเขาไม่มั่นใจในตัวเอง
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่ได้รังเกียจแต่ก็ยังไม่กล้าคิดว่าเธอชอบเขา
ที่เขาได้พบกับูเี่อันก็เพราะพ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทำให้แม่เองก็ล้มป่วยเขาในวัย 16 ปีจึงมีแต่ความโกรธแค้นที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ ท้ายที่สุดเพื่อที่จะหนีจากคังรุ่ยเฉิงแม่จึงต้องพาเขาไปอยู่ที่บ้านเก่าคุณยายของูเี่อันเพื่อเอาชีวิตรอด
เขาระมัดระวังตัวตลอดเวลาในสมองคิดเพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้แม่กับเขารอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็เงียบครึม่เวลานั้นเป็่ที่ชีวิตเขาตกต่ำที่สุด มีแต่ความโกรธแค้นทว่าไร้ซึ่งความสามารถที่จะต่อกรกับใคร ทำให้เขากลายเป็คนเ็าไร้หัวใจ
ูเี่อันในวัย 10 ขวบจึงได้มาเจอกับตัวเขาในเวลาที่แย่ที่สุดแบบนั้น
เขายังจำวันนั้นได้ดีรถยนต์คันหรูจอดลงที่หน้าประตูบ้าน เมื่อคนขับรถลงมาเปิดประตูเสียงนุ่มนิ่มของเด็กหญิงก็ดังขึ้น
“คุณอาช่วยอุ้มหนูลงไปหน่อยได้ไหมคะ”
เสียงใสที่เอ่ยออกมาทำให้คนฟังยากจะปฏิเสธคนขับรถยิ้มก่อนจะอุ้มเธอลงจากรถ เธอเอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาท และหยิบลูกอมรสนมรูปกระต่ายที่ไม่รู้ไปหามาจากไหนให้กับคุณอาคนขับรถ
ูเี่อันในตอนนั้นถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมเธอสวมชุดเ้าหญิงและรองเท้าหนังน่ารัก ผิวขาวใสนวลเนียนผมดำขลับของเธอยาวสลวยเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด เมื่อเธอยิ้มช่างดูสดใสโดยเฉพาะเวลาที่อยู่ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้ารอยยิ้มของเธอนั้นราวกับของขวัญที่ฟ้าประทานมาให้
เธอขยี้ตาเบาๆก่อนจะมองมาทางเขา
แววตาของเด็กน้อยวัยสิบขวบไม่ได้ดูสงบเหมือนตอนนี้ั์ตาใสแจ๋วของเธอทั้งสวยงามและบริสุทธิ์ จนคนมองแทบไม่กล้าสบตากับเธอตรงๆ
เขาจ้องมองเธอกลับไปแววตาของเธอเริ่มทอประกาย เธอสะบัดมือของแม่ที่จูงมือเธอเอาไว้ก่อนจะวิ่งตรงมาหาเขา
“พี่คะพี่หล่อเหมือนพี่ชายหนูเลยค่ะ!”
นี่เป็คำแรกทีู่เี่อันพูดกับเขาเธอยิ้มอย่างสดใสพลางเอ่ยปากชม
ตอนนั้นเขาเองก็รู้ดีว่าเธอก็แค่เ้าหญิงตัวน้อยที่ไร้เดียงสา หากเป็เมื่อก่อนเขาคงเข้าไปเล่นกับเธอแต่ในตอนนั้นสมองของเขามีแต่เื่ของคังรุ่ยเฉิงและการตายของพ่อทำให้ไม่มีอารมณ์จะสนใจเธอ
ทว่าูเี่อันก็ไม่ได้สนใจความเ็าที่เขามีให้ตลอดเวลาเกือบเดือนที่อยู่ที่นั่น หากมาเยี่ยมเขาเมื่อไร เธอก็มักจะตามติดเขาแจไปทุกที่
ตอนเขากำลังดื่มน้ำเธอก็เท้าแขนอยู่ที่มุมโต๊ะ
“พี่เป๋าเหยียนหนูหิวน้ำ อยากกินน้ำบ้างจังค่ะ”
เขารินน้ำให้เธอแต่เธอกลับบอกว่าไม่เอาพลางจ้องแก้วน้ำในมือเขาเขม็งเธออาศัยตอนที่เขาไม่ระวังตัวแย่งแก้วไปก่อนจะดื่มน้ำลงไปหลายอึกและพูดพลางหัวเราะ
“พี่บอกว่าห้ามแตะของๆพี่เด็ดขาดแต่หนูจะทำล่ะ”
เขาเดินออกไปข้างนอกเธอก็เดินตามไม่ห่าง เธอถามนู้นถามนี่ด้วยเสียงเจื้อยแจ้วไปตลอดทาง
“พี่เป๋าเหยียนคะอันนั้นมันดอกอะไรเหรอ? หรือว่าเป็ต้นหญ้า? ว้าว สวยจังเลย!”
“พี่เป๋าเหยียนจะไปไหนคะพวกเราจะต้องเดินอีกไกลมั้ย?”
“พี่เป๋าเหยียนเดินช้าๆหน่อยสิ หนูคงต้องขับรถถึงจะตามพี่ทันมั้งเนี่ย!”
“พี่เป๋าเหยียนคะ...”
พอเขาไม่สนใจเธอก็เงียบไปเมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเด็กหญิงตัวน้อยได้หายไปแล้ว
เขาใจหายวาบในสมองคิดถึงความเป็ไปได้หลายอย่างเขากลัวว่าเธอจะเกิดอุบัติเหตุจึงะโเรียกชื่อเธอเสียงดัง และออกเดินตามหาไปทุกที่แต่ก็ไม่เจอ
เขาเกือบจะโทรแจ้งตำรวจอยู่แล้วถ้าไม่รู้สึกว่าบนต้นลำไยข้างทางมีสายตาของใครบางคนกำลังจับจ้องเขาอยูู่เี่อันซ่อนตัวพลางป้องปากแอบหัวเราะอยู่บนต้นไม้ด้วยแววตาสดใสสนุกสนาน
เขาต่อว่าเด็กหญิงตรงหน้า“ูเี่อัน ลงมาเดี๋ยวนี้!”
อาจเพราะเธอใเธอจึงกอดต้นไม้เอาไว้ไม่ปล่อยพลางมองมาทางเขา
“หนูไม่กล้าลงไป”
“แล้วกล้าปีนขึ้นไปได้ยังไง”
“หนูกล้าปีนขึ้นมา”เธอเม้มปากเล็กน้อย “แต่ไม่กล้าปีนลงนี่คะ”
“งั้นก็ไม่ต้องลงมา”ลู่เป๋าเหยียนพูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไป
ที่น่าแปลกก็คือูเี่อันไม่ได้รั้งเขาไว้และไม่ได้ร้องไห้ สุดท้ายเขาจึงต้องหันหลังกลับอย่างอดไม่ได้เธอยังคงอยู่บนต้นไม้ท่าเดิมพลางมองมาทางเขาอย่างน่าสงสาร เมื่อเห็นเขาหันกลับมาหยดน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาจากตาใสคู่นั้น
เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาและปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อช่วยเธอลงมา
เธอคงกลัวจริงๆถึงได้กอดเขาเอาไว้แน่นไม่ปล่อยสุดท้ายเธอก็ร้องไห้จ้าออกมา
เขาปลอบเธออย่างใจเย็นและพาเธอกลับบ้านเธอปล่อยให้เขาจูงมือเดินไปอย่างว่าง่ายโดยไม่ร้องไห้อีก มีแค่ยกมือปาดคราบน้ำตาไปตลอดทางั้แ่ตอนนั้นล่ะมั้งที่เขาเริ่มใจอ่อนกับเธอ
เมื่อกลับมาถึงบ้านเขานึกว่าูเี่อันจะเอาเื่นี้ไปฟ้องพวกผู้ใหญ่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรและไม่ตามติดเขาอีก ตอนนั้นเขารู้สึกใจหายอย่างประหลาด
ไม่กี่วันต่อมาูเี่อันก็ตามมาเยี่ยมพวกเขาพร้อมกับแม่ของเธออีกครั้ง แม่ของเขากับแม่ของเธอต้องออกไปข้างนอกจึงฝากให้เขาช่วยดูแลเธอระหว่างนั้น
นอกจากไม่กล้าปีนต้นไม้อีกต่อไปเธอก็เรียกเขาว่าพี่เป๋าเหยียนเสียงหวาน ะโโลดเต้นเหมือนเดิมราวกับลืมเื่ที่เกิดขึ้นคราวก่อนไปจนหมดแล้ว
