เสื้อขนจิ้งจอกขาวหายไป!
คิดเป็เงินเท่าไรกัน?
ถึงพวกนางจะไม่เคยเห็นโลกกว้าง แต่เมื่อก่อนเคยไปเที่ยวในอำเภอ่ปีใหม่ ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นบรรดาไท่ไท่ตระกูลร่ำรวยหรือตระกูลขุนนางใส่เสื้อขนสัตว์
ทว่ากระนั้นกลับไม่เคยเห็นผู้ใดใส่เสื้อขนจิ้งจอกขาว
นี่ความหมายว่าอย่างไร?
หมายความว่าสิ่งนี้หายาก
พวกหลิวซื่อใจนหน้าซีด
ป้าสองจ้าวมือสั่นเช่นกัน “เป็…เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร? พวกเราลองหาดูอีกรอบดีหรือไม่?”
หลินหวั่นชิวส่ายหน้า “วางไว้ด้วยกันหมด ตอนนี้พวกเราเก็บของเข้าที่หมดแล้วแต่ยังไม่เห็นก็คือหายไปแล้ว”
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี?” หลิวซื่อร้อนใจ พวกนางช่วยจัดของ ทว่าขนจิ้งจอกอันล้ำค่ากลับหายไป
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ไปบ้านเหล่าหลินน่าจะหาเจอ” หลินหวั่นชิวคิด ตอนนั้นด้านนอกวุ่นวาย หลินซย่าจื้อโดนทำร้าย แต่หลินฉินกับหลินฮั่วกลับไม่ออกมา
“ไอ๊หยา…” หวงซื่อตบเข่าฉาด “ตอนนั้นด้านนอกโกลาหล หลินฉินกับหลินฮั่ววิ่งออกไป ข้ากับท่านแม่วิ่งตามออกไปเช่นกัน จากนั้นเหตุการณ์วุ่นวายจนไม่ทันสังเกตพวกนาง ตามหลักแล้ว หากแม่ตัวเองโดนตบตี คนที่เป็ลูกสาวควรต้องเข้าไปช่วย แต่พวกข้าไม่เห็นแม้แต่เงาพวกนาง ไม่แน่ว่าอาจถูกพวกนางเอาไป”
“ไป พวกข้าจะไปกับเ้า!” ป้าสองจ้าวถกแขนเสื้อ
หลินหวั่นชิวส่ายหน้า “ป้าสองวิ่งเร็ว ช่วยไปดูหน้าหมู่บ้านให้ทีเถิดว่าพวกนางสองพี่น้องได้ออกไปจากหมู่บ้านหรือไม่”
“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ป้าสองจ้าวสับขาวิ่งราวกับกงจักรไฟทันที
“ท่านป้า กุ้ยเซียง พี่สะใภ้ พวกท่านช่วยไปสอบถามให้ทีว่ามีผู้ใดเจอหลินฉินหลินฮั่วหรือไม่ ตอนเจอมีสิ่งใดในมือพวกนางหรือไม่? จากนั้นไปดูที่บ้านเหล่าหลินว่าสองพี่น้องอยู่ที่บ้านหรือไม่”
“ได้ พวกข้าจะไปถามเดี๋ยวนี้” พวกหลิวซื่อแยกออกไปเช่นกัน เื่นี้ต้องจัดการให้ดี พวกนางรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้คอยเฝ้าคนให้หลินหวั่นชิว
ไม่นานก็มีข่าวคราว
ป้าสองจ้าวไม่เจอผู้ใดที่หน้าหมู่บ้าน แต่มีคนบอกว่าเห็นหลินฉินขึ้นเกวียนวัวไปก่อนหน้านี้
พวกหวางกุ้ยเซียงบอกว่าบ้านเหล่าหลินมีแค่หลินฮั่วอยู่ ไม่เจอหลินฉิน มีคนเห็นหลินฉินถือห่อผ้า
สอดคล้องกับการคาดเดาของหลินหวั่นชิว
ตอนนี้เจียงหงหย่วนไม่อยู่ เหมือนว่าจะไปหาจ้าวสุ่ยเซิง
หลินหวั่นชิวไม่อยากรบกวนธุระของเขา ขอให้หวางฟู่กุ้ยช่วยขี่รถล่อบ้านพวกนางไล่ตามหลินฉินไป
พวกป้าสองจ้าวอยากตามไปด้วย แต่หลินหวั่นชิวไม่ตอบตกลง
ล่อวิ่งเร็วกว่าวัว ถ้ารีบไปตอนนี้อาจไล่ทัน
และหลินหวั่นชิวก็ไล่ทันจริงๆ
เกวียนวัวเพิ่งถึงทางเข้าตำบล รถล่อก็ไล่ทันแล้ว
วันนี้เป็วันตลาดนัดพอดี หน้าตำบลมีคนเยอะ
“หลินฉิน!” หลินหวั่นชิวลงจากรถล่อแล้ววิ่งไปทางเกวียนวัวทันที นางะโเสียงดัง หลินฉินใวิ่งหนี
หลินหวั่นชิวจึงก้มลงหยิบหินก้อนหนึ่งมาปาใส่หลัง หลินฉินร้องเจ็บแล้วล้มลงกับพื้น
หลินหวั่นชิวเข้าไปดึงนางขึ้นมา
“ทำร้ายกันแล้ว! ปล้นจี้กันแล้ว!” หลินฉินะโด้วยเสียงร่ำไห้ มีเื่สนุกให้ดู ฝูงชนรอบๆ มุงเข้ามาทันที
“มีกระไรกัน ไอ๊หยา นี่มันฉินเอ๋อร์กับน้องเล็กนี่นา เหตุใดทะเลาะกันได้?”
หลินกุ้ยฮวาแทรกตัวออกมาจากฝูงชน เอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นใ เดิมทีนางออกมาซื้อของ คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนจากบ้านแม่ตีกันเช่นนี้
“น้ารอง น้าเล็กปาก้อนหินใส่ข้า ทั้งยังจะแย่งของของข้าด้วย” หลินฉินรีบฟ้อง เปิดหลังให้หลินกุ้ยฮวาดู
ที่หลังมีรอยเปื้อนจริง
“มีกระไรก็คุยกันดีๆ คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น” มีคนพูดเกลี้ยกล่อม ผู้พูดมาจากหมู่บ้านเค่าซานเช่นกัน นั่งเกวียนคันเดียวกับหลินฉิน
“ใช่ ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น มีกระไรก็ค่อยๆ คุย” ชาวหมู่บ้านเค่าซานอีกคนเกลี้ยกล่อม
พวกเขารู้สึกว่าหลินหวั่นชิวทำเกินไปเช่นกัน มาถึงก็ลงมือ
หลินหวั่นชิวยิ้มเยาะ “พวกท่านก็เห็นว่าข้าแค่เรียกนาง นางกลับวิ่งหนี ดังนั้นข้าจึงต้องหยุดนางด้วยวิธีนี้”
หลินฉินเป็วัวสันหลังหวะ[1] หลินหวั่นชิวยังไม่ทันพูดกระไรก็ร้องว่าหลินหวั่นชิวจะแย่งของเสียแล้ว
ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง[2]
“ท่านจะแย่งของของข้า ไม่ให้ข้าหนี จะให้ข้าหยุดรอท่านมาแย่งหรือ?” หลินฉินพูดอย่างโกรธจัด
“ไอ๊หยา เป็น้าเล็กประสากระไร คิดจะแย่งของของผู้น้อยเช่นนี้”
“นั่นน่ะสิ ลงมือก็หนักจนล้มคว่ำ”
“แม่นางน้อยไม่ต้องกลัว พวกข้าจะช่วยเ้าเอง นางไม่กล้าทำกระไรเ้าต่อหน้าธารกำนัลเป็แน่”
หลินกุ้ยฮวาหันไปถามหลินฉิน “น้าเล็กจะเอาสิ่งใดของเ้า?”
หลินฉินกอดห่อผ้าในอ้อมอกแน่นทันที
หลินกุ้ยฮวางอปากเล็กน้อย นางพิจารณาหลินหวั่นชิว ไม่เจอน้องเล็กมานาน อย่างกับเปลี่ยนเป็คนละคนอย่างไรอย่างนั้น ก่อนหน้านี้เคยแต่ได้ยินมา วันนี้ได้มาเห็นกับตา…ไอ๊หยา ไม่ใช่แค่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แม้แต่ท่าทีก็ดุดันเต็มเปี่ยม
“น้องเล็ก เ้าเองก็โตแล้ว เหตุใดยังมาแย่งของผู้น้อยอีก เอาเช่นนี้ ข้าเองก็พอจะมองเห็นแล้ว เป็คนตัดสินให้เอง เ้าจ่ายเงินปลอบขวัญให้ฉินเอ๋อร์ เื่นี้จะถือว่าเป็อันจบ” หลินกุ้ยฮวารู้ว่านายพรานเจียงที่เมื่อก่อนแม้แต่ข้าวยังไม่มีกินมีเงินขึ้นมาอย่างฉับพลันและสร้างบ้านโอ่อ่าหลังใหญ่
คนเราเวลามีเงินก็มีความกล้า
“ค่าปลอบขวัญ? เอ้อร์เจี่ยรู้สึกว่าเท่าไรจึงจะเหมาะสม?” หลินหวั่นชิวมองหลินกุ้ยฮวายิ้มๆ
หลินกุ้ยฮวาคิดในใจว่าตอนนี้หลินหวั่นชิวมีเงินแล้ว ต้องเรียกให้มากหน่อย
ที่บอกว่าจ่ายให้หลินฉินเป็แค่ข้ออ้างทั้งนั้น นางจะยึดเข้ากระเป๋าตัวเอง
“ยี่สิบตำลึงแล้วกัน!” นางพูด “เงินแค่นี้เ้าคงมี”
คนรอบๆ พากันสูดหายใจดังเฮือกเมื่อได้ยินว่ายี่สิบตำลึง ช่างกล้าเรียกจริงๆ!
เปิดปากพูดก็ยี่สิบตำลึง ดูท่าสองพี่น้องคงความสัมพันธ์ไม่ดีนัก
“ยี่สิบตำลึง…” หลินหวั่นชิวลากเสียงยาว “ข้าไม่ได้พกเงินติดตัวมาจะทำอย่างไรดีเล่าเอ้อร์เจี่ย?”
“ไม่เป็ไร ข้าช่วยจ่ายให้ก่อน พวกเราเป็พี่น้องกัน ไม่ต้องทำสัญญาเป็ลายลักษณ์อักษร ทุกท่านช่วยเป็พยาน เดี๋ยวข้าตามเ้ากลับไปเอาเงินที่บ้านก็จบ” หลินกุ้ยฮวาพูด บังเอิญเลย นางมีเงินติดตัวอยู่ยี่สิบตำลึงพอดี สามีนางให้มาั้แ่เช้า ฝากให้เอาเงินนี้ไปให้แม่ของเขา
“เช่นนั้นเอ้อร์เจี่ยนำเงินออกมาเถิด” หลินหวั่นชิวยื่นมือไปหานาง
“ไว้เดี๋ยวข้าเอาไปให้ฉินเอ๋อร์ที่บ้านก็ได้” นางไม่อยากเอาเงินออกมา แค่อยากตามหลินหวั่นชิวไปเอาเงินที่บ้านเจียง
หลินหวั่นชิวหัวเราะเยาะ “เอ้อร์เจี่ยไม่เอาเงินออกมาจะเรียกว่ายืมได้อย่างไร? หรือแค่ล้อข้าเล่น?”
หลินฉินเงียบอย่างเดียว แต่นางอยากได้เงินยี่สิบตำลึงเช่นกัน
หลินกุ้ยฮวาคิดไปคิดมาแล้วนำเงินสองก้อนออกมาให้หลินหวั่นชิวอย่างอาลัยอาวรณ์ “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่รู้จะต้องส่งผ่านมือไปมาเพราะเหตุใด เป็คนอย่างไรของเ้า เอาเถิด ผ่านมือเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเ้าจ่ายให้ฉินเอ๋อร์แล้ว ทีนี้ก็คืนให้ข้า ไว้ข้าจะส่งไปที่บ้านเอง”
แต่หลินหวั่นชิวกลับนำเงินใส่เข้ากระเป๋า
หลินกุ้ยฮวาหน้าเปลี่ยนสีทันที “หลินหวั่นชิว เ้าทำกระไร?”
หลินหวั่นชิวยิ้ม “เก็บค่าปลอบขวัญไงเล่า หลินฉินขโมยเสื้อขนจิ้งจอกของข้า ข้าตามมาเอาคืนแต่ถูกนางหาเื่ ย่อมต้องรับเงินปลอบขวัญอยู่แล้ว เอ้อร์เจี่ยเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก ไว้ข้าจะกลับไปอธิบายกับต้าเจี่ยเอง”
มีคนโง่เอาเงินมาให้ถึงที่ ไม่รับคงเสียเปล่า!
เชิงอรรถ
[1] วัวสันหลังหวะ(做贼心虚) คนที่มีความผิดติดตัวทำให้ต้องคอยหวาดระแวง
[2] ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง(此地无银三百两) เป็คำเปรียบเปรยหมายถึง “อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็เปิดเผยให้โลกรู้”