จิติญญาของเสิ่นเสวียนแทรกผ่านเข้าไปในมิติของแหวนดวงดารา จากนั้นสีหน้าของเขาก็แข็งทื่อไป
แววตาของเขาตื่นใเป็อย่างมาก
สิ่งของในแหวนดวงดาราวงนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ มันมีของเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งนี้กลับทำให้เสิ่นเสวียนพูดไม่ออก
“พลังตั้งต้น?”
จิติญญาของเสิ่นเสวียนออกมาจากแหวนแล้ว เขามองเสวียนหลิงเอ่อร์ด้วยความใ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าภายในนี้จะมีพลังตั้งต้นเก็บไว้
“ดูเหมือนเ้ายังพอมีความรู้อยู่บ้าง”
เสวียนหลิงเอ่อร์ยิ้มน้อยๆ ความรอบรู้ของเสิ่นเสวียนมากกว่าที่นางคาดเดาไว้
“ให้ข้าหรือ”
เสิ่นเสวียนถามเสวียนหลิงเอ่อร์อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ใช่แล้ว ข้าให้เ้า”
“แต่พลังนี้เป็ประโยชน์ต่อร่างจิติญญาของท่านมากกว่าข้า”
เสิ่นเสวียนถามเสวียนหลิงเอ่อร์อย่างไม่อยากเชื่อ นี่เป็ของล้ำค่าที่หาได้ยาก หากอีกฝ่าย้าฝึกฝนเทพยุทธ์จิติญญา จำเป็ต้องทำให้ร่างจิติญญาแข็งแกร่งกว่าร่างเนื้อ และพลังตั้งต้นนี้จะช่วยให้อีกฝ่ายมีร่างจิติญญาที่แข็งแกร่งได้
พลังตั้งต้นมีต้นกำเนิดเมื่อนานมาแล้ว แต่มีเพียงที่เดียวเท่านั้น นั่นคือร่างพลังงานที่เทียนจวินหยวนสื่อหรือจักรพรรดิอวี้ชิงทิ้งไว้ก่อนที่เขาจะล่วงลับไป
ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร มีบุคคลยิ่งใหญ่ในตำนานอยู่สามคน ถูกขนานนามว่า ‘สามบริสุทธิ์’ โดยแบ่งออกเป็ เทียนจวินหยวนสื่อ เทียนจวินหลิงเป่า และเทียนจวินเต้าเต๋อ โดยพวกเขาทั้งสามคนคือแบบแผนของการบำเพ็ญเพียร จึงก่อให้เกิดความมหัศจรรย์ของการบำเพ็ญเพียรและอาณาจักรเซียนที่รุ่งเรืองในภายหลัง
เื่ราวเกี่ยวกับพวกเขาเลื่องลือกันไปทั่วทุกมุมโลก
ในตอนแรกเริ่ม ผานกู่[1] ใช้ขวานเปิดโลก จากนั้นลมหายใจของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็สามบริสุทธิ์ ก่อกำเนิดผู้สูงส่งสามคนขึ้นมา พวกเขาท่องไปทั่วหล้าอย่างยาวนาน สร้างแบบแผน ให้ความรู้แก่โลก
ซึ่งอาณาเขตแห่งวิถีของเทียนจวินหยวนสื่อคือคุนหลุนตะวันตก ในตอนนั้นเสิ่นเสวียนต้องค้นหาไปทั่วทั้งคุนหลุนตะวันตกเพื่อตามหาร่องรอยของเทียนจวินหยวนสื่อ ทว่าเสิ่นเสวียนไม่เจออาณาเขตแห่งวิถี กลับเจอผังเมืองซานเหอโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนนี้ภายในร่างของงูจิ่นเมี่ยนตัวเล็กๆ กลับมีพลังหยวนสื่อในตำนาน เขาจะไม่ใและดีใจไปพร้อมๆ กันได้อย่างไร
พลังหยวนสื่อ เรียกได้อีกอย่างหนึ่งคือ ‘ของเหลวหยวนสื่อ’
ตำนานเล่าว่าก่อนที่เทียนจวินหยวนสื่อจะล่วงลับไป ร่างเนื้อของเขาเป็เซียนไปแล้ว สิ่งของที่หลงเหลืออยู่มีไม่มากนัก พลังฟ้าดินรอบๆ ร่างของเขาเริ่มรวมตัวกันจนกลายเป็ของเหลว เนื่องจากไอพลังหยวนสื่อสะสมอยู่ในบริเวณนั้นเป็จำนวนมาก ซึ่งของเหลวหนึ่งหยดเพียงพอที่จะทำให้คนตายฟื้นคืนได้
แน่นอนว่าด้วยความทรงพลังของมันไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับมือได้ หากเป็คนธรรมดา มันจะไม่ใช่ยารักษาแต่กลายเป็ยาพิษ
“ในเมื่อให้เ้าแล้วก็เป็ของเ้า” เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ คล้ายว่าของเหลวหยวนสื่อที่หาได้ยากนี้ไม่มีแรงดึงดูดต่อนางเลย
“แต่ข้าขอเตือนให้เ้าใช้บางส่วนกับหยวนก่อกำเนิด ไม่อย่างนั้นหยวนก่อกำเนิดของเ้าจะสร้างปัญหาให้เ้า”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวเตือนเสิ่นเสวียน
“อืม ขอบคุณมาก ข้าคิดไว้อย่างนั้นเหมือนกัน”
เสิ่นเสวียนถือแหวนดวงดาราเอาไว้ พลางโค้งกายคารวะต่อเสวียนหลิงเอ่อร์อย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก พาข้าไปยังเสี่ยวต้งเทียนก็พอ”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวกับเสิ่นเสวียน นางมอบของเหลวหยวนสื่อให้เสิ่นเสวียน เพราะหนึ่ง้าช่วยเหลือเสิ่นเสวียน สองคือเป็ของตอบแทนที่ได้เข้าไปยังเสี่ยวต้งเทียน
“ได้ ตอนนี้เข้าไปได้เลย”
เสิ่นเสวียนได้ของเหลวหยวนสื่อนี้มา ทำให้เขารู้สึกดีต่อเสวียนหลิงเอ่อร์มากขึ้น จึงตอบรับอีกฝ่ายในทันที
แต่อย่าได้ดูถูกของเหลวหยวนสื่อนี้เด็ดขาด มูลค่าของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าศาสตราเซียนเลย และแหวนดวงดาราวงนี้ก็เป็ของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็ประโยชน์ต่อเสิ่นเสวียนมาก
“ตามข้ามา”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสวียนหลิงเอ่อร์ จากนั้นจิติญญาของเขาก็เข้าไปในทะเลจิตสำนึก ขณะเดียวกันเขาก็สร้างเส้นทางมิติให้เสวียนหลิงเอ่อร์ตามเข้ามาด้วย
ร่างจิติญญาของเสวียนหลิงเอ่อร์เข้าไปในทะเลจิตสำนึกผ่านเส้นทางนั้น
นางไม่กล่าวอะไรเลยแต่พยักหน้าอยู่หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่านางค่อนข้างพอใจกับทะเลจิตสำนึกของเสิ่นเสวียน
สำหรับพลังยุทธ์ของเสิ่นเสวียนในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็ด้านไหนก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เส้นทางในอนาคตยังอีกยาวไกลมาก
แล้วทั้งสองคนก็เข้าไปยังส่วนลึกของทะเลจิตสำนึก ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผังเมืองซานเหออย่างรวดเร็ว
เมื่อมองม้วนภาพที่ลอยอยู่ใจกลาง จะเห็นว่ามันกางออกแล้วเล็กน้อยและมีลวดลายแผนผังชัดเจน สังเกตจากไอพลังมิติที่แผ่ซ่านออกมาอย่างต่อเนื่องก็รู้แล้วว่ามันคือของล้ำค่าที่ยอดเยี่ยม
เสวียนหลิงเอ่อร์มองผังเมืองซานเหอด้วยแววตาตื่นใ
ความตื่นใของนางไม่ใช่การเสแสร้งแต่อย่างใด เสิ่นเสวียนมองสีหน้าของอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่ากำลังตื่นใเพราะศาสตราเทพชิ้นนี้ และแววตาของอีกฝ่ายมีเพียงความตื่นใและหวาดกลัวเท่านั้น ไม่มีความละโมบเลย ต่างจากจักรพรรดิเซียนที่ไล่ล่าเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“ดูเหมือนท่านจะเคยเจอของที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านี้มาก่อน!”
เสิ่นเสวียนมองเสวียนหลิงเอ่อร์ พลางถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
“ดีกว่าหรือไม่ยังมิอาจบอกได้ แต่เคยเจอสิ่งของที่อยู่ในระดับเดียวกันนี้มาก่อน แต่เทียบกันแล้วผังเมืองซานเหอแผ่นนี้ทรงพลังกว่ามาก เข้าไปกันเถอะ!”
เสวียนหลิงเอ่อร์พยักหน้า แววตาของนางเลื่อมใสในตัวเสิ่นเสวียนมากขึ้นเล็กน้อย
ได้ศาสตราเทพเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าพลังของเสิ่นเสวียนไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็โอกาสและวาสนานำพาก็ดี หรือจะไปแย่งชิงใครมาก็ช่าง ตอนนี้เขาได้รับการยอมรับจากศาสตราเทพแล้วจริงๆ เพียงแค่เื่นี้ก็เพียงพอที่จะอยู่ในระดับเดียวกับท่านเซียนหลัวเทียนแห่งอาณาจักรเซียนได้แล้ว
หากจะกล่าวถึงระดับขั้นของเซียนพเนจร เซียนปฐี และเซียน์แล้ว นางคิดว่าไม่มีความจำเป็สักเท่าไร พลังคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างเช่นมหาเซียนเจิ้นหยวนบรรพบุรุษแห่งเซียนปฐี แม้จะไม่ติดอันดับเซียน แต่ความแข็งแกร่งยังทำให้จักรพรรดิเซียนต้องหวาดกลัว
แม้เซียนพเนจรที่ฝ่าด่านเคราะห์ล้มเหลวจะมีฐานะต่ำต้อยเล็กน้อย แต่เซียนพเนจรที่ฝ่าด่านเคราะห์ได้หนึ่งหรือสองครั้ง กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียน์เสียอีก
ในสายตาของนาง เสิ่นเสวียนคือเซียนพเนจรที่ฝ่าด่านเคราะห์มาแล้วหนึ่งหรือสองครั้ง
“ตามข้ามา”
เสิ่นเสวียนกล่าวจบ ร่างจิติญญาของเขาก็พุ่งผ่านเส้นทางมิติที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้เข้าไป เสวียนหลิงเอ่อร์จึงตามเข้าไปเช่นกัน
เส้นทางนี้คือความมานะของเสี่ยวเหยียน เพียงไม่นานก็มาถึงตำแหน่งที่กำแพงถูกทะลวงผ่าน
เมื่อผ่านเข้าไปแล้วจะเป็โลกอีกใบหนึ่ง
ทั้งสองคนไม่รอช้า เข้าไปในผังเมืองซานเหอพร้อมกัน
แผ่นดินกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ูเาแม่น้ำเรียงราย สายน้ำไหลผ่าน และยังมีสัตว์น้อยใหญ่ ที่แห่งนี้ขาดเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น หากมีมนุษย์เข้ามาใช้ชีวิตจะกลายเป็โลกที่สมบูรณ์
“ม่านพลังเต็มไปหมด! ดูเหมือนเ้าของศาสตราเทพชิ้นนี้คนก่อนจะร้ายกาจมาก”
เสวียนหลิงเอ่อร์เข้ามาถึงแล้วพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยม่านพลังที่ผนึกอาณาเขตส่วนใหญ่เอาไว้ ซึ่งนางไม่คิดว่าเกิดขึ้นจากพลังของเสิ่นเสวียน แต่เป็พลังของเ้าของเก่า
เสิ่นเสวียนเพียงยิ้มน้อยๆ ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา อย่างน้อยตนเองยังมีความลับบางอย่างที่นางไม่รู้
“ระวังตัวด้วย ม่านพลังเหล่านี้ค่อนข้างอันตราย อาจทำให้พวกเราต้องติดอยู่ที่นี่ก็ได้”
เสิ่นเสวียนเดินนำหน้าไป พลางกล่าวเตือนเสวียนหลิงเอ่อร์
“อืม ก็จริง”
เสวียนหลิงเอ่อร์ไม่ได้โต้แย้งเสิ่นเสวียน ด้วยพลังของพวกเขาในตอนนี้ หากโดนพลังค่ายกลเหล่านี้โจมตีคงร่างแตกสลายไปอย่างแน่นอน
ส่วนสถานที่และค่ายกลของที่นี่ เสิ่นเสวียนรู้จักเป็อย่างดี เขาเดินไปตามถนนเล็กๆ สายหนึ่ง ผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี ข้ามผ่านูเาไปพร้อมกับเสวียนหลิงเอ่อร์ มุ่งหน้าไปยังเสี่ยวต้งเทียน
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสิ่นเสวียนและเสวียนหลิงเอ่อร์กำลังยืนอยู่ตรงหน้าน้ำตกแห่งหนึ่ง
น้ำตกสูงราวสามสิบจั้งไหลลู่ลงสู่เบื้องล่าง สายน้ำรวมตัวกันกลายเป็แม่น้ำสายใหญ่ ไหลออกไปยังที่ต่างๆ ไม่หยุด
“เสี่ยวต้งเทียนอยู่ในนั้น”
เสิ่นเสวียนยืนอยู่ด้านหน้าน้ำตก พลางชี้เข้าไปตรงน้ำตกขนาดใหญ่นั้น
..................................................
[1] ผานกู่ (盘古) เทพผู้บุกเบิกฟ้าดินตามตำนานจีน เป็ั์ที่มีขนาดตัวสูงใหญ่ ศีรษะมีเขา คิ้วและดวงตาใหญ่ มีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก มีขนทั้งตัว มือซ้ายถือสิ่ว มือขวาถือขวานใหญ่ เป็ผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างตามความเชื่อเื่การสร้างโลกของจีน