“เ้าออกไปเถิด…” เสียงของตู้ซิวจู๋ไม่ได้มีความยินดียินร้าย เขายกมือนวดหว่างคิ้ว “รีบไปทำแผล”
แต่หานซิงรู้ว่าเขากำลังอดกลั้น
ทว่าเื่ของหน่วยเหยี่ยวดำจะผิดพลาดไม่ได้จริงๆ
ปกติแล้วเขาสามารถเป็พี่น้องและสหายที่ดีของอีกฝ่าย แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ…เขาก็ควรเตือนอีกฝ่ายตามหน้าที่ เตือนให้อีกฝ่ายจดจำหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยเหยี่ยวดำของตัวเอง
“อืม…” หานซิงมองเขา แววตาเปี่ยมด้วยความกังวล
เขากลับถึงที่พัก ท่านหมอรออยู่ก่อนแล้ว สาวใช้เตรียมน้ำร้อนให้แล้วเช่นกัน
เขาอาบน้ำให้สะอาด เดินตัวเปลือยออกจากห้องอาบน้ำ
กระดูกไหล่ ต้นขา แผ่นหลัง หน้าอก แขน มีแผลใหญ่ร้ายแรงทั้งหมดห้าที่ ที่เหลือเป็แผลเล็กๆ อีกนับไม่ถ้วน
ท่านหมอเหมือนจะเห็นจนชินแล้ว สีหน้าแน่นิ่ง ช่วยเขาทำแผลอย่างไม่สะทกสะท้าน
เขาแค่เดินจากห้องน้ำ บนพื้นก็เต็มไปด้วยรอยเื
เมื่อท่านหมอทำแผลให้เสร็จ สาวใช้ช่วยเขาเช็ดคราบเืบนร่างให้สะอาด ปรนนิบัติเขาใส่เสื้อผ้า
เสร็จแล้วจึงเรียกคนมาไถ่ถาม
“คุณชายเป็อย่างไรบ้าง?”
“คุณชายไปชานเมืองแล้วขอรับ…”
ชานเมืองมีฐานบัญชาการลับของพวกเขา เป็ที่สำหรับฝึกกำลังพล
ไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีกี่คนต้องาเ็
หานซิงถอนหายใจ ลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก ขนาดาเ็หนักก็ยังพักไม่ได้…นี่มันชะตาชีวิตกระไรกัน
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไปดูเสียหน่อย เผื่อว่าตู้ซิวจู๋จะทำเกินเลย
เพียงแต่…
สตรีนางนั้นถึงกับทำให้ตู้ซิวจู๋ยั้งสติไม่อยู่ได้เช่นนี้ สีหน้าหานซิงจมลง
เขาต้องคอยจับตาดูให้ดี หากตู้ซิวจู๋ยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อยๆ …
เขาจะไม่ปล่อยให้คนที่ส่งผลกระทบต่อตู้ซิวจู๋อยู่บนโลก
ภายในบ้านพักที่อยู่ห่างจากโถงดีงามไม่ไกล หลินซย่าจื้อกินหมั่นโถวไปสองลูก นางเพิ่งล้มตัวนอนบนเตียง เงาคนร่างหนึ่งกะพริบผ่านอย่างฉับพลัน นางถูกคนผู้นี้ปิดปาก สูญเสียความรู้สึกภายในเสี้ยวพริบตา
เมื่อได้สติอีกครั้ง นางพบว่าตัวถูกมัดบนเก้าอี้ ดวงตาถูกผ้าปิด ข้อมือมีอาการเจ็บรุนแรงมาก ได้ยินเสียงน้ำหยดและกลิ่นคาวเืรุนแรง
“ฮือฮือฮือ…” หลินซย่าจื้อดิ้นรนอย่างหวาดกลัว นาง…นางอยู่ที่ใด?
มือนางต้องถูกตัดเป็แน่
เจ็บมาก
ทั้งยังมีเืไหล
นางต้องตายแน่ๆ
“ข้าจะนำผ้าในปากเ้าออกให้ แต่เ้าไม่ต้องร้องให้ผู้ใดช่วย บ้านหลังนี้อยู่ในถิ่นทุรกันดาร รอบด้านไม่มีเพื่อนบ้าน นอกจากเ้ากับข้าแล้ว ที่นี่ไม่มีผู้อื่นอีก ข้ากรีดแผลบนข้อมือเ้า ไม่เล็กไม่ใหญ่ โลหิตไหลไม่หยุด แต่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นทำให้เ้าตายในทันที ต่อจากนี้…ข้าจะถามคำถามเ้า หากไม่โกหก ไม่ปิดบัง เช่นนั้น…ข้าจะปล่อยเ้าไป แต่หากคำตอบที่ข้าได้ยินมาจากที่อื่นไม่ตรงกับเ้า… หลินซย่าจื้อ…เชิญเ้าดื่มด่ำกับความรู้สึกที่เืไหลหมดแรงและค่อยๆ ตายไปเถิด…”
“ฮือฮือฮือ…” ผ้าปิดตาหลินซย่าจื้อเปียกชุ่ม นางกำลังร้องไห้
ขณะเดียวกัน กระโปรงก็เปียกไปด้วย
ปัสสาวะราด
“ถ้าเข้าใจแล้วก็พยักหน้า ถ้ายินดีตอบคำถามก็พยักหน้าเช่นกัน แต่แน่นอนว่าข้าเคารพการตัดสินใจของเ้า หากไม่ยินดี ข้าก็ไม่บังคับ…”
“อื้อๆ…” หลินซย่าจื้อพยักหน้าสุดแรง
นางกล้าไม่ตอบตกลงที่ใดเล่า
นางไม่อยากตาย
หลินหวั่นชิวเห็นดังนั้นก็ช่วยคลายผ้าที่มัดปากออกให้ จากนั้นดึงวัตถุที่ยัดในปากออกมา
จังหวะที่นางกำลังจะเริ่มถาม เจียงหงหย่วนกลับส่งสัญญาณมือให้
เขาผงกหัวไปทางประตู ส่งสัญญาณว่ากำลังมีคนมา จากนั้นส่งสัญญาณมือบอกให้นางไปซ่อนตัว
หลินหวั่นชิวรีบวิ่งไปย้ายกองฟืนที่มุมกำแพง เผยให้เห็นช่องว่างด้านหลัง หลินหวั่นชิวรีบแทรกตัวเข้าไปและดึงมัดฟืนกลับมาปิดเหมือนเดิม
เจียงหงหย่วนรอจนหลินหวั่นชิวซ่อนตัวดีแล้วจึงออกไป
นอกบ้านไม่มีผู้ใดสักคน
แต่เขาปลดหน้าไม้ลงจากข้างเอว ยิงต่อต่อกันไปทางต้นไม้สองสามต้นรอบด้าน
ทันใดนั้น มีคนชุดดำสามคนร่วงตกจากต้นไม้
บนร่างพวกเขามีลูกธนูปัก ต้นไม้อีกสองต้นมีคนชุดดำร่วงลงมาสองคนเช่นกัน สองคนนี้ไม่ได้าเ็ ทั้งคู่พุ่งตัวใส่เจียงหงหย่วนทันที
เจียงหงหย่วนนำหน้าไม้กลับไปสะพายข้างเอวเหมือนเดิม ชักดาบออกมาสู้กับคนชุดดำ สามคนที่าเ็รีบถอยหนีไป
คนชุดดำที่สู้กับเจียงหงหย่วนไม่มีท่าทีจะสู้ติดพัน รอให้คนที่าเ็หนีไปได้เสร็จก็โยนวัตถุทรงกลมลูกหนึ่งออกมา วัตถุลูกนี้ะเิออก ควันหนาปกคลุม
เจียงหงหย่วนรีบหลบ เมื่อหมอกควันจางลง คนชุดดำสองคนที่เหลือก็หายไปแล้ว
เขาไม่กล้าไล่ตามไป ตรวจสอบรอบด้านอย่างละเอียด หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดจึงกลับเข้าไปในบ้าน
เจียงหงหย่วนยกกองฟืนออก เคาะบนประตูบานไม้ ผ่านไปสักพัก ประตูเปิดออก หลินหวั่นชิวชะโงกหน้าออกมา
ตอนนี้หลินซย่าจื้อกำลังตื่นใมาก
นางกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้สั่นเทิ้มรุนแรง
ฮือฮือ…อย่าเล่นเช่นนี้สิ ไหนว่าจะถามคำถามอย่างไรเล่า ไม่อนุญาตให้ร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่เห็นจะถามเสียที!
ข้าเสียเืได้อีกแค่ไม่นานนะ!
ฮือฮือ…เืจะไหลหมดร่างอยู่แล้ว
หลินหวั่นชิวมองเจียงหงหย่วน เห็นเขาพยักหน้าให้ก็กระแอมลำคอถาม
นางจงใจพูดเสียงทุ้มให้ฟังดูเหมือนเด็กหนุ่ม
เมื่อก่อนนางเคยฝึกทักษะเปลี่ยนเสียงเพราะอยากรู้อยากเห็น ไม่เก่งถึงขั้นเชี่ยวชาญ แต่สำหรับหลินซย่าจื้อที่กำลังลนลานก็เกินพอแล้ว
“เที่ยงนี้เ้ากินสิ่งใดมา?”
“หา…” หลินซย่าจื้อที่กำลังหวาดกลัวถึงขีดสุดคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถามเื่นี้
นี่มันจงใจถ่วงเวลาชัดๆ จะให้นางเสียเืตาย
แต่นางไม่กล้าเร่งรัด
“กิน…กินหมั่นโถว กินไปสองลูก ดื่มน้ำเปล่าหนึ่งถ้วย”
“หลินจินเป่าเป็ลูกของผู้ใด?”
“หา…” ประโยคแรกถามว่ากินสิ่งใด แต่ประโยคถัดมากลับถามว่าจินเป่าเป็ลูกของผู้ใด หลินซย่าจื้อสับสนจนตอบสนองไม่ทัน
“เป็…เป็ลูกของข้า” หลินซย่าจื้อกลืนน้ำลาย
“ผู้ใดคือพ่อแท้ๆ ของเขา?”
“ก็ต้องสามีข้าอยู่แล้ว…โจวเอ้อร์เหนิง” หลินซย่าจื้อตอบ จินเป่าเป็ความลับที่ใหญ่ที่สุดของนาง…
“ดูท่าเ้าไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตาสินะ!”
หลินหวั่นชิวพูดจบก็ยัดผ้าเช็ดหน้าใส่ปากหลินซย่าจื้อ จากนั้นหยิบกริชไม้ที่แช่ในน้ำเย็นออกมากดใส่ข้อมืออีกข้าง
“อ้าก…”
“ข้าพูด…ข้าพูดแล้ว…พ่อแท้ๆ ของจินเป่าคือสวีเทา…คือสวีเทา…”
เป็สวีเทาจริงๆ ด้วย
ดูเหมือนพวกนางจะเดาถูก
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
หลินหวั่นชิวใช้คำถามข้อนี้มาตรวจให้แน่ใจว่าหลินซย่าจื้อจะไม่กล้าโกหกอีกเสร็จก็ถามว่า “หยกแขวนของหลินหวั่นชิวอยู่ที่ผู้ใด?”
หลินซย่าจื้อนิ่งอึ้งไป
จบสิ้นแล้ว…ครอบครัวนั้นมาตามหานางแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้