ภายในห้องพิเศษเฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ “อืม น่าสนใจ! นี่ท่านาุโหานคิดจะควบคุมสถานการณ์การเดินหมาก! ได้ ข้าส่งเสริมเ้า!”
หมากขาวเดินในตำแหน่งไม่สลักสำคัญ แสดงท่าทีอ่อนกำลังอยู่บ้าง
ภายในห้องพิเศษตรงข้าม หานหลินเยว่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดอีกครั้ง “พวกเราสร้างหลุมพราง นางไม่สนใจ พวกเราท้าทาย นางไม่ใส่ใจ นางกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ไม่ต้องสนใจว่านางจะทำอะไร พวกเรามิใช่ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์หรือ โจมตีต่อไป ไม่ต้องหยุด!” หานไท่ฟู่พูดเสียงกร้าว
ครั้งนี้ ลู่ซงเทาเห็นด้วยกับคำพูดของหานไท่ฟู่ เขาพยักหน้า “ในเมื่อตัดสินใจเลือกกลยุทธ์แล้ว จะลังเลใจง่ายๆ ไม่ได้ โจมตีต่อไป ดูว่านางจะรับมืออย่างไร!”
หานหลินเยว่พยักหน้า หมากดำบุกโจมตีต่อไป!
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ
หมากขาวหลบ!
หมากดำอุด!
หมากขาวขนาบ!
หมากดำพุ่งชน!
หมากขาวะโข้าม!
...
หลังจากการเดินหมากหลายสิบก้าวผ่านพ้นไป หมากดำได้ก่อรูปร่างเป็ัดำตัวหนึ่งบริเวณมุมขวาล่างของกระดาน มันอ้าปากกว้างรอเพียงเวลาจะเขมือบหมากขาวทั้งหมด ส่วนผู้คนที่เฝ้าชมการเดินหมากกระดานนี้เปรียบเทียบการโจมตีอย่างดุดันของหมากดำ และการเดินหมากอย่างเกียจคร้านของหมากขาว
ด้านล่างเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“มุมขวาล่างของหมากขาวทางตันแล้ว เดินต่อไม่ได้!”
“การโจมตีของหมากดำดุดันเกินไป หมากขาวแทบจะไม่มีทางตอบโต้!”
“แม้การโจมตีของหมากดำจะรุนแรง ทว่ากลับไม่วู่วาม! พวกเ้าเห็นหรือไม่ ทุกครั้งที่หมากขาวเพิ่งจะก่อตัวเป็มุม หมากดำก็จะอุดทางทันที นี่เป็การป้องกันไม่ให้หมากขาวสร้างค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม!”
“ทั้งรุกและรับ เป็วิธีการเดินหมากที่ล้ำเลิศ! ครั้งนี้ท่านาุโหานใช้ความพยายามจริงๆ!”
“มาจนถึงตอนนี้หมากขาวยังไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่เป็ผลดี!”
มู่ชิงหว่านดูถึงตรงนี้ก็หัวเราะถากถางขึ้นมา “ยังคิดว่าฝีมือการเดินหมากของเฟิงเฉี่ยนจะสูงส่งสักแค่ไหน ที่แท้ก็เท่านี้เอง!”
สาวใช้ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “คุณหนู เมื่อสักครู่คุณหนูมิใช่กล่าวว่าเป็คุณชายรองที่ช่วยนางเดินหมากหรือเ้าคะ”
มู่ชิงหว่านเหลือกตาขาว “ฝีมือการเดินหมากของพี่รองแย่ถึงเพียงนั้นหรือ เดินหมากได้แย่ขนาดนั้น จะต้องเป็เฟิ่งเฉี่ยนเดินเอง!”
สาวใช้ร้องอ้อ แล้วดูการเดินหมากต่อ
ภายในห้องทรงพระอักษร องค์ไท่จื่อน้อยกำมือเป็หมัดเล็กๆ เขาร้อนใจ “เสด็จแม่สู้ๆ นะ!”
เซวียนหยวนเช่อดื่มชาคำหนึ่งแล้วพูดเนิบๆ “เสด็จแม่ของเ้าฉลาดเฉลียว แต่ไรมาไม่เคยเสียเปรียบง่ายๆ!”
นิ้วมือเล็กๆ ชี้ไปที่หมากขาวบริเวณมุมล่างขวา องค์ไท่จื่อน้อยพูดอย่างเป็ห่วงว่า “แต่หมากขาวทั้งหมดนี้กำลังจะถูกกินเรียบแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อเม้มริมฝีปาก “เ้าลองหยิบหมากขาวทั้งหมดนั้นออกมา แล้วดูว่าสถานการณ์จะเป็อย่างไร”
องค์ไท่จื่อน้อยสงสัย เขายื่นมือเล็กๆ ออกไปหยิบหมากขาวบริเวณมุมขวาล่างออกมาทีละตัว จากนั้นพินิจพิจารณา ริมฝีปากเล็กๆ ที่เม้มแน่นนั้นค่อยๆ อ้ากว้างขึ้นเรื่อยๆ เขาดีใจจนตบมือเล็กๆ ของตนและร้องออกมา “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว!”
เซวียนหยวนเช่อวางถ้วยน้ำชาในมือลง มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ภายในห้องพิเศษ เสวียน ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของหานไท่ฟู่ที่ะเิออกมา “ดี ดี ตอนนี้สถานการณ์บนกระดานหมากตกอยู่ในการควบคุมของพวกเราแล้ว หมากขาวได้ปล่อยให้ผู้อื่นกำจัด มีความสุขเหลือเกิน!”
ชายชราหัวเราะด้วยความลำพองใจอย่างที่สุด ดูเหมือนเขาชนะหมากกระดานนี้แล้ว
หานหลินเยว่เม้มริมฝีปากยิ้มเขินอาย “ท่านปู่ นี่เป็เพียงมุมหนึ่งเท่านั้นเ้าค่ะ!”
คิ้วของหานไท่ฟู่เลิกเฉียงขึ้น “ชนะมุมหนึ่งก็คือชนะ! ขอเพียงกดดันนางเด็กคนนั้นได้ ข้าถือว่าได้คลายโทสะแล้ว!”
ลู่ซงเทาที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างพลันถอนใจในตอนนี้ หานไท่ฟู่พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เ้าหนุ่มมีอะไรจะพูดก็พูดมา ถอนใจอันใดกัน”
ลู่ซงเทาพูดอย่างหนักใจ “ท่านาุโหาน ท่านอย่าได้ดีใจเร็วเกินไปนัก! หมากขาวบริเวณขวาล่าง พวกเราจะกินก็ได้ แต่หลังจากกินแล้วมิใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้”
หานไท่ฟู่รับรู้ถึงความผิดปกติได้ทันที เขาเก็บงำรอยยิ้มแล้วพิจารณาหมากตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
ลู่วงเทาชี้ไปที่กระดานหมาก “ท่านดูสิ แม้ตอนนี้พวกเราจะเป็ฝ่ายได้เปรียบทางด้านมุมขวาล่าง แต่บริเวณตรงกลางทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้เปรียบ สมมติว่าพวกเรากินหมากขาวบริเวณนี้ ท่านลงดูสถานการณ์ตรงกลางนั่น...”
หานไท่ฟู่มองไปตามนิ้วมือที่เขาชี้ไป สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “นี่...”
หานหลินเยว่สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน นางยิ้มขื่น “ทันทีที่พวกเรากินหมากขาวบริเวณนี้ หมากขาวที่อยู่ตรงกลางก็จะมีฟื้นคืนชีพทันที ขอเพียงหมากขาวเดินลงมาตรงนี้ ที่นี่ และยังมีที่นี่ ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมก็จะก่อตัวขึ้นสำเร็จทันที!”
หานไท่ฟู่สูดลมหายใจเย็นวาบเข้าปอด “ข้ารู้อยู่แล้วว่านางเด็กคนนี้ชั่วร้าย เป็ไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้พวกเราได้เปรียบ ที่แท้มารออยู่ที่นี่เอง รอให้พวกเราไม่ทันระวัง ก็จะถูกนางหลอกล่อ! เหี้ยมโหด เ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”
ลู่ซงเทาพูดต่ออีกว่า “ขอเพียงพวกเราไม่เคลื่อนไหว หมากขาวย่อมไม่อาจได้เปรียบอันใด! ตอนนี้ที่พวกเราทั้งสองฝ่ายแข่งขันกันอยู่ก็คือใครหนักแน่นมั่นคงกว่ากัน ขอเพียงพวกเรายืนหยัด ย่อมมีโอกาส!”
หานหลินเยว่พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นนางหยิบหมากดำขึ้นมาตัวหนึ่งวางลงบนตำแหน่งที่ไม่สลักสำคัญอันใด
เมื่อหมากดำตัวนี้ถูกวางลงไป ผู้ชมที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่างต่างพากันโวยวาย
“เหตุใดจึงเดินตำแหน่งนี้”
“กินหมากขาวสิ! ยังรออะไรอยู่อีก”
“ท่านาุโหานสายตาเลอะเลือนแล้วใช่หรือไม่ วางหมากผิดตำแหน่ง”
มีคนที่อ่านหมากกระดานนี้อย่างกระจ่างแจ้งเช่นกัน
“หากกินหมากขาวบริเวณมุมขวาล่าง หมากขาวที่อยู่ตรงกลางกระดานก็จะฟื้นคืนชีพทันที หมากดำกลับตกอยู่ในอันตราย”
“สละหมากขาวมุมหนึ่ง แลกมาซึ่งพื้นที่ตรงกลางสู่ชัยชนะ แม่นางเฟิงไม่ง่ายดายจริงๆ!”
“ที่ประลองกันมิใช่เพียงความกล้าหาญ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความแม่นยำในการวางกลยุทธ์!”
“ร้ายกาจมาก!”
มู่ชิงหว่านได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบด้าน อย่างน้อยๆ ก็สามารถอ่านสถานการณ์หมากง่ายๆ ได้จึงขมวดคิ้ว “นางร้ายกาจถึงเพียงนั้นหรือ คงจะเดินหมากส่งเดชมากกว่า”
สาวใช้กล่าวเสริม “หรือครั้งนี้อาจเปลี่ยนเป็คุณชายรองที่เป็ผู้เดินหมากใช่หรือไม่เ้าคะ”
มู่ชิงหว่านถลึงตาใส่นาง มุมปากกระตุก เ้าเจตนาเห็นต่างกับข้าใช่หรือไม่
ข้ออ้างเช่นนี้นำออกมาใช้ครั้งเดียวยังพอไหว การนำมาออกมาพูดเป็ครั้งนี้สองเป็การโกหกตัวเองเกินไป! แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเฟิ่งเฉี่ยนเป็ผู้เดินหมากด้วยตนเอง
ภายในห้องพิเศษ หวง เฟิ่งเฉี่ยนถือหมากขาวในมือตัวหนึ่ง นางหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา “น่าสนใจ! ท่านาุโหานยิ่งระมัดระวังมากขึ้นแล้ว วางกับดักล่อเขาหลายครั้งล้วนไม่ติดกับ ดูท่าแล้วต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะอยู่เื้ั!”
จากประสบการณ์ที่ได้ประมือกันมาสองกระดานก่อน อย่างน้อยๆ นางก็พอจะจับทางการเดินหมากและลักษณะนิสัยของหานไท่ฟู่ได้บ้างแล้ว โดยส่วนใหญ่ลักษณะการเดินหมากของคนๆ หนึ่งจะถูกกำหนดโดยลักษณะนิสัยของคนๆ นั้น พฤติกรรมและท่าทางของคนๆ หนึ่งหรืออาจจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม แต่นิสัยของคนๆ หนึ่งเป็เื่เปลี่ยนได้ยาก ดังนั้น หากอ่านนิสัยของหานไท่ฟู่ออก จึงเจตนาแสดงความอ่อนแอนำทางแล้วค่อยวางหลุมพรางหน้าหลัง ใครเลยจะรู้ว่าเขาจะไม่ติดกับ!
นี่มันไม่สมเหตุสมผล!
ดังนั้น นางจึงคาดเดาว่าจะต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะเขาอยู่ข้างหลังแน่นอน!
เมื่อตระหนักถึงความจริงในข้อนี้นางจึงเปลี่ยนวิธีการเดินหมากทันที เดิมทีกลยุทธ์การศึกของนางนั้นยึดเอานิสัยและวิธีการเดินหมากของหานไท่ฟู่เป็ตัวตั้ง ทว่าตอนนี้ในเมื่อเื้ัของเขามียอดฝีมือคอยชี้แนะ เช่นนั้นนางจำเป็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
มู่ชิงเซียวเห็นนางถือหมากเอาไว้ในมือและตกอยู่ในความคิดของตนเองจึงไม่กล้ารบกวน เขารินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งแล้ววางลงข้างมือนางเงียบๆ
เฟิ่งเฉี่ยนไม่รีบร้อนเช่นกัน นางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มคำหนึ่งแล้วใคร่ครวญต่อ
อย่าได้เห็นว่าภายนอกนางไม่ตื่นตระหนก ทว่าในใจนางกลับคิดหาแผนการอย่างรวดเร็ว