หัวใจของงูเจียวไฟนั้นมีรัศมีถึงหนึ่งเมตร ถือว่าเป็หัวใจที่มีขนาดใหญ่มาก
เสี่ยวเทียนคาบหัวใจของงูเจียวไฟเอาไว้ในปากก่อนจะเลื้อยมาตรงหน้ามู่เฟิง ซึ่งเป็เวลาเดียวกันกับที่เด็กหนุ่มฟื้นฟูพลังปราณกลับมาได้พอดี เมื่อมองไปยังหัวใจที่อยู่ในปากของเสี่ยวเทียนเขาก็พลันตระหนักได้ถึงความ้าของอีกฝ่ายในทันที
มู่เฟิงใช้พลังปราณของเขาห่อหุ้มหัวใจดวงนั้นเอาไว้ก่อนจะยกมันให้ลอยสูงขึ้น จากนั้นเขาก็นำขวดหยกออกมา และใช้ดาบผ่าเปิดหัวใจดวงนั้นพร้อมกับนำขวดหยกรองอยู่ด้านล่าง
เพียงไม่นานแก่นโลหิตสีแดงเพลิงขนาดเท่ากำปั้นของเด็กทารกจำนวนเก้าหยดก็ไหลออกมา
ขวดหยกสามารถบรรจุแก่นโลหิตทั้งเก้าหยดได้อย่างพอดิบพอดี แก่นโลหิตในขวดนี้มีพลังมหาศาลอย่างยิ่ง เพราะทั้งหมดคือแก่นโลหิตของงูเจียวไฟซึ่งอยู่ในระดับหยวนตาน ความล้ำค่าของมันจึงยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบได้
หากนำออกไปประมูลภายนอก เกรงว่าราคาคงจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว
“ฟ่อๆ...!”
เสี่ยวเทียนมองดูแก่นโลหิตภายในขวดหยกด้วยความกระหาย ดวงตาสีทองเข้มอันแวววาวของมันเต็มไปด้วยความคาดหวัง
มู่เฟิงยิ้มบางก่อนจะเทแก่นโลหิตออกมาหนึ่งหยด เขาใช้พลังปราณห่อหุ้มแก่นโลหิตหยดนั้นเอาไว้และส่งเข้าปากของเสี่ยวเทียน
เสี่ยวเทียนกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว ั์ตาของมันแสดงออกถึงความพึงพอใจ ไม่นานขนาดตัวของเสี่ยวเทียนก็หดเล็กลง ก่อนจะเลื้อยกลับเข้าไปในอ้อมแขนของมู่เฟิง
มู่เฟิงเช็ดเืที่เปรอะเปื้อนอยู่บนเกล็ดของเ้างูน้อย จากนั้นเขาก็ผินหน้ามองไปยังศพขนาดใหญ่
ทั่วทั้งร่างของงูเจียวไฟล้วนเป็ของล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็เื เนื้อ หัวใจ ตับ ดวงตาหรือแม้แต่เกล็ดของมันก็ล้วนเป็ของล้ำค่าทั้งสิ้น
เพียงแต่งูเจียวไฟตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินไป มู่เฟิงไม่สามารถนำร่างของมันกลับไปได้ทั้งหมด
เด็กหนุ่มตัดเนื้องูเจียวไฟออกมาสองสามชิ้น จากนั้นก็ใช้พลังปราณเพลิงย่างเนื้อให้สุกเพื่อกินให้อิ่มท้องและเพื่อฟื้นฟูพละกำลังไปในตัว หลังได้ลิ้มลองรสชาติแล้วเขาก็รู้สึกว่าเนื้องูเจียวไฟนั้นอร่อยเป็อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อเหล่านี้ยังมีกลิ่นอายของพลังฟ้าดิน มู่เฟิงจึงดูดซับพลังเ่าั้เข้าไปด้วย
หลังจากดูดซับกลิ่นอายของพลังเหล่านี้จนหมดแล้ว มู่เฟิงก็รีบนั่งขัดสมาธิและกลืนเม็ดยาโลหิตลงไปอีกหนึ่งเม็ด จากนั้นเขาก็เริ่มทำการกลั่นพลัง
ครู่ต่อมา พลังฟ้าดินก็ได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิง และไม่นานมวลคลื่นพลังลูกที่สี่ก็ถูกควบแน่นขึ้นภายในจุดตันเถียนจื่อฝู่ ในที่สุดวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของเขาก็สามารถพัฒนามาถึงขั้นสี่ได้สำเร็จ
มู่เฟิงเปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา แน่นอนว่าเขาย่อมคาดไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของเขาจะพัฒนาขึ้นหลังจากได้กินเนื้อของงูเจียวไฟ
“ช่างเป็ของที่ดียิ่งนัก หากศพของมันต้องแห้งเหี่ยวหลังจากที่ถูกดูดซับพลังเืไปคงเป็เื่ที่น่าเสียดายแย่”
มู่เฟิงมองไปยังร่างศพของงูเจียวไฟขณะกล่าวพึมพำกับตัวเอง
แต่หากกล่าวถึงพลังเื ร่างศพที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องมีพลังเืจำนวนมหาศาลเป็แน่
มู่เฟิงถอนหายใจ ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะดูดซับพลังเืจากศพของงูเจียวไฟ
เด็กหนุ่มตัดเนื้อของงูเจียวไฟออกมาราวหนึ่งร้อยจิน เพื่อสนองความอยากอาหารของเขา จากนั้นก็ควักดวงตาทั้งสองข้างของมันออกมา
ดวงตาของงูเจียวไฟมีสีแดงเข้ม ซึ่งดูราวกับอัญมณี
หลังจากนำสิ่งของที่เขาคิดว่าล้ำค่าออกมาจนพอใจแล้ว มู่เฟิงก็นำหยกเทพชูร่าออกมาเพื่อดูดซับพลังเืของงูเจียวไฟต่อในทันที
พลังเืจำนวนมหาศาลภายในศพของงูเจียวไฟหลั่งไหลเข้าสู่หยกเทพชูร่าอย่างต่อเนื่อง
หลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งนาทีเต็ม ในที่สุดหยกเทพชูร่าก็สามารถดูดซับพลังเืจากศพของงูเจียวไฟจนแห้งเหือดได้ จากนั้นร่างของงูเจียวไฟก็พลันเปลี่ยนเป็แห้งเหี่ยวในทันที
หลังจากหยกเทพชูร่าได้ดูดซับพลังเืของงูเจียวไฟเข้าไปแล้วมันก็เปล่งแสงโลหิตออกมา โดยแสงโลหิตนี้ได้ปกคลุมศพของงูเจียวไฟเอาไว้ ทันใดนั้นภายใต้แสงโลหิตศพขนาดใหญ่ก็เกิดการหดตัวจนมีขนาดเหลือเพียงไม่กี่เมตร จากนั้นก็พลันเกิดเกลียวคลื่นสีโลหิตดึงเอาร่างของงูเจียวไฟเข้าไปภายใน และวินาทีถัดมาทุกอย่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
มู่เฟิงใกับภาพนั้นจนมือเผลอปล่อยหยกเทพชูร่าหล่นลงบนพื้น
เมื่อได้สติเด็กหนุ่มก็รีบรวบรวมพลังจิติญญาของตัวเองเข้าไปภายในหยกเทพชูร่าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เข้ามาถึงเขาก็พบว่าพื้นที่ภายในหรือห้วงมิติสีเืนี้ นอกเหนือจากร่างของซีเยว่ที่กำลังหลับใหลแล้วยังมีศพของงูเจียวไฟลอยอยู่ด้วย
ในเวลาเดียวกันนั้น ข้อมูลบางอย่างก็หลั่งไหลเข้ามาในห้วงความคิดของมู่เฟิง
เมื่อมู่เฟิงได้พิจารณาข้อมูลที่ได้รับแล้ว ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เพราะหลังจากที่หยกเทพชูร่าดูดซับพลังเืเข้าไปเป็จำนวนมาก มันก็มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมิติเก็บของ
โดยปกติแล้วภายในเครื่องมือเทวฤทธิ์จะมีห้วงมิติจักรวาลเป็ของตัวเองและหยกเทพชูร่าก็ไม่มีข้อยกเว้น
ซึ่งคุณสมบัติพิเศษนี้เป็สิ่งที่ใช้งานได้จริงและมักจะได้ใช้บ่อยที่สุด อย่างน้อยในอนาคตมู่เฟิงก็ไม่จำเป็ต้องละทิ้งสิ่งที่้าเพียงเพราะไม่มีพื้นที่จัดเก็บอีกแล้ว
นอกจากนี้ภายในขวดหยกก็ยังมีแก่นโลหิตของงูเจียวไฟเหลืออีกแปดหยด เพราะเขาได้มอบให้เสี่ยวเทียนไปแล้วหนึ่งหยด
มู่เฟิงเทแก่นโลหิตออกมาหกหยดเพื่อให้หยกเทพชูร่าดูดซับ พลังเืจากแก่นโลหิตทั้งหกหยดนี้มีปริมาณมากกว่าพลังเืทั้งหมดในร่างกายของงูเจียวไฟเสียอีก
หยกเทพชูร่าดูดซับพลังเืจากแก่นโลหิตทั้งหกหยดเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็ถูกกลั่นเป็พลังบริสุทธ์และควบแน่นขึ้นเป็เม็ดยาโลหิตจำนวนสี่เม็ด
โดยคุณภาพของยาโลหิตทั้งสี่เม็ดนี้คงเทียบได้กับยาอายุวัฒนะขั้นสี่เป็อย่างต่ำ พลังปราณที่บรรจุอยู่ภายในนั้นมีปริมาณมากจนยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบได้
ส่วนแก่นโลหิตที่เหลืออีกสองหยดมู่เฟิงตัดสินใจเก็บมันเอาไว้ก่อน เผื่อในอนาคตเสี่ยวเทียน้าจะกลืนกินมันเข้าไปอีก หรือบางทีเขาอาจจะต้องใช้มันเพื่อจุดประสงค์อื่น
มู่เฟิงรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ในตอนนี้เป็อย่างมาก เขารู้สึกขอบคุณพยัคฆ์เกล็ดเพลิงที่ไล่ล่าเขา ทำให้เขาต้องหลบหนีเข้ามาที่นี่จนได้พบกับโอกาสมากมาย
หลังจากนั้นมู่เฟิงก็กลับเข้าป่าไปอีกครั้ง ตอนนี้อาการาเ็ของหลิ่วอีเสวี่ยยังคงสาหัสอยู่ มู่เฟิงประคองกอดหลิ่วอีเสวี่ยอย่างระมัดระวัง เขาโอบอุ้มร่างของนางไปยังตีนูเาไฟ ก่อนจะพบกับถ้ำที่มีความลึกเพียงสี่เมตรเข้าโดยบังเอิญ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในถ้ำก่อนจะวางร่างของหลิ่วอีเสวี่ยให้นอนราบบนพื้น ส่วนตัวเขาได้วิ่งกลับไปยังถ้ำหินของงูเจียวไฟอีกครั้ง การปรากฏตัวครั้งนี้ของเด็กหนุ่มทำให้บรรดาหญิงสาวจากเผ่าปีศาจหวาดกลัว มู่เฟิงไม่ได้สนใจพวกนาง เด็กหนุ่มวิ่งตรงเข้าไปยังห้องหินก่อนจะรวบรวมเหรียญตำลึงทองและสิ่งของทั้งหมดภายในห้องหินใส่เข้าไปในหยกเทพชูร่า นี่คือโชคก้อนใหญ่ของเขา
จนกระทั่งถึงยามพลบค่ำ มู่เฟิงจึงได้กลับมายังถ้ำใตู้เาไฟ คราวนี้เขาเก็บฟืนกลับมาเพื่อจุดไฟและลงมือย่างเนื้องูเจียวไฟอีกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแรกของรุ่งอรุณส่องกระทบลงบนเนินเขาภายในหุบเขาอัคคี เพียงไม่นานดวงอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้า
ในที่สุดหลิ่วอีเสวี่ยก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาของนางเหลือบไปเห็นร่างของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิไม่ไกลจากตัวนางมากนัก ในตอนนี้มีเสื้อคลุมสีดำผืนหนึ่งกำลังห่มอยู่บนกายของนาง
หลิ่วอีเสวี่ยพยายามจะหยัดกายลุก แต่แล้วนางก็รับรู้ได้ถึงความเ็ปตามร่างกายอย่างรุนแรง อาการาเ็ของนางยังไม่หายดีทั้งหมด
หลิ่วอีเสวี่ยลุกขึ้นนั่ง นางหยิบกระบี่ิญญาที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาและชี้ไปยังลำคอของมู่เฟิง
พลังสะกดข่มที่เล็ดลอดออกมาจากตัวกระบี่ทำให้มู่เฟิงได้สติ
“ท่านตื่นแล้วรึ”
มู่เฟิงเผยยิ้มออกมาอย่างใสซื่อ
“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หลิ่วอีเสวี่ยเอ่ยถามอย่างเ็า
“ท่านต่อสู้กับปีศาจงูเจียวไฟจนได้รับาเ็สาหัส ข้าเลยอุ้มท่านมาที่นี่”
มู่เฟิงกล่าว
“แล้วงูเจียวไฟตนนั้นอยู่ที่ใด?”
หลิ่วอีเสวี่ยเอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเ็า
“เขาได้รับาเ็สาหัสเช่นกัน แต่หนีไปแล้ว”
แน่นอนว่ามู่เฟิงไม่สามารถบอกความจริงกับอีกฝ่ายได้ว่าเขาจัดการมันไปแล้ว
“เ้าช่วยข้าเอาไว้งั้นรึ?”
ดวงตาของหลิ่วอีเสวี่ยฉายแววประหลาดใจ
“หากไม่ใช่ข้าก็คงไม่มีคนอื่นแล้วละ”
มู่เฟิงยักไหล่
หลังจากได้ยินดังนั้นหลิ่วอีเสวี่ยก็ลดกระบี่ลง จากนั้นนางก็ไอออกมาอย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเืออกมาหลายคำ
มู่เฟิงหยิบยารักษาออกมาและมอบมันให้หลิ่วอีเสวี่ย หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ แหวนสีน้ำเงินบนนิ้วของนางพลันเปล่งแสงออกมา จากนั้นขวดยาก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง หญิงสาวไม่รอช้ารีบเทเม็ดยาเม็ดสีเขียวเข้มออกมาทันที
แน่นอนว่ายาของนางย่อมต้องดีกว่ายาขยะไร้ประโยชน์ในมือของมู่เฟิงเป็ไหนๆ
หลังจากหลิ่วอีเสวี่ยกินยาเม็ดนั้นเข้าไป นางก็เริ่มกลั่นคุณสมบัติของตัวยาออกมาเพื่อรักษาาแของนาง เมื่อเห็นหลิ่วอีเสวี่ยหายเป็ปกติ มู่เฟิงก็หยิบผลิญญาสีแดงออกมาหนึ่งลูกและกลืนมันลงไปบ้าง จากนั้นเด็กหนุ่มก็ปลีกตัวออกมาเพื่อฝึกฝนวิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา