“มึงนี่แม่งโคตรขี้ลืม… ค่อยๆ คิดว่าก่อนจะกลับเข้ามาที่ห้องมึงไปไหนมาบ้าง… ”
อาร์ตแนะอย่างคนที่เคยลืมโทรศัพท์บ่อยๆ ไม่ต่างกัน
ซีนน์ทำตามที่เพื่อนบอก ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่สั้นๆ เพื่อนลำดับเหตุการณ์
“ก่อนหน้านี้กูไปตีแบทแล้วจากนั้นก็กลับเข้ามาที่ห้องนี่แหละ… อาบน้ำแล้วก็ไม่ได้ไปไหน”
ซีนน์ตอบ
“แล้วตอนกลับมาถึงห้อง… ยังเห็นโทรศัพท์อยู่ไหม… ”
อาร์ตอยากให้ซีนน์ค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“อ๋อ… กูนึกออกแล้วว่ะ เมื่อตอนค่ำกูแวะเข้าไปที่คณะ เอาหนังสือไปใส่ไว้ในตู้ล็อกเกอร์ กูคิดว่าน่าจะเผลอเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ด้วย”
จู่ๆ ซีนน์ก็นึกขึ้นได้…
“เวร… แต่ถ้าคิดว่ายังอยู่ในนั้นก็ปลอดภัย”
อาร์ตเสริมให้เพื่อนคลายกังวล
“กูกำลังคิดว่าจะกลับไปเอา… ”
ซีนน์กล่าวออกมาด้วยความเป็ห่วงโทรศัพท์
“แต่ว่านี่มันใกล้จะห้าทุ่มแล้วนะโว้ย… ยามคงไม่ยอมให้มึงเข้าไปหรอกนะ… ”
อาร์ตห้าม…
เพราะรู้ว่าที่คณะฯ แห่งนี้มีระเบียบที่เคร่งครัดเื่การเข้าออกหลังเวลาเรียน
“นั่นสิ… ”
ซีนน์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเข้าไปในตึกได้ไหม เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตึกหน้าเพิ่งเปลี่ยนเอายามคนใหม่เข้ามาทำงาน
“ก็ปล่อยไว้นั่นแหละ… เดี๋ยวเช้าค่อยไปดู”
อาร์ตออกความเห็น
“ไม่… เดี๋ยวกูจะไปเอาตอนนี้แหละ”
ซีนน์แย้งแล้วเดินลงมาจากห้อง…
เมื่อมาถึงชั้นล่างก็ตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง จอดเอาไว้ใต้หอพัก สตาร์ทเครื่องแล้วขับตรงไปยังตึกคณะฯ ที่ลืมโทรศัพท์ไว้
ในเวลาต่อมา…
เมื่อซีนน์ขับรถมอเตอร์ไซค์มาถึงบริเวณลานจอดรถหน้าตึกคณะฯ โชคดีที่ไม่มีรถคันอื่นจอดอยู่เพราะเวลาในตอนนี้ก็เกือบห้าทุ่มแล้ว
บรรยากาศรอบๆ กายคืนนี้ค่อนข้างเงียบสงัด เพราะว่าเพิ่งมีกฎระเบียบออกมาใหม่ ห้ามนักศึกษาอยู่ในตึกเกินกว่าเวลาสามทุ่ม ต่างจากเมื่อก่อนที่อนุญาตให้นักศึกษาอยู่ทำงานจนดึก
คืนนี้อากาศเย็น…
ซีนน์ก้าวเดินไปบนลานอิฐสีเทาที่ยังคงชื้นไปด้วยคราบน้ำฝน ตกลงมาั้แ่ตอนเย็น ได้กลิ่นอายของฝนที่ถูกพื้นซีเมนต์ดูดซับเอาไว้
ซีนน์กวาดสายตามองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เห็นยาม จึงตัดสินใจย่องเข้าไปในทางด้านหลังตึก ทั้งที่มีข้อห้ามเอาไว้ว่าขณะนี้เป็เวลาห้ามเข้าโดยเด็ดขาด
แต่บังเอิญ…
ซีนน์รู้ว่ามีหน้าต่างบานหนึ่งใกล้ๆ กับห้องน้ำด้านหลังอาคารชำรุดอยู่ เพียงแค่เอามือผลักเบาๆ ก็น่าจะเข้าไปได้
‘ดีเหมือนกันที่ลุงยามไม่อยู่… ’
ซีนน์นึกในใจ…
เพราะคิดว่าถ้าเจอลุงยามกะดึกคนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะยอมให้เข้าไปในตึกหรือเปล่า
