“นี่คือป้าเจิง ป้าเจิงเป็คนดูแลฉันั้แ่เด็กน่ะ”
ป้าเจิงทำงานเป็แม่บ้านให้บ้านโจวมานานหลายปีแล้ว พอโจวเฉิงอายุครบหนึ่งเดือน กวนฮุ่ยเอ๋อก็กลับเข้าสู่ตำแหน่งงานดั่งเดิม วัยเยาว์ของโจวเฉิงจึงได้ป้าเจิงดูแลเป็ส่วนใหญ่ เมื่อทราบว่าป้าเจิงไม่ใช่แม่บ้านธรรมดาทั่วไป เซี่ยเสี่ยวหลานจึงกล่าวทักทายตามเช่นกัน
“สวัสดีค่ะคุณป้าเจิง”
น้ำเสียงของเธอทำเอาป้าเจิงตะลึงงัน ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะนึกได้ว่าต้องเชิญเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าบ้าน
มือซ้ายของเซี่ยเสี่ยวหลานหิ้วของฝากน้ำหนักเบา ส่วนโจวเฉิงหอบแตงโมและข้าวของอย่างอื่น เมื่อทั้งสองก้าวเข้าบ้านโจวแล้วก็อึ้งทันที
สำหรับโครงสร้างของบ้านโจวนั้น ชั้นหนึ่งคือห้องรับแขกที่เปิด้า การตกแต่งไม่ถือว่าหรูหรานัก เครื่องเรือนก็มีอายุหลายปีแล้ว แต่โดยรวมดูโอ่อ่ากว้างขวางยิ่งนัก ทว่าแม้ห้องรับแขกจะกว้างขวางมากเพียงใด มีคนสิบกว่าชีวิตเบียดเสียดกันก็คับแคบอยู่ดี—เซี่ยเสี่ยวหลานตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย แค่รับประทานอาหารร่วมกับพ่อแม่โจวเฉิงธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือ? แต่คนเยอะขนาดนี้ แซ่โจวทุกคนน่าจะมาหมดแล้วหรือเปล่า!
เซี่ยเสี่ยวหลานจำโจวอวี๋ได้ เธอยืนอยู่ข้างกายหญิงชราผมเทา
โจวเฉิงประหลาดใจอยู่ชั่วครู่เช่นกัน ทว่าตอบสนองกลับอย่างว่องไว
“วันนี้ทุกคนอยู่กันครบหรือครับ ถ้าอย่างนั้นจะได้เจอเสี่ยวหลานแฟนผมพร้อมกันพอดี เสี่ยวหลาน นี่คือปู่กับย่าของฉัน”
แม้พ่อเฒ่าโจวจะเกษียณอายุได้หลายปีแล้ว ทว่ากลิ่นอายอันน่าเกรงขามยังคงอยู่โดยที่เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ปกติไม่มีคนในตระกูลโจวคนไหนกล้าทำตัวเป็ปัญหากับปู่โจว ทุกครั้งที่โจวอวี๋เล่นเล่ห์กล มักรู้สึกว่าอาจถูกปู่โจวจับได้อยู่เสมอ
คนทั่วไปถูกพ่อเฒ่าโจวจ้องเล็กน้อย ขาก็สั่นงันงกกันหมดแล้ว แม้แต่ลูกหลานแท้ๆ ยังไม่กล้าประจันหน้ากับเขาเลยด้วยซ้ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าชายชราผู้นี้เคยอยู่ในตำแหน่งสูง อย่าว่าแต่จุดเริ่มต้นชีวิตแสนต่ำต้อยของเธอในชาตินี้เลย ต่อให้เป็ชาติก่อนที่ฝ่าฟันจนกลายเป็ประธานเซี่ย ก็ไม่มีโอกาสสนทนากับปู่ของโจวเฉิงหรอก... แต่ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์เดียวกันนี่นา เธอไม่ได้มาเพื่อร้องขอให้ปู่โจวช่วยจัดการธุระให้เสียหน่อย เธอคือแฟนสาวที่โจวเฉิงพาเข้าบ้าน ไร้จุดประสงค์และข้อเรียกร้องใดๆ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงสามารถสงบนิ่งได้เป็ธรรมดา
“สวัสดีค่ะคุณปู่โจว สวัสดีค่ะคุณย่าโจว”
สายตาของปู่โจวกับเซี่ยเสี่ยวหลานสบกันกลางอากาศ ในแววตาของเซี่ยเสี่ยวหลานมีรอยยิ้ม มีความเคารพ มีความมั่นใจ ปราศจากความเจียมเนื้อเจียมตัวเพียงอย่างเดียว
เธอไม่ได้หลบสายตาของพ่อเฒ่าโจว!
ปู่โจวตอบ ‘อืม’ เบาๆ กลับไปเท่านั้น หญิงสาวคนนี้มีหน้าตาสะสวยจับใจ เห็นครั้งแรกออกจะสวยเกินพอดีไปหน่อย ค่อนข้างมีเสน่ห์พริ้มพรายติดตัว ทว่าดวงตาของหญิงสาวคนนี้เที่ยงตรงยิ่งนัก เพียงแต่เจือไปด้วยความดื้อรั้นเล็กน้อย ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทตามขนบที่ตั้งใจอยู่บ้านสนับสนุนสามีและดูแลลูก
ส่วนย่าโจวนั้นเปี่ยมไมตรีจิตกว่ามาก หญิงสาววัยรุ่นจะแต่งตัวเรียบง่ายไปทำไมกัน สมัยพวกเธอได้แต่ใส่สีน้ำเงินหรือสีดำ เป็เพราะว่าไม่มีสีสันอื่นๆ อีกแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานสวมชุดกระโปรงสีแดง รูปร่างสะโอดสะอง ผิวขาวผ่องใส พวงแก้มมีสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ เส้นผมสมบูรณ์เงางาม รูปร่างผอมบางก็จริง ทว่าดูไม่ใช่คนขี้โรค
คนเป็ย่าเลือกหลานสะใภ้โดยพิจารณาจากสิ่งใด สิ่งสำคัญคือต้องดูว่าร่างกายแข็งแรงหรือไม่ รูปลักษณ์เป็อย่างไรไม่ใช่หรือ?
ชาติตระกูลอะไรนั่น ย่าโจวไม่ได้ให้ความสำคัญเลย จะดีที่สุดต่อเมื่อหลานชายของเธอพึงพอใจเท่านั้น
“สวัสดีจ้ะ ไม่ต้องเกรงใจนะ คิดเสียว่าที่นี่เป็บ้านของตัวเอง”
ย่าโจวมีความประทับใจแรกอันดีต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน มีเพียงครอบครัวที่ไม่มั่นใจเท่านั้นที่กลัวว่าผู้หญิงสวยเกินไปจะประพฤติตนไม่เหมาะสม หากกระทั่งตระกูลโจวยังยอมรับสาวงามไร้เทียมทานอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้ไว้ไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานจะตามหาใครมาแต่งงานด้วยได้อีก?
เซี่ยเสี่ยวหลานมองออกเช่นกันว่าย่าโจวประทับใจในตัวเธอ จึงส่งยิ้มให้หญิงชรามากกว่าเล็กน้อย หญิงชราปลาบปลื้มเหลือล้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะสงวนกิริยาให้เหมาะสม ตอนนี้ยังสงวนได้เสียที่ไหน? พอย่าโจวแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ตระกูลโจวคนอื่นๆ ก็ยากที่จะทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานอึดอัด
โจวเฉิงแนะนำสมาชิกตามลำดับ วันนี้คนที่อยู่ในห้องรับแขกได้แก่ป้าสะใภ้ของเขา โจวอวี๋พี่สาว อาหญิงทั้งสองของโจวเฉิง รวมถึงน้องชายน้องสาวจากสองบ้านอีกหลายคน ในกลุ่มผู้าุโฝ่ายชาย นอกจากปู่โจว ก็มีแค่อาเขยเล็กของโจวเฉิงที่อยู่ตรงนี้ ไม่เห็นลุงและและอาเขยรองของเขา
และไม่เห็นพ่อแม่ของโจวเฉิงด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนว่าคนอื่นจะมองเธอเช่นไร ทว่าเธอ้าพบเ้าบ้านหลัก
ขณะที่กำลังครุ่นคิด หญิงร่างผอมสูงคนหนึ่งก็เดินลงบันไดมาพอดิบพอดี “โจวเฉิง ลูกกลับมาแล้วรึ แม่โทร.บอกพ่อเขาแล้ว อีกพักใหญ่พ่ออาจถึงบ้านน่ะ”
ลูกชายเหมือนมารดา โจวเฉิงรูปงามแบบนี้ กวนฮุ่ยเอ๋อย่อมไม่ด้อยเช่นกัน
ทว่ากวนฮุ่ยเอ๋อมีลักษณะอย่างอิสตรีผู้กล้าหาญ เวลาไม่ยิ้มดูค่อนข้างเคร่งขรึม เป็ประเภทที่แตกต่างกับเซี่ยเสี่ยวหลานโดยสิ้นเชิง
“แม่ ผมอยากเจอแม่พอดี ผมพาเสี่ยวหลานมาแล้ว”
สายตาของกวนฮุ่ยเอ๋อจรดที่เซี่ยเสี่ยวหลาน จะอธิบายอย่างไรดี เซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนที่เธอจินตนาการไว้ และแตกต่างจากที่จินตนาการไว้เล็กน้อยด้วยเช่นกัน
ใส่ชุดกระโปรงสีแดงสด ดูก๋ากั่นดั่งในจินตนาการของเธอ ทว่าสิ่งที่แตกต่างคือบุคลิก เซี่ยเสี่ยวหลานยืนอยู่ตรงนั้น ไม่หดคอ ไม่วอกแวกมองไปรอบๆ ไม่เหมือนเด็กสาวชนบทผู้ไม่เคยเห็นโลกกว้างเลยจริงๆ !
“สวัสดีค่ะคุณน้า ฉันคือเสี่ยวหลานค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รีบร้อนประจบประแจง กวนฮุ่ยเอ๋อกลับรู้สึกงุนงงสับสน ใจหนึ่งคิดว่าแววตาของลูกชายเธอควรจะเฉียบแหลมแบบนี้ อีกใจหนึ่งก็คิดว่าครอบครัวชาวชนบทไม่น่าจะอบรมหญิงสาวให้ออกมาเป็แบบนี้ได้ หรือว่าหลังจากคบกับโจวเฉิงแล้ว โจวเฉิงลงทุนลงเงินจำนวนมากเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลจนเซี่ยเสี่ยวหลานกลายเป็แบบนี้?
“อืม สวัสดีจ้ะ ยินดีต้อนรับที่มาเป็แขกนะ ไปคุยเป็เพื่อนย่าในห้องรับแขกสักหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวจะเริ่มกินข้าวกันแล้ว”
กวนฮุ่ยเอ๋อดูใจลอยเล็กน้อย ทว่าใบหน้าไม่บูดบึ้ง โจวเฉิงรู้สึกโล่งใจ แต่เขาไม่ได้กลัวว่าครอบครัวจะคัดค้าน คัดค้านไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจะคบกับเสี่ยวหลานอยู่ดี ที่เขากลัวคือกลัวคนในครอบครัวสร้างความน่าอึดอัดใจให้เสี่ยวหลาน และภรรยาจะทิ้งเขาไปเพราะความขุ่นเคืองมากกว่า!
โจวเฉิงไม่รู้ว่าทำไมวันนี้คนตระกูลโจวถึงมากันเยอะแยะถึงเพียงนี้ เขากะพริบตาส่งสัญญาณให้เซี่ยเสี่ยวหลาน ขอร้องให้ผู้บังคับบัญชาส่วนตัวเห็นใจเขา
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดกับตัวเอง หลังจากนี้ค่อยชำระบัญชี เวลานี้จะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้ง ก็ถูกย่าโจวดึงไปนั่งข้างกาย
โจวอวี๋จำยอมโดนเบียดออกไป ตอนนี้ย่าโจวสนใจหลานสาวเสียที่ไหน เธอสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับหลานสะใภ้ต่างหาก
“มานั่งข้างย่าเถอะ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสี่ยวอวี๋เล่าว่าโจวเฉิงกำลังคบใครอยู่ อยากเจอเรามาตั้งนานแล้ว ในที่สุดก็มาให้ย่าเจอจนได้!”
ย่าโจวมีท่าทีที่เป็มิตรมาก เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ยินดีสนทนากับหญิงชรา และหญิงชราไม่ได้เสียมารยาทเลย เธอแค่ถามว่าบ้านเกิดของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ที่ไหน ปีนี้อายุเท่าไร คำถามพวกนี้มีอะไรต้องห้ามกัน?
เพิ่งครบ 19 ปี อายุเหมาะกับโจวเฉิงพอดี
แม้บ้านเกิดอยู่ในชนบทก็ไม่เป็ไร ตอนยุคสมัยของปู่โจว ตระกูลโจวก็มาจากบ้านนอกคอกนาไม่ต่างกัน
เพียงแต่ความสัมพันธ์ทางไกลแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก ย่าโจวค่อนข้างกังวล “อาชีพของโจวเฉิงเฉพาะกิจมาก ต่อไปหนูช่วยเข้าใจเขา โอนอ่อนผ่อนตามเขาหน่อยนะ แล้วเคยคิดจะมาทำงานในปักกิ่งหรือเปล่า? อยู่ใกล้โจวเฉิงมากกว่า ให้ย่าเจอหนูได้บ่อยๆ ด้วย”
ย่าโจวกำลังเคารพต่อศักดิ์ศรีของเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอพูดจาอย่างสุภาพนุ่มนวล เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกซาบซึ้งใจ ย่าของโจวเฉิงอัธยาศัยดีเหลือเกิน
โจวอวี๋เกิดอิจฉาขึ้นมาในใจ “ย่าลำเอียงจริงๆ ทำไมไม่เคยเห็นย่าใส่ใจงานของฉันบ้าง? เสี่ยวหลานเพิ่งอายุเท่าไรเอง ย่าก็ไม่ปล่อยให้เธออยู่สบายๆ สักปีสองปีเลยหรือ”
เซี่ยเสี่ยวหลานจะหางานประเภทใด โจวอวี๋เห็นว่าั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าของอีกฝ่ายไม่มีของราคาถูกแม้แต่ชิ้นเดียว ชุดกระโปรงสีแดงคือสินค้าหรูหราที่มีขายเฉพาะในห้างสรรพสินค้าอย่างแน่นอน รองเท้าหนังเปิดส้นที่สวมอยู่ก็เป็หนังคุณภาพสูง รวมถึงสะพายกระเป๋าใบน้อยก็เช่นเดียวกัน แค่เครื่องแต่งกายทั้งตัวชุดนี้ จะซื้อไม่ได้หากไม่มีเงินอย่างต่ำสองสามร้อยหยวน ครั้งก่อนโจวเฉิงพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปรับประทานอาหารญี่ปุ่นเสียด้วย พอคบกับโจวเฉิง คุณภาพชีวิตของหญิงสาวจากชนบทก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วสินะ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าฉีกหน้าอีกฝ่ายเลยจริงๆ แต่โจวอวี๋พูดพล่ามไม่หยุดหย่อน เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกรำคาญยิ่งนัก
“อันที่จริงฉัน—”
“ย่าครับ อันที่จริงเดือนกันยานี้เสี่ยวหลานจะเข้ามาเรียนในปักกิ่ง เดิมทีเธอจะไปเรียนมหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้ด้วยซ้ำ ถึงกับเปลี่ยนเป็ปักกิ่งเพื่อผม เท่านี้เธอโอนอ่อนยอมผมมากแล้วล่ะ!”