หลินฟู่อินเห็นว่าหลี่ฮูหยินต้องชะลองานไปหลายส่วนเพื่อนางแล้ว จึงกล่าวว่า “ข้าคงไม่ขอรบกวนเวลาฮูหยิน ข้าจะไปดูเองเ้าค่ะ”
หลี่ฮูหยินเองก็มีเื่มากมายให้ต้องไปจัดการ นางจึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้ย่าซ่งผู้นี้ตามเ้าไปด้วย นางชำนาญเื่เส้นทางในเมือง สงสัยอะไรก็ถามนางได้เลย… เมื่อพอใจแล้วก็กลับมาที่ร้านของข้าเพื่อรอโฉนดจากนายหน้าเมิ่งเสีย”
หลินฟู่อินกล่าวขอบคุณหลี่ฮูหยิน แล้วจึงไปยังร้านที่เพิ่งซื้อมาทั้งสองกับย่าซ่ง
หลินฟู่อินยิ่งทวีความตื่นเต้นขึ้นเมื่อจะไปดูร้าน ต่อให้ร้านจะไม่ได้มีทำเลที่ยอดเยี่ยม และราคาที่จ่ายไปร่วมสองร้อยตำลึงเงินจะชวนให้รู้สึกว่ามันแพงเกินเหตุไปนักก็ตาม แต่นางอยากได้ร้านเอาไว้เพื่อขายน้ำหอม ดังนั้นจะทำเลดีหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา
สิ่งสำคัญในกิจการน้ำหอมอยู่ที่คุณภาพสินค้า ดังนั้นเื่ทำเลจึงมิใช่ปัญหา สตรีเป็สิ่งมีชีวิตที่รักสวยรักงามมานับแต่อดีตกาล ยอมเดินเสียหน่อยเพื่อความงามจะเสียหายอะไรกัน?
ยิ่งหลินฟู่อินคิดเื่นี้มากเท่าไร หัวใจนางก็ยิ่งโป่งพอง นางแทบจะอยากงอกปีกเพื่อบินไปดูร้านเสียั้แ่ตอนนี้เลย
เมื่อย่าซ่งเห็นท่าทางดีอกดีใจของหลินฟู่อิน นางจึงกล่าว “แม่นางมิต้องเป็กังวล ข้าจะพาท่านไปทางลัดเอง”
หลินฟู่อินกล่าวขอบคุณย่าซ่งไม่หยุดในระหว่างที่ย่าซ่งพานางลัดเลาะไปตามทาง แต่เพราะทางลัดเหล่านี้มันเป็ตรอกแคบๆ โทรมๆ หลินฟู่อินจึงต้องพยายามจดจำว่าซอยไหนที่นำไปยังร้าน
ร้านแรกที่มาถึงคือร้านที่อยู่สุดถนนทางตะวันออก ประตูร้านถูกปิดไว้โดยมีสลักทองแดงห้อยไว้ด้วย หลินฟู่อินจึงหยิบพวงกุญแจออกมาแล้วพยายามเปิดอย่างระมัดระวัง
ประตูร้านต่างจากประตูเรือน มันถูกปิดไว้ด้วยไม้ใหญ่แนวขวางสองแผ่น ดูทนทาน และเพราะเคลือบน้ำมันไว้มันจึงดูสว่างสดใส และด้วยความที่ประตูร้านค่อนข้างใหญ่ หากนางแกะไม้ออก ลูกค้าก็จะเห็นสินค้าข้างในได้ชัดเจนมากขึ้นอีก
เป็ตอนนี้เองที่ย่าซ่งผู้กำลังมองดูหลินฟู่อินด้วยรอยยิ้มเสนอตัวเข้าช่วย “แม่นาง ถอยออกมาเถอะ เดี๋ยวข้าจะจัดการเอาไม้พวกนี้ออกให้เอง ท่านจะได้เข้าไปดูข้างใน”
หลินฟู่อินมองแผ่นไม้สูงกว่าสามเมตรแล้วจึงพยักหน้า แม้ร่างเล็กๆ ของนางจะพอมีเรี่ยวแรงอยู่บ้าง แต่ก็ทำเองไม่ไหวแน่ๆ
ย่าซ่งจัดการถอนแผ่นไม้ออกมาอย่างเคล่องแคล่วในเวลาไม่นาน และพอนางจะดึงมันออกในตอนท้าย หลินฟู่อินก็รีบหยุดนางทันที นางเพียงมาดู ดังนั้นแค่ถอนผนึกไม้นี่ออกก็พอแล้ว
ย่าซ่งหยุดมือลง แล้วทั้งสองจึงทยอยกันเข้าร้านไป ตัวร้านค่อนข้างลึก ลึกมากกว่าสิบหมี่ [1] เพดานสูงกว่ายี่สิบหมี่ เรียกได้ว่าเนื้อที่มหาศาลเป็อย่างมาก
หลินฟู่อินคำนวนคร่าวๆ ดูแล้ว ก็คิดได้ว่าแค่เพียงโถงหน้าก็คงมีเนื้อที่มากกว่าสองร้อยสี่สิบตารางหมี่แล้ว
“ร้านนี้กว้างใหญ่นัก ตอนที่ข้ามาซื้อของเมื่อคราวก่อนข้ามิได้สังเกตเลยเพราะนางจัดร้านได้รกมาก แต่พอมันว่างเปล่าเช่นนี้แล้ว ขนาดมันเล็กกว่าร้านยาของตระกูลหลี่เราแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามา ย่าซ่งก็กล่าวชื่นชมตัวร้าน แล้วหันมาแสดงความยินดีกับหลินฟู่อิน “แม่นางหลิน ร้านนี้คุ้มราคามาก ปกติเงินเพียงสองร้อยหกสิบเจ็ดตำลึงเงินน่ะซื้อร้านที่มีโถงใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หรอกเ้าค่ะ”
หลินฟู่อินเองก็มีความสุขมาก นางเคยไปซื้อของจิปาถะจากร้านในเมืองมาหลายครั้ง ทุกครั้งนางจะคอยสังเกตขนาดของร้านตามทางไปด้วย และนางคิดว่าร้านขายของชำที่ใหญ่ที่สุดที่นางเคยเห็นมีขนาดไล่ๆ กับร้านที่นางเพิ่งซื้อมานี้ โดยที่ร้านอื่นๆ ขนาดไม่ถึงครึ่งของร้านนี้ด้วยซ้ำ
กำไรจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจียงฮูหยินจะไม่อยากต่อรอง เมื่อเห็นแล้วว่าตัวเรือนนั้นโอ่อ่า และร้านยังใหญ่โตเช่นนี้ แต่กลับมีเงินทอนกลับมาด้วย นางจึงรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
แม้มันจะเป็เื่ธรรมดาของการทำธุรกิจ และยังมีคำกล่าวที่ว่า ที่อยู่เดียวของความสงสารคือในบทกฎหมาย อันใช้ได้กับโลกธุรกิจอยู่ด้วยก็ตาม
หลินฟู่อินคิด ในเมื่อเจียงฮูหยินจะจากไปในอีกไม่กี่วัน นางคงต้องหาของขวัญไปให้นางบ้างเสียแล้ว…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงไปดูส่วนด้านหลังร้านตามที่ย่าซ่งเสนอ
เมื่อเห็นส่วนหลังของร้าน นางก็ยิ่งพอใจมากขึ้นไปอีก ตอนแรกนางคิดว่าด้านหลังคงไม่ลึกเท่าไร แต่เมื่อมาดูแล้ว มันลึกมากกว่าแปดหรือเก้าหมี่เลยทีเดียว
ถึงแม้ส่วนหลังจะเล็กกว่าส่วนหน้าราวๆ หนึ่งในสี่ส่วนก็ตาม แต่ก็ยังนับว่าคุ้มค่ามาก!
ย่าซ่งเองก็กล่าวไม่หยุดว่าหลินฟู่อินได้กำไรมากจริงๆ “แม่นางหลิน ตอนที่ข้ามาเยือนร้านนี้ ข้าเคยดูถูกมันมาก่อน แต่การซื้อร้านหลังนี้เท่ากับว่าได้มาทั้งร้านใหญ่และบ้านเล็กๆ เลยทีเดียว! สองร้อยหกสิบเจ็ดตำลึงเงินนับว่าถูกมาก ระดับนี้นี่ต้องไม่ต่ำกว่าสามร้อยตำลึงเงินแล้ว”
หลินฟู่อินเองก็มีความสุขมากจนยิ้มไม่หุบ ตอนนี้นางเข้าใจที่เจียงฮูหยินบอกไว้แล้วว่าสามีของนางมีหัวด้านธุรกิจ
อย่างที่ย่าซ่งกล่าวไว้ ต่อให้ไม่ปล่อยขายหรือเปิดร้านเอง แค่เอาร้านนี้ไปเสนอขายต่อให้พวกพ่อค้าที่ทำกิจการอสังหาริมทรัพย์อยู่ก็เป็วิธีทำกำไรได้ง่ายๆ แล้ว
เช่นนางซื้อร้านนี้มาในราคาสองร้อยตำลึงเงิน หากนางคิดจะขาย นางก็เอาไปขายสักสองร้อยแปดสิบตำลึงเงิน เท่านี้ก็ได้กำไรแปดสิบตำลึงเงินแล้ว
แต่แน่นอนว่านางไม่คิดจะขายหรอก
ในระหว่างนี้ ย่าซ่งก็มองร้านอันยอดเยี่ยมนี้ไปพลางรู้สึกเสียดายแทนหลี่ฮูหยินผู้เป็นาย
แต่นี่คงเป็โชคชะตา มันเป็โชคลาภอันดีของแม่นางหลิน เพราะอย่างนั้นจึงช่วยไม่ได้
เมื่อดูร้านทางตะวันออกเสร็จ หลินฟู่อินจึงไปดูร้านทางตะวันออกเฉียงใต้ต่ออย่างอารมณ์ดี เป็ร้านที่แต่เดิมแล้วเจียงฮูหยินใช้เป็ร้านขายผ้า
เมื่อเห็นไม้ที่ปิดประตูอยู่ นางก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้ง
ด้วยความยาวแผ่นไม้ขนาดนี้ ร้านนี้ไม่เล็กแน่
พอเปิดประตูได้แล้ว ย่าซ่งก็เปิดทางเข้าให้ ก่อนจะรู้สึกเสียดายแทนหลี่ฮูหยินขึ้นมาอีกครั้ง มันเล็กกว่าร้านกลางถนนนั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นางเคยตามหลี่ฮูหยินผู้เป็นายมาซื้อผ้าที่นี่ แต่เพราะผ้าที่ขายนั้นวางอย่างกระจัดกระจาย นางจึงไม่ทันสังเกตถึงขนาดของร้าน…
หลินฟู่อินยิ้มกว้างไม่หุบ แม้มันจะเล็กกว่าร้านที่แล้วราวสามสิบถึงสี่สิบตารางหมี่ แต่มันก็ไม่ได้เล็กเกินไป
และแม้ว่าส่วนหลังจะค่อนข้างตื้น แต่ความกว้างนั้นเทียบได้กับส่วนหน้า และพอมันเป็สี่เหลี่ยมจัตุรัสเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่ามันดูดีมาก
ร้านนี้ดียิ่งกว่าร้านทางตะวันออกเสียอีก เมื่อคิดว่านางได้ทั้งบ้านและร้านสองร้านมาด้วยราคาเพียงเท่านี้แล้ว นางก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งว่ามันคุ้มค่าถึงเพียงไหน จนรู้สึกขอบคุณเจียงฮูหยินขึ้นมา
แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกเสียดายที่เจียงฮูหยินจะกลับไปยังบ้านเกิดเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้วการมีคนรู้จักเป็นักธุรกิจหญิงเช่นนาง คงเป็ประโยชน์มากแน่นอน
----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หมี่ 米 (mǐ) คือ เมตร