เซี่ยโม่ใช้ความคิดอยู่ครู่ก่อนจะตอบ “ความจริงความรู้ตอนชั้นมัธยมต้นฉันเรียนรู้เกือบหมดแล้ว ฉันอยากรีบเรียนให้จบมัธยมปลายไวๆ จะได้รีบหางานทำช่วยเหลือครอบครัว”
เธอไม่กล้าบอกเื่ที่สองปีหลังจากนี้จะเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ซ่งมู่ไป๋นึกถึงฐานะของตระกูลอู๋ จริงอย่างที่เด็กสาวว่ามา หากรอเลื่อนชั้นตามปกติคงจะช้าไปสักหน่อย
พอเด็กสาวทำงานแล้ว เขาก็จะสารภาพความในใจแล้วหมั้นหมายกัน หลังจากนั้นเขาจะคอยช่วยเธอดูแลครอบครัว
คิดได้ดังนั้น เขาพูดอย่างกระตือรือร้น “ก็ดี รอเราเรียนจบ้าหางานทำเมื่อไร เดี๋ยวฉันช่วย ฉันช่วยเหลือเธอเื่อื่นไม่ได้ แต่ฉันช่วยให้เธอเข้าทำงานในสถานีรถไฟได้”
เซี่ยโม่ไม่สามารถบอกเื่สอบเข้ามหาวิทยาลัยออกไปได้ เธอเลยตอบรับพอเป็พิธี “ขอบคุณค่ะพี่ซ่ง”
ซ่งมู่ไป๋รู้สึกว่าน้ำเสียงที่เอ่ยขอบคุณของเด็กสาวดูไม่จริงใจ แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็เพราะอะไร แต่พอลองคิดดูอีกที อาจเพราะอีกฝ่ายยังเด็ก เลยมองถึงความในใจของเขาไม่ออกก็เป็ได้
เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หลังจากนี้จะพยายามมาให้อีกฝ่ายเห็นหน้าบ่อยขึ้น สร้างความรู้สึกดีๆ เด็กสาวจะได้ค่อยๆ มีเขาอยู่ภายในใจ
ด้วยความคิดเช่นนี้ เขาเลยเอ่ยอาสา “งั้นเดี๋ยวตอนเที่ยงวันมะรืน ฉันขับรถมารับเธอกับน้องที่โรงพยาบาลนะ”
เซี่ยโม่รีบปฏิเสธ “พี่ซ่ง ไม่ต้องหรอกค่ะ รบกวนเวลาทำงานของพี่เปล่าๆ”
“ไม่เป็ไร แค่ลางาน หลังจากนั้นก็ไปยืมรถมาแค่นี้เอง” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายสบายๆ
ขณะที่ทั้งสองคนยืนคุยกันตรงที่จุดจอดรถจักรยาน เซี่ยวฉางเซิงขี่จักรยานมาโรงพยาบาลเพื่อมาหามารดา แม่ของเขาเป็พยาบาลอยู่ที่นี่ หลังจากจอดจักรยานเสร็จ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเซี่ยโม่
เซี่ยวฉางเซิงนึกยินดีในใจ แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง เขารู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที เหมือนกับว่าจู่ๆ ก็มีคนมาขุดเอาผักกาดขาวที่เขาปลูกไป
เขาเดินเข้าไปหาพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจ “โม่โม่ ผู้ชายคนนี้เป็ใคร”
เซี่ยโม่หันไปมองตามเสียง เ้าของประโยคเมื่อครู่คือเซี่ยวฉางเซิง
คิ้วเธอขมวดเข้าหากัน ทำไมหมอนี่ถึงพูดจาแบบนี้? บอกตามตรง เธอรำคาญหมอนี่จะตายอยู่แล้ว
“เขาเป็ใครเกี่ยวอะไรกับนายด้วย” เซี่ยโม่ตอบด้วยน้ำเสียงเ็า
เซี่ยวฉางเซิงถูกยั่วโมโหจนโกรธจัด ครั้งก่อนที่เจอเซี่ยโม่ อีกฝ่ายก็ทำท่าไม่ดีใส่ ตอนนี้ยังมาพูดจาเ็าใส่เขาอีก
เขาพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “โม่โม่ เธอยังเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่สมควรมีแฟน ไม่อายบ้างหรือไง”
ั้แ่เด็กหนุ่มคนนี้ปรากฏตัว ซ่งมู่ไป๋รู้สึกได้ในทันทีว่า เด็กหนุ่มคนนี้ท่าทีดูแปลกๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกพอใจคือท่าทีของเซี่ยโม่ ซ่งมู่ไป๋ดูออกว่าเธอรำคาญที่เด็กหนุ่มคนนี้มาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
เขามองเด็กหนุ่มพร้อมหยักยิ้มมุมปาก สีหน้าท่าทางเหมือนอันธพาลไม่มีผิด “นายเป็ใคร มายุ่งอะไรด้วย แล้วก็ชื่อโม่โม่ใช่ชื่อที่นายเรียกได้ที่ไหน”
เขายื่นมือไปตบแก้มเด็กหนุ่มไม่แรงนัก
ตอนแรกเซี่ยวฉางเซิงเห็นแค่ด้านหลังของผู้ชายคนนี้ ซึ่งด้านหลังดูเป็ผู้ชายที่สุภาพคนหนึ่ง ทว่าตอนนี้พอได้เห็นหน้า เขาถึงกับใ
หน้าตาท่าทางแบบนี้คืออันธพาลแน่นอน
เมื่อพิจารณาความสูงและน้ำหนักของอีกฝ่าย นำมาเทียบกับตัวเอง ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะเข้าไปยุ่งด้วยได้ ความรู้สึกขลาดกลัวตีตื้นขึ้นมาทันที
ซ่งมู่ไป๋มองข่มจนเด็กหนุ่มตรงหน้าเกิดความกลัวได้สำเร็จ หากก็ยังไม่หยุดแค่นี้ เขาใช้เท้าเหยียบก้อนอิฐก้อนเล็กๆ บนพื้นจนแหลกเป็ผุยผง ดวงตาเต็มไปด้วยแววข่มขู่ขณะพูดเตือน “ต่อไปอย่าเรียกเธอว่าโม่โม่อีก ไม่งั้นฉันจะจับปากนายจูบพื้น แล้วเหยียบให้กลายเป็แบบก้อนอิฐก้อนนี้!”
หากปากต้องกลายเป็แบบก้อนอิฐก้อนนี้คงจะไม่ดีแน่
อย่างไรเสีย เซี่ยวฉางเซิงก็เป็แค่เด็กหนุ่มที่ยังอยู่ในรั้วโรงเรียน ไหนเลยจะเคยเจอคนที่มีนิสัยโเี้เช่นนี้
เซี่ยวฉางเซิงถึงกับแขนขาสั่น แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็ยังสั่น “พี่ชาย ผมกับโม่โม่…” พอเห็นแววตาคุกคามที่จ้องมองมา ก็รีบแก้คำเรียกทันที “ผมกับเซี่ยโม่เป็แค่เพื่อนร่วมชั้นกัน เจอหน้ากันก็อดไม่ได้ที่จะทักทายประโยคสองประโยค ผมไม่ได้คิดเป็อื่น พี่ชายอย่าได้เข้าใจผิด”
พูดจบก็รีบหันหลังเดินจากไป เซี่ยโม่ยืนนิ่งด้วยความอึ้งอยู่นาน แต่พอเห็นอีกคนรีบเร่งฝีเท้าจากไปอย่างหวาดกลัว เธอก็แทบจะหัวเราะออกมา
หมอนี่อ่อนชะมัด
เธอหันไปพูดกับซ่งมู่ไป๋ด้วยแววตาเป็ประกาย “พี่ซ่ง เมื่อกี้เยี่ยมไปเลยค่ะ!”
“ที่โรงเรียนเธอมีเด็กนักเรียนชายแบบนี้เยอะไหม” ซ่งมู่ไป๋ถามด้วยน้ำเสียงระแวง
เธอส่ายศีรษะ “ไม่เยอะค่ะ ที่โรงเรียนมีคนปัญญาอ่อนแบบนี้แค่คนเดียว”
ซ่งมู่ไป๋หลุดหัวเราะออกมา ที่แท้ในสายตาเด็กสาว เด็กหนุ่มคนนั้นก็แค่คนโง่เง่าคนหนึ่ง
“ต่อไปหากหมอนั่นมาสร้างความรำคาญให้เธออีก มาบอกฉัน เดี๋ยวฉันจัดการให้” ดวงตาของเขายังคงมีแววขบขันขณะพูด
เซี่ยโม่ตอบตกลงทันที “ได้ค่ะ งั้นต่อไปพี่แกล้งเป็แฟนฉันได้ไหมคะ ท่าทางของพี่เมื่อกี้นี้พี่น่ากลัวมาก”
เขาพยักหน้า หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความยินดี
“ได้สิ รับรองเธอเรียกเมื่อไรฉันมาเมื่อนั้น ใช่แล้ว เดี๋ยวฉันให้เบอร์เธอเอาไว้ เป็เบอร์ในห้องทำงานของฉัน ถ้าฉันไม่อยู่ แล้วเธอมีเื่ด่วนจริงๆ ฝากคนอื่นในห้องเอาไว้ก็ได้ เพื่อนในห้องทำงานฉันพวกนั้นนิสัยไม่เลว”
“ได้ค่ะ” แววตาเซี่ยโม่เป็ประกายยิ่งกว่าเดิม คนที่มีโทรศัพท์ในยุคนี้มีไม่มาก ใครที่มีใช้ถือว่าสุดยอด
ยิ่งเป็โทรศัพท์ในที่ทำงานก็ยิ่งมีน้อยคน
เธอรีบจำหมายเลขโทรศัพท์ที่พี่ซ่งบอก
นึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แล้วเธอมีความสงสัย “พี่ซ่ง พี่รู้ศิลปะป้องกันตัวด้วยเหรอคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “พอรู้นิดหน่อย แค่ให้พอป้องกันตัวได้”
เหยียบอิฐจนแหลกได้ หาใช่ธรรมดา
ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติที่แล้ว เธอล้วนชื่นชอบและนับถือผู้ชายที่รู้ศิลปะป้องกันตัว
“พี่ซ่ง หากมีเวลา สอนฉันสักท่าสองท่าได้ไหมคะ ฉันจะได้เอาไว้ป้องกันตัว”
“ได้สิ” ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
เธอยิ้มอย่างตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะนึกอะไรออก “พี่ซ่ง น้องชายฉันนอนโรงพยาบาลหนนี้ โชคดีที่มีคูปองอาหารที่ซื้อจากพี่เมื่อคราวก่อน”
ซ่งมู่ไป๋ยกมือตีที่ศีรษะตัวเองไม่แรงนัก “ดูความจำของฉันสิ ฉันกลัวว่า่ที่พวกเธอสองพี่น้องอยู่ที่โรงพยาบาลจะไม่มีคูปองไว้ซื้ออาหาร ฉันก็เลยเอามาให้ด้วย”
เขาหยิบคูปองอาหารหนึ่งปึกออกมาจากกระเป๋าหลังพูดจบ
“พี่ซ่ง คูปองอาหารที่ซื้อมาจากพี่รอบก่อนฉันยังใช้ไม่หมดเลย อีกอย่างมะรืนนี้เฉินเฟิงก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันมีพอค่ะ” เซี่ยโม่โบกไม้โบกมือปฏิเสธ
สีหน้าซ่งมู่ไป๋ขรึมลง “โม่โม่ ของอะไรที่ฉันให้ เธอรับไว้เถอะ หากเธอไม่รับไว้ฉันจะเสียใจมาก”
“ก็ได้ค่ะ!” ได้ยินเช่นนั้นเธอใจอ่อนอย่างง่ายดาย
ขณะที่ในใจคิดว่า พี่ซ่งไม่ยอมให้เซี่ยวฉางเซิงเรียกเธอว่าโม่โม่ แต่ตัวเองกลับเรียกไม่ขาดปาก อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เคยช่วยชีวิตเฉินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังช่วยเธออีกหลายหน เื่เล็กแค่นี้นับเป็อะไรได้ หลังจากนี้เธอยังต้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีกหลายเื่
ชายหนุ่มพูดต่อ “จริงสิ น้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวที่เธอเอามาแลกของกับฉันเมื่อครั้งที่แล้วคุณภาพใช้ได้ ถ้ายังมีอีกก็เอามาแลกกับฉันอีกนะ”
“ค่ะ”
หลังจากรับปากออกไปถึงค่อยคิดได้ว่า ประโยคเมื่อครู่ของพี่ซ่งมีปัญหา อะไรคือถ้าเธอยังมีอีก พอนึกถึงครั้งที่แล้วที่เธอแลกของตามใจตัวเอง เซี่ยโม่ก็ได้แต่เงียบไม่ตอบอะไร
“งั้นฉันกลับก่อนนะ แล้วก็วันมะรืนนี้รอฉันด้วย เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันมารับ” ซ่งมู่ไป๋พูดอย่างอาลัยอาวรณ์คล้ายไม่อยากกลับ
เธอกำลังจะปฏิเสธ ทว่าพี่ซ่งกลับขี่จักรยานจากไปเสียแล้ว
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอขอให้ชายหนุ่มแกล้งเป็แฟนเธอ ไม่รู้ตอนนั้นกล้าพูดออกไปได้อย่างไร
คิดถึงเื่นี้ ใบหน้าเธอร้อนผ่าวราวกับคนจับไข้ หากนำอายุของเธอเมื่อชาติที่แล้วกับชาตินี้มารวมกัน เธอมีอายุมากกว่าพี่ซ่งหลายปี แต่เมื่อครู่กลับพูดจาโง่งมแบบนั้นออกไป หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจผิดนะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้