ดูเหมือนว่าการสังหารชุยซั่ว จะทำให้ชุยหงถึงกับกระอักเืออกมา และล้มลงกับพื้นในทันที จากนั้นเขาก็ส่งเสียงะโอย่างน่ากลัว จนเป็ที่ดึงดูดสายตาของทุกคน
ตระกูลชุยเกิดความโกลาหลขึ้นในทันที จากนั้นชุยหงที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตนเองก็รีบกุลีกุจอออกไปจากสนามประลอง
ทุกคนต่างมองย้อนกลับไปทางฉินอวี่ที่อยู่ทางด้านล่าง และชุยซั่วที่ล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง ส่วนด้านชุยหง ดูเหมือนจะถูกมองเป็เพียงตัวตลกที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ ทุกคนต่างคิดว่าแม่ทัพเฒ่าชุยหงคงจะเป็กังวลมาก จึงหมดสติไปเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ ขณะที่ชุยซั่วล้มลงไปกับพื้น ถงอวิ๋นเฟยที่กำลังหลับตารวบรวมพลังปราณอยู่ตลอดได้ลืมตาขึ้นมา เหล่าคนวัยหนุ่มสาวผู้มีพร์ชั้นนำต่างหันหน้ามองกันและกัน พวกเขาต่างพากันคิดว่าต่อให้ฉินอวี่สามารถเอาชนะชุยซั่วได้ อย่างไรก็ต้องได้รับาเ็สาหัสแน่นอน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าชุยซั่วจะถูกจัดการไปั้แ่เริ่มการโจมตีไปเพียงครั้งแรก สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้มีพร์วัยหนุ่มสาวเ่าั้ซึ่งค่อนข้างดูถูกฉินอวี่อยู่แต่เดิม ได้เริ่มมีความคาดหวังบางอย่างบังเกิดขึ้นในใจ
จื่อซวินเอ๋อจ้องไปยังฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาในทันที นางคาดไม่ถึงว่าฉินอวี่จะสังหารชุยซั่วได้ง่ายดายเช่นนี้ เมื่อนางหวนระลึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับฉินอวี่ จื่อซวินเอ๋อก็ทอดถอนหายใจอย่างหดหู่
อี้จ้านเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจเหลือบมองไปทางถงอวิ๋นเฟย พลันเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
อีกด้านหนึ่ง
“ฮ่าๆ ข้าบอกแล้วว่าพี่ใหญ่จะต้องไม่เป็อะไร พี่สาว ท่านเห็นแล้วหรือยังล่ะ?” สยงท่าเทียนส่งเสียงหัวเราะชอบใจ หลายวันมานี้ฉินเสวี่ยมีความกังวลใจมาโดยตลอด และสยงท่าเทียนก็เป็คนบอกนางว่าพละกำลังของฉินอวี่นั้นไม่ธรรมดา แต่ในตอนนั้นฉินเสวี่ยจะเอาจิตใจที่ไหนไปตั้งใจฟัง?
ฉินเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำหมัดของนางไว้แน่น นางไม่ได้ตอบอะไรสยงท่าเทียน แต่กลับมองไปทางถงอวิ๋นเฟย จริงๆ แล้วนางไม่ได้เป็กังวลการต่อสู้กับชุยซั่ว แต่เป็ถงอวิ๋นเฟย
บนที่นั่งชั้นบนของลานประลอง ผู้าุโโม่กำลังจ้องมองฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่าง และพูดขึ้นเบาๆ “อสุนีลึกลับ... นี่มันอสุนีลึกลับ นายท่านหก คุณชายสามได้พลังอสุนีลึกลับแล้ว!”
ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของฉินจ้านเริ่มขยับขึ้นเล็กน้อย มือที่แข็งกระด้างของเขาถูกกำไว้แน่น แต่ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา
กลุ่มผู้มีพร์วัยหนุ่มสาวของสำนักเทียนหั่วต่างใอย่างมาก แต่มีเพียงหวังผิงคนเดียวเท่านั้นที่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น
ต้องบอกเลยว่า เขาไม่ได้มีความยินดียินร้ายอะไรที่ฉินอวี่สามารถสังหารชุยซั่วได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพราะเขาไม่เคยสนใจความเป็ความตายของชุยซั่วอยู่แล้ว และนี่คือเหตุผลที่เขาให้ชุยซั่วยืมใช้เกราะป้องกัน แทนที่จะให้ยืมใช้กระบี่ิญญาสำหรับโจมตี
ความแข็งแกร่งของฉินอวี่ ทำให้หวังผิงนึกถึงสิ่งที่ชุยซั่วเคยพูดเอาไว้ สิ่งนี้ทำให้เขาเริ่มกระวนกระวายใจ ขอเพียงแค่เพลิงแอ่งธรณีแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขา เช่นนั้นแล้ว เขาก็แน่ใจเป็อย่างยิ่งว่าจะล้วงความลับทั้งหมดของฉินอวี่ออกมาได้แน่นอน
หวังผิงหลับตาลงเล็กน้อย แต่แล้วร่างกายของเขาก็สั่นขึ้นอย่างรวดเร็ว จนต้องรีบลืมตาขึ้น เขามองตรงไปทางฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่างอย่างเหลือเชื่อ เืบนใบหน้าซีดจางลงไปอย่างรวดเร็ว เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย “เป็เช่นนี้ได้อย่างไร? เป็เช่นนี้ได้อย่างไร? ทำไมข้าจึงขาดการติดต่อกับเพลิงแอ่งธรณี?”
ใบหน้าของหวังผิงซีดเซียว มีเหงื่อไหลออกมาที่หน้าผาก เดิมทีเขาคิดว่าทุกอย่างน่าจะอยู่ในการควบคุมของตน แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงเลยก็คือ หลังจากเพลิงแอ่งธรณีได้แทรกซึมเข้าไปในร่างของฉินอวี่ มันก็หายไปเหมือนก้อนหินที่จมดิ่งลงในทะเลลึก ไม่ว่าหวังผิงจะพยายามติดต่อไปสักเท่าไรก็ไร้ประโยชน์
เมื่อมองไปทางฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่างอย่างแน่นิ่ง เสียงหายใจของหวังผิงก็ค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ
ในครั้งนี้ เหตุผลที่เขาให้ชุยซั่วยืมเพลิงแอ่งธรณีไป เพราะเขาได้ทำการกลั่นเพลิงแอ่งธรณีแล้วแม้ว่าเพลิงแอ่งธรณีจะตกไปอยู่ในร่างของฉินอวี่ แต่การควบคุมก็ยังคงเป็ของตัวเขา เป็เพราะเขายังสามารถควบคุมเพลิงแอ่งธรณีได้ทั้งหมด แต่ในตอนนี้ เขากลับไม่สามารถติดต่อกับเพลิงแอ่งธรณีได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อเป็เช่นนี้จะไม่ให้หวังผิงเป็กังวลได้อย่างไร?
เพลิงแอ่งธรณีนี้ เป็สิ่งที่ท่านปู่ของเขาได้มาจากการเข้าไปในดินแดนเล็กๆ แห่งหนึ่ง และเกือบต้องยอมแลกมันมาด้วยชีวิต จึงนับว่าเป็สิ่งที่ไม่ได้มาโดยง่าย อาศัยจากการที่เขาได้ฝึกฝนวิชาที่เกี่ยวข้องกับไฟมาเป็จำนวนมาก จึงทำให้เขากลายเป็ผู้มีความแข็งแกร่งระดับสูงในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักเทียนหั่ว แต่ในตอนนี้ เพลิงแอ่งธรณีกลับขาดการติดต่อไป นี่มันหมายความว่าอย่างไร? เมื่อเพลิงแอ่งธรณีอยู่เหนือการควบคุมของเขา ก็หมายความว่าเขาได้สูญเสียเพลิงแอ่งธรณีไปเสียแล้ว
พอนึกถึงเื่นี้ หวังผิงก็ไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไป ในใจของเขามีความกังวลเป็อย่างยิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จ้องไปยังฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่าง ด้วยดวงตาที่ฉายประกายแห่งความเคียดแค้นที่รุนแรง
“ไม่ว่าจะอย่างไร จะต้องนำเพลิงแอ่งธรณีคืนกลับมาให้ได้!”
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจากนี้ต่อไปฉินอวี่ยังจะต้องประลองกับถงอวิ๋นเฟย หวังผิงก็ยิ่งรู้สึกนั่งไม่ติด หากฉินอวี่เกิดตายระหว่างการต่อสู้ เขาก็จะต้องสูญเสียเพลิงแอ่งธรณีไปตลอดกาล
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของหวังผิงเปลี่ยนไปมากกว่าเก่า เขารู้สึกเสียใจเป็อย่างมาก ขโมยไก่ก็ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ นี่เป็การสูญเสียที่ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ
“เดี๋ยวก่อน... หรือฉินอวี่จะมีเพลิงธรณีอยู่ในตัวเช่นกัน? และยังเป็เพลิงธรณีที่แข็งแกร่งกว่าเพลิงแอ่งธรณี?” หวังผิงตัวสั่นขึ้นมาทันที ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ โดยทั่วไปแล้ว หากกลุ่มเพลิงวิเศษเหล่านี้ถูกตัดขาดหลังจากเข้าสู่ร่างกายของผู้คน ก็คงจะมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือเพลิงวิเศษได้ถูกเพลิงวิเศษที่แข็งแกร่งกว่ากลืนกินเข้าไปแล้ว
กล่าวได้ว่า มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าในร่างกายของฉินอวี่จะมีเพลิงวิเศษบางอย่างที่มีระดับสูงกว่าเพลิงแอ่งธรณี!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ความหวาดกลัวภายในใจของหวังผิงก็เต็มไปด้วยความโลภและความตื่นเต้น ม่านตาที่กำลังมองไปยังฉินอวี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเร่าร้อน แต่ในไม่ช้าก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลใจอีกครั้ง
ฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่างขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เขาจับแขนข้างซ้ายของชุยซั่วเอาไว้ ฉินอวี่ก็รู้สึกถึงอากาศเย็นที่พัดผ่านร่างกาย จากนั้นความร้อนที่ยากอธิบายก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา ทันใดนั้นเอง เขาก็มองเห็นเปลวไฟลุกลามขึ้นไปยังแขนซ้ายของเขาอย่างคลุมเครือ
แต่สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ประหลาดใจก็คือ หลังจากที่เปลวไฟนั้นได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา เมล็ดพันธุ์คืนชีพที่อยู่ในจุดตันเถียนก็ได้ะเิออก เกิดเป็พลังการดูดซับที่แข็งแกร่ง ก่อนที่ฉินอวี่จะทันสังเกตเห็นมัน เปลวไฟที่ดูมืดมนนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในจุดตันเถียน ลอยเคว้งอยู่ข้างสายฟ้าสีม่วงที่เมล็ดพันธุ์คืนชีพ
เมื่อมองเข้าไปที่จุดตันเถียน ฉินอวี่ก็รู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจว่าเปลวไฟในเมล็ดพันธุ์คืนชีพทำให้เปลวไฟกลุ่มนี้เข้าไปในจุดตันเถียนได้อย่างไร เดิมทีคิดว่าเปลวไฟกลุ่มนี้เป็พลังสูงสุดของฟ้าดินชนิดหนึ่ง แต่เมล็ดพันธุ์คืนชีพกลับไม่ดูดซับพวกมัน สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่งุนงง
ในตอนนี้ ฉินอวี่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาเงยหน้าขึ้นพลางกวาดสายตามองไปบนที่นั่งตรงหน้า ท้ายที่สุดก็หันไปพบกับหวังผิงที่มีใบหน้าซีดเซียวซึ่งกำลังจ้องมาที่ตนเอง ฉินอวี่หรี่ตาลง แล้วยิ้มเย้ยขึ้นตรงมุมปาก
ก่อนหน้านี้เขายังคงสงสัยว่าเพราะอะไรชุยซั่วจึงได้มั่นใจในตัวเองถึงขนาดนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความมั่นใจในตัวเองของเขาน่าจะมาจากไฟวิเศษของฟ้าดิน และเพลิงธรณีนี้จะต้องเป็ของหวังผิงอย่างแน่นอน
หลังจากละความคิดทั้งหมด ฉินอวี่ก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาจะได้รับไฟวิเศษที่แปลกประหลาดของฟ้าดินจากการต่อสู้กับชุยซั่ว แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่ามันอยู่ในระดับใด แต่ไฟชนิดนี้ก็มีค่ายิ่งนัก แม้จะเป็เพียงเพลิงธรณีระดับต่ำก็ยังมีค่าที่ประเมินมิได้ และเพลิงธรณีนี้จะต้องเป็ของหวังผิง
เมื่อละสายตากลับมา ฉินอวี่ก็ได้ตรวจดูร่างกายของตนเองอย่างละเอียด และเมื่อพบว่าเพลิงธรณีนี้มิได้ทำอันตรายกับเขา เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังโชคดีที่เขามีเมล็ดพันธุ์คืนชีพอยู่ในร่าง มิเช่นนั้น เพลิงธรณีก็อาจทำร้ายให้ตนเองาเ็สาหัสได้
แม้ว่าในการต่อสู้ครั้งนี้เขาจะสังหารชุยซั่วได้ในคราวเดียว แต่มันก็ทำให้ฉินอวี่เข้าใจพลังของพลังอสุนีลึกลับได้เป็อย่างดี ก่อนหน้านี้ เพื่อให้การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ฉินอวี่จึงจัดการชุยซั่วด้วยพลังของหมัดะเิฟ้าผนวกกับพลังของอสุนีลึกลับอีกสองสาย สามารถกล่าวได้ว่าหมัดะเิฟ้าที่ผสานกับพลังอสุนี์ทั้งสองสาย มีพละกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ซึ่งสามารถทำลายอาวุธิญญาในการป้องกันระดับสามได้ และพลังนี้เป็พลังที่น่าสนใจเป็อย่างยิ่ง
“การประลองครั้งนี้ ฉินอวี่เป็ผู้ชนะ!” หลังจากที่อี้จ้านเทียนแน่ใจว่าชุยซั่วตายแล้ว เขาก็ประกาศผลการประลองขึ้นมา พลางเรียกคืนม่านแสงพลังเวท จากนั้นก็มีคนสองคนขึ้นไปบนเวที และนำร่างของชุยซั่วออกไป
ฉินอวี่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางถงอวิ๋นเฟย และพูดขึ้นเสียงดัง “ถงอวิ๋นเฟย เ้ากล้าประลองกับข้าสักครั้งหรือไม่?”
ถงอวิ๋นเฟยพ่นลมหายใจเ็าออกมา จากนั้นจึงะโลอยตัวขึ้นไป และร่อนลงบนลานประลองที่ฉินอวี่ยืนอยู่
ฉินอวี่จ้องมองไปที่ถงอวิ๋นเฟย และพูดเสียงดัง “ด้วยเหตุที่ระดับการฝึกฝนของถงอวิ๋นเฟยสูงกว่าข้า เขาจะต้องระงับพลังในระดับการฝึกฝนของตนเองเพื่อต่อสู้กับข้า ขอให้สหายทุกท่านโปรดเป็พยานให้ข้าด้วย หากเขาใช้พลังเกินกว่าขั้นปราณเสถียรระดับต้น นับว่าเขาเป็ผู้พ่ายแพ้”
“ยิ่งไปกว่านั้น... เพื่อความยุติธรรม ขอเ้าถอดเกราะศึกทั้งหมด รวมถึงอาวุธิญญาป้องกันออกด้วย อีกอย่าง ไม่สามารถเรียกใช้งานอาวุธโจมตีได้ มิเช่นนั้น... แม้ว่าเ้าจะชนะ ก็นับว่าเป็ชัยชนะที่ไม่เป็ธรรม”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ต่อสู้กับชุยซั่ว เป็การเตือนสติฉินอวี่ว่า หากถงอวิ๋นเฟยใช้อาวุธิญญาระดับสูง แม้ว่าพลังอสุนีลึกลับจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจทำลายการป้องกันของเขาได้
“ใช้ความคิดอันต่ำต้อยตัดสินผู้แข็งแกร่ง การจะฆ่าเ้าไม่จำเป็ต้องใช้พลังจากภายนอกเลย” ถงอวิ๋นเฟยปัดเสื้อผ้าของตนเอง และพูดขึ้นอย่างโอหัง
อี้จ้านเทียนที่กำลังนั่งดูอยู่บนที่นั่งในชั้นหนึ่ง ได้พูดขึ้นอย่างช้าๆ “หากทั้งสองท่านพร้อมแล้ว ข้าจะขอเปิดม่านแสงพลังเวท”
“รอก่อน...” ฉินอวี่พูดขึ้นอย่างดุเดือด อี้จ้านเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปทางถงอวิ๋นเฟย “มีอะไรหรือ?”
“ข้าไม่เชื่อในพฤติกรรมของเขา ขออี้จ้านเทียนโปรดส่งผู้แข็งแกร่งไประงับระดับฝึกฝนของถงอวิ๋นเฟยให้อยู่ในขั้นปราณเสถียรระดับต้น อีกอย่าง ขอให้ทำการยึดวงแหวนมิติของเขาไว้ชั่วคราว มิเช่นนั้น ใครจะรับรองได้ว่าเขาจะไม่กลายเป็หมาจนตรอกที่ทำอะไรก็ได้?” ฉินอวี่ไม่เชื่อในตัวถงอวิ๋นเฟยเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของถงอวิ๋นเฟยเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมไปทันที