เซี่ยวอี๋นั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้สุดนุ่ม ในมือถือชาหลงจิ่งจากทะเลสาบตะวันตกซึ่งชงจากกาน้ำชาสมัยก่อนราชวงศ์ิ มูลค่าราว 2,000 หยวน เซี่ยวอี๋คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
ชายข้างกายเธอคืออาชญากรตัวฉกาจที่เพิ่งจะกลับเข้าเมืองมาได้ไม่ถึงครึ่งเดือน เขากลับมาเปิดกิจการบริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่นของพ่อแม่อีกครั้ง ไม่มีป้ายโฆษณา ไม่มีกิจกรรม ไม่มีการส่งเสริมการขายออนไลน์ แต่งานแรกที่ได้รับกลับเป็บอดี้การ์ดให้กับดาราดัง งานที่สองก็กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าอภิมหาเศรษฐีแห่งเมืองหลินไห่
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็ชายผู้ซึ่งสร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างง่ายดาย แต่ในขณะที่เขาอยู่ท่ามกลางปาฏิหาริย์นั้น เขากลับสุขุมเป็อย่างยิ่ง จนดูเหมือนว่าเขาได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว
“ถ้าไม่ใช่ความลับ คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงจำเป็้าความคุ้มครอง?” เสิ่นิชูถ้วยชาขึ้นพร้อมกับถามอย่างสงบนิ่ง
“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ความลับอะไร คนในวงการต่างก็รู้เื่นี้ด้วยกันทั้งหมด ราวๆ ครึ่งเดือนก่อน ฟ้าอร่ามกรุ๊ปได้ซื้อกิจการที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ หลักๆ ก็คือบาร์ริมชายหาดบนถนนสายหนึ่งในเมืองนี้ 90% ของเหล่าเ้าของกิจการอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทที่ชื่อว่า ‘ซินเหลียนเซิ่ง’
“แก๊งอาชญากรที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองเรา...” ในฐานะตำรวจ เซี่ยวอี๋คุ้นหูกับชื่อนี้มาก
สิบปีให้หลังมานี้ อิทธิพลของแก๊งนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หัวหน้าใหญ่อย่างหวาจื่อเฉียงได้รับการขนานนามว่าอำมหิต และเ้าเล่ห์ แต่เดิมก่อนที่จะเป็ถนนสายบาร์ มันเคยเป็ย่านสลัมมาก่อน ท้ายที่สุด ลูกน้องของซินเหลียนเซิ่งก็ได้ใช้มาตรการขั้นรุนแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ในการที่ดิน 90% ในราคาต่ำที่สุด ดึงดูดการลงทุนจากกิจการภายนอกให้เข้ามาเพื่อที่จะพัฒนาให้ถนนสายนี้เป็ถนนสายบาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลินไห่ จากนั้นก็ทำบัญชีปลอม ลักพาตัว ขู่กรรโชก ฆาตกรรม เพื่อบีบให้นักลงทุนภายนอกขายหุ้นให้กับซินเหลียนเซิ่งโดยกดราคาให้ต่ำที่สุด จนสำเร็จ ถนนสายบาร์จึงกลายเป็ท่อน้ำเลี้ยงขนาดมหึมาและมั่นคงให้แก่ซินเหลียนเซิ่ง
กุ๊ยที่มีสตางค์ก็เรียกว่ากุ๊ยไม่ได้แล้ว กระทั่งก่อตั้งเป็บริษัทบันเทิง รับสมัครเรียกเกณฑ์ผู้คน วงการนังเลงเกือบทั้งเมืองเข้าสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่ นักเลงเกินครึ่งกลายมาเป็สาขาของซินเหลียนเซิ่ง
10 ปีที่ผ่านมา ทางตำรวจได้จับตาดูบริษัทของซินเหลียนเซิ่งอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด สายลับหลายนายถูกส่งตัวเข้าไปยังรังของพวกมัน แต่บริษัทของซินเหลียนเซิ่งแตกต่างจากกลุ่มแก๊งอื่นๆ บนแผ่นดินใหญ่ พวกมันใช้วิธีจ่ายงานให้รับผิดชอบตามลำดับขั้น อาชญากรรมแต่ละประเภทไม่สามารถสาวรวบไปถึงหัวได้ การดำเนินงานของตัวบริษัทเองก็ดำเนินไปอย่างสุจริต
สุดท้ายแล้ว ทางตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไร จึงได้แต่จับกุมหวาจื่อเฉียงในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี จนเขาถูกตัดสินจำคุกเป็เวลา 7 ปี
เมื่อประกาศคำพิพากษา หวาจื่อเฉียงควบคุมตนเองไม่ได้ เขาถึงกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เอ่ยดูแคลนในความไร้ประสิทธิภาพของตำรวจ ที่ไม่สามารถดำเนินคดีทางอาญากับเขาได้ จึงหาทางเล่นงานเขาในคดีแพ่งทางธุรกิจแทน
พี่ใหญ่ถูกจับแบบนี้ แน่นอนว่าซินเหลียนเซิ่งย่อมเกิดความแตกแยก ภายในเกิดการห้ำหั่นเพื่อแย่งชิงตำแหน่งพี่ใหญ่ มันไม่อาจทัดทานได้ ถนนสายบาร์ใน่นั้นตกต่ำจนถึงขีดสุด มีข่าวว่านักเลงถูกแทงตายข้างถนนแทบทุกวัน
กระทั่ง ตงชวน หัวหน้าสำนักศิลปะการต่อสู้ที่ก้าวขึ้นมาบริหารจัดการในตำแหน่งพี่ใหญ่ เหตุการณ์จึงได้สงบลง อำนาจของตงชวนทำให้บริษัทซินเหลียนเซิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ฝีมือของเหล่าอันธพาลดีขึ้นเป็ประวัติการณ์ แต่เนื่องจากเขาไม่ได้มีหัวทางธุรกิจ เขาจึงได้แต่ฟังคำแนะนำจากเหล่าบรรดานักการทหาร นักเศรษฐศาสตร์อย่างเก้ๆ กังๆ และจับเอาบริษัทซินเหลียนเซิ่งบรรจุเข้าเป็บริษัทเพื่อความบันเทิง ก่อนจะผลักดันเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกง
แต่ใครจะคาดคิดล่ะว่าฟางซื่อเฉวียนมีความปรารถนาในที่ดืนผืนนั้นมาั้แ่ไหนแต่ไร เขาฉวยโอกาสจากการที่บริษัทซินเหลียนเซิ่งเข้าตลาดหุ้น
กว้านซื้อหุ้นบริษัทซินเหลียนเซิ่งจากฉากหลัง
พวกมันนั่งเฝ้าราคาหุ้นซึ่งพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งทุกวัน โดยที่ไม่ได้ตระหนักถึงวิกฤตที่ซ่อนอยู่ในนั้นเลย พวกมันได้แต่ยิ้มฝันหวานกับการเห็นมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น
กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ฟ้าอร่ามกรุ๊ปก็ถือหุ้นเกินครึ่งหนึ่งของบริษัทซินเหลียนเซิ่งไปแล้ว จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการซื้อขายกิจการ คุณฟางแทบไม่ต้องใช้ความพยายามในการเปลี่ยนถนนสายบาร์ให้กลายมาเป็ถนนของคนแซ่ฟาง
ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นลง เหล่าบรรดาหัวหน้าแก๊งทั้งหลายก็ตีจาก มีเพียงตงกวนเท่านั้นที่ยังเกาะหนึบอยู่ เขาออกคำสั่งกับเหล่านักเลงให้จับตายฟางซื่อเฉวียน คำพูดที่พ่นออกมาจากปากนั้นคือ “แกพรากของรักของข้าไป ข้าจะให้แกได้ลิ้มลองรสชาติแห่งความเ็ปจากการสูญเสียของรักไปดูบ้าง!”
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมรถของคุณถึงได้เว่อร์วังซะขนาดนั้น... คุณเคยถูกจู่โจมเหรอ?” เสิ่นิเอนหลังพิงโซฟาพลางถามขึ้นเบาๆ
“ก็ราวๆ 2 วันครั้ง แต่เพราะมีอีชางซูอยู่ พวกมันก็เลยทำอะไรผมไม่ได้ เดิมทีผมก็ไม่ชอบกิจกรรมทางสังคมอยู่แล้ว ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน พวกมันจึงมีโอกาสไม่มาก
แต่คนที่ผมอยากให้พวกคุณทั้งคู่คุ้มครองนั้นไม่ใช่ผม ลูกสาวของผมต่างหาก ฟางหยวน” และในขณะที่ฟางซื่อเฉวียนอธิบาย อีชางซูก็ผลักแฟ้มเอกสารไปให้เสิ่นิ
พอเปิดดูข้างในก็ปรากฏรูปภาพของนายจ้าง ฟางหยวนอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน กระโปรงสั้น ถุงเท้ายาวสีดำ ยืนอยู่ตรงหน้าซุ้มประตูดอกกุหลาบ แสงแดดตกกระทบลงบนใบหน้าอันงดงามของเธอ ราวกับูเาน้ำแข็งท่ามกลางแสงอาทิตย์
ฟางหยวนอายุเพียง 18 ปี เป็วัยที่กำลังงดงามผุดผ่อง ส่วนสูงของเธอใกล้เคียงกับเซี่ยวอี๋ แต่ผอมบางกว่า ร่างกายของเธอแทบจะไม่มีเนื้อหนังมังสาราวกับตัวละครในการ์ตูน ผมดำสั้นทัดใบหู คางแหลมชัดเหมือนผู้เป็บิดา ดวงตาสุกใสงดงามจนไม่ต้องแต่งเติมสีสันใดๆ
“ผมไม่เข้าใจ มหาเศรษฐีอย่างคุณ คงไม่ได้มีบอดี้การ์ดแค่อีชางซูคนเดียว คุณน่าจะพอมีคนคุ้นเคยอยู่บ้างไม่น้อย ทำไมคุณถึงต้องจ้างผมด้วย?” เสิ่นิเอ่ยถามพลางพลิกเอกสารดู
“เพราะผมกับฟางหยวนมีเื่ขัดแย้งกันเล็กน้อย เธอจึงย้ายออกจากบ้านไปสักระยะหนึ่งแล้ว เธอออกไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกตามลำพัง ผมถึงไม่สามารถส่งบอดี้การ์ดทั่วไปให้ไปคุ้มครองลูกได้ ลูกสาวของผมคนนี้ เธอมีนิสัยดื้อรั้น หากรู้ตัวว่ามีคนคอยตามปกป้องเธออยู่ เธอก็จะหนีไปเลยทันที”
และนั่นรังแต่จะทำให้เธอเป็อันตรายมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นผมจึงได้แต่เชิญคุณทั้งสองคนมาช่วย” ฟางซื่อเฉวียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ระยะเวลาในการคุ้มครองแค่ครึ่งเดือนก็พอ ลูกสาวของผม เธอสมัครวิทยาลัยที่อังกฤษไว้แล้ว หลังจากลงทะเบียนและสอบเข้าใน่ครึ่งเดือนนี้แล้ว เธอก็จะไปต่างประเทศได้อย่างราบรื่น ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องห่วงการคุกคามจากพวกอันธพาลอีก”
“อย่างที่คุณบอกว่าลูกสาวคุณไม่ชอบให้ใครมาคุ้มกัน แล้วถ้าพวกเราโผล่ไปจะไม่เป็เื่เหรอคะ?” เซี่ยวอี๋ถามด้วยความสับสน
“แอบซุ่มคุ้มครอง” เสิ่นิพูดพลางหยิบบัตรพนักงานสองใบออกมาจากซองเอกสาร บนบัตรนั่นมีรูปของเสิ่นิและเซี่ยวอี๋ติดไว้เรียบร้อยแล้ว ใช้เพื่อการยืนยันตน “ครูประจำชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเอกชนชั้นนำดาวเหนือ”
“คุณเสิ่นิช่างสมกับที่เป็มืออาชีพ ใช่แล้ว ผมหวังว่าพวกคุณทั้งสองจะแฝงตัวอยู่ใกล้ๆ กับสาวน้อย ปกป้องเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว ค่าตอบแทนนั้นก็ตามเจตนารมณ์ของคุณเสิ่นิ ครึ่งเดือน 5 แสนหยวน นอกเหนือจากนั้น หากพวกคุณได้รับอันตรายหรือาเ็ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ พวกคุณจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรี ไม่ทราบว่าพวกคุณทั้งสองคนมีข้อเรียกร้องอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่?” ฟางซื่อเฉวียนถึงขั้นให้อีชางซูนำกล่องโลหะมาวางไว้บนโต๊ะกาแฟ ข้างในนั้นมีสัญญาการรักษาความปลอดภัยโดยละเอียด พร้อมทั้งค่ามัดจำล่วงหน้าอีก 2 แสนหยวน
“มีแค่เงื่อนไขเดียว” เสิ่นิพูดพลางหยิบสัญญาขึ้นมา “เนื่องจากเป็การซุ่มคุ้มครอง ผมหวังว่าก่อนที่ผมจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผม ห้ามมิให้เปิดเผยเื่ข้อตกลงการคุ้มครองระหว่างเราต่อผู้ถูกคุ้มครองโดยเด็ดขาด ที่ผมหมายถึงคือตลอดชั่วชีวิต ห้ามเปิดเผยเด็ดขาด”
“แน่นอนที่สุด หากพูดไปล่ะก็ ลูกสาวผมได้เอาผมตายแน่” ฟางซื่อเฉวียนมองเสิ่นิที่กำลังลงนามในสัญญา เขายิ้มก่อนจะยื่นมือออกไปจับ “ขอให้ร่วมมือกันได้ด้วยดี”
และนั่นก็เป็อันว่าบริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่นได้ลูกค้ารายที่สองแล้ว เสิ่นิแทบจะไม่ได้สนใจเงินมัดจำล่วงหน้า 2 แสนเลย เขาฝากมันไว้กับเซี่ยวอี๋
อีชางซูขับรถไปส่งพวกเขาทั้งสองคน ระยะเวลาการคุ้มครองที่ระบุไว้ในสัญญาเริ่มั้แ่วันพรุ่งนี้ ดังนั้นวันนี้จึงเป็วันพักผ่อนเดียวที่พวกเขาเหลืออยู่
“ตอนนี้จะทำอะไรดีล่ะ” เซี่ยวอี๋นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพลางจ้องเงินจำนวนมหาศาลตรงหน้า เซี่ยวอี๋แค่รู้สึกว่าเธอได้เงินมาอย่างง่ายดาย ราวกับฝันไป
“แน่นอนว่ามีเหล้าก็ต้องดื่มให้เมา ไม่อย่างนั้นจะหาเงินไปทำไม ไปกันเถอะ เฮียจะพาน้องสาวไปัักับความสุขของเงินก้อนโต! จะให้สุขเหมือนกับบินได้อย่างนั้นเลย!” เสิ่นิเผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง ก่อนจะคว้าเอาเงินมัดโตโปรยขึ้นฟ้า ณ วินาทีนั้นก็มีห่าฝนธนบัตรตกลงท่ามกลางห้องนั่งเล่น
“ถ้าฟางซื่อเฉวียนมาเห็นนายตอนนี้ล่ะก็ รับรองว่าเขาจะต้องเสียใจแน่ๆ แต่ว่าในเมื่อมีคนเลี้ยง ใครจะปฏิเสธล่ะจริงไหม?” เซี่ยวอี๋คว้าธนบัตรแล้วโยนขึ้นฟ้าบ้าง ต้องยอมรับเลยว่า มันช่างรู้สึกปลดปล่อยดีเสียจริง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถจี๊ปคันเก่าบุโรทั่งเคลื่อนที่เข้าไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดินของห้างนานาชาติหลินไห่ มือของเสิ่นิข้างหนึ่งควงเซี่ยวอี๋ไว้ ส่วนอีกข้างก็ถือลังซึ่งเต็มไปด้วยธนบัตร พวกเขาช็อปสะบั้นหั่นแหลก เนื่องด้วยเขาได้กลายสภาพบ้านร้างให้เป็ที่พักอาศัย เขาจึงยังมีของใช้พื้นฐานในชีวิตประจำวันไม่มากนัก โทรทัศน์เอย เครื่องซักผ้าเอย ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรก็ไม่มี
ครั้งนี้เสิ่นิจัดหาทุกอย่างได้พร้อมสรรพในชั่วอึดใจ กระทั่งหม้อกระทะก็ยังซื้อที่เป็ผลิตภัณฑ์นำเข้าระดับไฮ-เอนด์ ซ้ำยังซื้ออ่างอาบน้ำสไตล์ยุโรปตามคำเรียกร้องของเซี่ยวอี๋อีก
พวกเขาช็อปกันั้แ่ฟ้าแจ้งยันฟ้ามืด ผู้จัดการห้างถึงขั้นเลี้ยงข้าวกลางวันพวกเขา ให้ทานกันไปเลยฟรีๆ ตอนที่เสิ่นิและเซี่ยวอี๋ออกจากห้างนานาชาติหลินไห่ไป พวกเขารู้สึกโล่งมาก โล่งจนหมดตัว...
เมื่อเห็นกระเป๋าใส่เงินที่ว่างเปล่า เซี่ยวอี๋ก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทำไมเงินมันหมดไวอย่างนี้ล่ะ? 2 แสนน่ะ เยอะกว่าเงินเดือนของฉัน 5 ปีรวมกันเสียอีก ผลาญแค่ครึ่งวันก็หมดแล้ว”
“อย่าถอนหายใจไปเลย ถ้าเงินไม่หมด แล้วจะเอาแรงบันดาลใจจากที่ไหนไปหาเงินล่ะ? ยังเหลืออยู่อีกสองร้อย ผมเลี้ยงของอร่อยคุณเอง” เสิ่นิโยนลังใส่เงินลงถังขยะไป ในมือเขากำธนบัตร 2 ใบสุดท้ายเอาไว้ และยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ก่อนอื่นขอบอกไว้เลยนะ ฉันไม่กินซุปหมาล่า”
“โอเค เดี๋ยวผมพาไปทานที่ที่มีสไตล์”
เวลา 3 ทุ่ม ณ “Godstone” ไนต์คลับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลินไห่ เซี่ยวอี๋นั่งอยู่ที่บาร์ด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ตรงหน้าเธอมีเบียร์ไฮเนเก้นราคา 80 หยวนวางอยู่ขวดหนึ่ง เธอดื่มไม่ลงแม้แต่อึกเดียว
เสียงดนตรีอึกทึกทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น ไฟสลัวจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งใบหน้าของคนที่อยู่ห่างออกไปแค่เพียง 10 เมตร อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมเคล้ากลิ่นฉุนของควันบุหรี่ หากว่าอ่างล้างมือทั้ง 6 ในห้องน้ำไม่ได้อุดตันเพราะอ้วกของไอ้พวกขี้เมาทั้งหลายแล้วละก็ เธอคงจะวิ่งไปอาเจียนนานแล้ว
“นี่เหรอ ที่คุณบอกว่าที่ที่มีสไตล์น่ะ?” เซี่ยวอี๋ตะคอกใส่หูเสิ่นิ
“เสียงเพลงประกอบยอดเยี่ยมขนาดนี้ ยังไม่มีสไตล์อีกเหรอ?” เสิ่นิค้านหัวชนฝา
“แต่นายบอกว่าจะพาฉันมากินข้าว แล้วนี่จะให้กินอะไร...” เซี่ยวอี๋พูดยังไม่ทันจบ เสิ่นิก็เลื่อนกองถั่วลิสงไปตรงหน้าเธอ
“ผมไม่หิว กิน 2 เม็ดก็อิ่มแล้ว ที่เหลือคุณเอาไปเถอะ อิอิ” เสิ่นิลองดีราวกับอยากถูกเตะ
“ไอ้เฮงซวย!” เซี่ยวอี๋กินถั่วลิสงแกล้มเบียร์ ช่วยไม่ได้ ก็หิวจนแสบไส้แล้วนี่