เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นแต่เช้า แต่ก็ยังง่วงงุน อ้าปากหาวตลอดเวลา
เมื่อคืน่กลางดึก ต้องกล่อมลิงน้อยอยู่นาน ต่อมามันฉี่รดที่นอน ก็เลยต้องวุ่นวายกันอีกรอบ
ล้มตัวนอนได้ไม่นาน ฟ้าก็สว่างแล้ว
"เ้าจะฉี่ในถ้ำไม่ได้ เข้าใจไหม" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งเกาลัดที่ปอกเสร็จแล้วให้ลิงน้อย "ถ้าเ้าจะฉี่ ต้องชี้ไปที่ปากถ้ำแล้วร้องเจี๊ยกๆ เจี๊ยกๆ แบบนี้"
เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปตรงที่มันฉี่รด แล้วชี้ไปที่ปากถ้ำ
หลังจากนั้นก็พูดซ้ำใหม่อีกครั้ง แล้วชี้มือไปที่เดิมอีกสองรอบ
ลิงน้อยได้หลับตลอดคืน สีหน้าสดใสขึ้นมาก ยามนี้มันนอนอยู่บนเบาะที่เซวียเสี่ยวหรั่นใช้หญ้าไส้ตะเกียงทำให้มัน ดวงตากลมแป๋วจดจ้องมาที่เธอ ดูเหมือนกำลังขบคิดว่าคำพูดของเธอหมายความว่าอย่างไร
ถ้ามันฟังรู้เื่ก็แปลกแล้ว เหลียนเซวียนกินเกาลัดกับกล้วยน้ำว้าเสร็จ ก็หยิบไม้เท้าเดินออกไปข้างนอก
"เหลียนเซวียน ท่านจะไปไหน ไปล่าสัตว์หรือ?"
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งเข้ามา พลางเงยหน้ามองเขา ก็พบว่าพออยู่ใกล้เกินไป เธอดูเตี้ยไปเลย จึงต้องถอยออกมาหลายก้าว
เหลียนเซวียนผงกศีรษะ ต้องฉวยโอกาสก่อนที่หน้าหนาวจะมาถึง ตุนเสบียงอาหารให้มากหน่อย
เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลชั่วขณะ เธออยากไปในที่ไกลหน่อยเพื่อเสาะหาต้นเฮ่อกับต้นหมา แต่การสะสมเสบียงอาหารก็สำคัญมากเช่นกัน
"งั้นท่านไปเถอะ แค่อย่าไปไกลนักเล่า จำไว้ว่าเรียกข้าได้ตลอดเวลา" เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับพร้อมกับยัดมีดพับใส่มือเขา
เหลียนเซวียนผงกศีรษะ แล้วค่อยๆ เดินออกไปจากถ้ำ
หลังจากเขาไปแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เริ่มทำงานบ้าง
อันดับแรกคือไปพลิกหญ้าไส้ตะเกียงที่ตากแดดไว้ด้านนอก หลังจากนั้นก็ไปหาไม้มาทำฟืนจากป่ารกด้านข้าง ฟืนส่วนใหญ่ที่หามาตุนก่อนหน้านี้ก็เผาไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ท้องฟ้ายังคงไม่มีเงาของพระอาทิตย์ ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกไม่สบายใจ ถ้าฝนเกิดตกขึ้นมา ทั้งหนาว ทั้งฝนตกและไม่มีฝืนก่อไฟ ความยากลำบากเช่นนั้นเรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบ [1]
ดังนั้นเธอต้องหาไม้ฟืนมาเตรียมให้เพียงพอก่อนที่ฝนจะตก
เธอวิ่งกลับไปกลับมาระหว่างถ้ำกับป่ารก และทุกครั้งที่หอบไม้ฟืนกลับมา ก็จะมาพูดคุยกับลูกลิงสองสามประโยค
บางครั้งก็ยัดเกาลัดใส่มือของมัน บางครั้งก็ส่งกล้วยน้ำว้าให้มันหนึ่งผล พอมีของกิน ลิงน้อยก็สงบนิ่งลงมาก ไม่งุ่นง่านหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ในถ้ำ
รอจนกระทั่งเก็บฟืนสูงเป็กองพะเนินเหมือนเดิม เธอก็ได้ยินเสียงไม้เท้าเคาะก้อนหินแว่วมาจากสถานที่ห่างไกล
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบวิ่งไปหาเหลียนเซวียน
เหลียนเซวียนไปไม่ไกลมาก อยู่แค่ละแวกใกล้ๆ กับเนินดิน ครานี้เขาปามีดไปโดนไก่ป่าตัวหนึ่ง แต่ตัวนี้อ้วนพีกว่าตัวก่อน
เซวียเสี่ยวหรั่นตามเถาวัลย์คลำไปถึงแตง [1] เธอล้วงเข้าไปในรังไก่ป่าพบว่ามีไข่อยู่เจ็ดแปดฟอง ดีใจจนมุมปากแทบจะฉีกไปถึงใบหู
หลังจากนั้นก็หิ้วทั้งไก่ป่าและไข่ของมันกลับไป เซวียเสี่ยวหรั่นเชือดเอาเืไก่ก่อน หลังจากนั้นก็เติมน้ำเล็กน้อยกับใส่ต้นหอมป่า ก่อนนำไปนึ่งในหม้อ
ลิงน้อยจดจ้องความเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลา ยามที่เธอเชือดไก่เอาเื มันตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่สายตาที่มองเซวียเสี่ยวหรั่นกลับฉายแววเลื่อมใสศรัทธา
เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังยุ่งมือเป็ระวิง จึงไม่ได้สังเกตอารมณ์ของเ้าลิงน้อย แค่เห็นมันทำหน้าเซ็ง ก็เอ่ยปลอบประโลมอย่างอดไม่ได้ "เ้าลิงน้อย ในหม้อนี้เป็เืไก่นึ่ง อีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ให้เ้าครึ่งชาม กินบำรุงร่างกาย เ้ากับเหลียนเซวียนล้วนแต่ขาดเื ต้องเสริมเยอะๆ"
หลังจากนั้น เห็นมันท่าทางจะเบื่อจริงๆ เธอก็เลยเอาผักคาวมัจฉาที่เหลือจากเมื่อวานมาวางข้างตัวมัน "อันนี้จะกินหรือไม่"
ลิงเป็สัตว์ที่กินได้สารพัด ไม่ว่าจะดอกไม้ ใบไม้ เมล็ดพืช เมล็ดถั่ว ผลไม้ แมลง ไข่ เนื้อเป็ต้น ไม่ต่างกับมนุษย์เท่าไร ดังนั้นมันคงไม่ปฏิเสธผักคาวมัจฉา
เซวียเสี่ยวหรั่นคีบใส่ปากของตนเองแล้วเคี้ยวกินให้มันดู หลังจากนั้นก็คีบให้มัน
หลังจากลิงน้อยรับไปแล้ว มันก็เอาเข้าปากของตัวเอง ท่าทางไม่รังเกียจแม้แต่น้อย ทั้งยังกินอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย
เซวียเสี่ยวหรั่นดีใจมาก เอาผักคาวมัจฉาครึ่งจานมาวางไว้ข้างตัวมัน ให้มันค่อยๆ กินไป
ยามประคองเหลียนเซวียนกลับมา เธอก็เล่าเื่นี้ให้เขาฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"ท่านดูสิ ขนาดลิงน้อยยังชอบเลย ท่านก็ต้องกินให้มากหน่อยนะ"
เหลียนเซวียนจนปัญญาจะพูด แม่นางผู้นี้เอารสนิยมของลิงมาเทียบกับคนเช่นนี้จะดีหรือ
รอกระทั่งพวกเขากลับมาถึงถ้ำ ลิงน้อยก็กินผักคาวมัจฉาครึ่งจานนั้นหมดเกลี้ยงแล้ว
"โอ้โห ลิงน้อย เ้าเก่งมาก กินหมดเกลี้ยงเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวของมันพลางกล่าวเยินยอ
"เจี๊ยกๆ" ลิงน้อยร้องสองครั้งคล้ายเป็การตอบรับกับเธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
เธอหยิบเืนึ่งออกมาจากกระทะ แล้วแบ่งเป็สองส่วน
"เหลียนเซวียนให้ท่าน นี่เป็เืไก่นึ่ง บำรุงเื เหมาะกับการบำรุงร่างกายของพวกท่านตอนนี้" เธอยกไปให้เขาก่อน
ไม่ว่าอย่างไรฟังแล้วก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เธอขีดเส้นให้เขากับลิงน้อยกลายเป็พวกเดียวกันไปแล้วหรือ
เหลียนเซวียนรับมาเงียบๆ ผงกศีรษะให้แทนคำขอบคุณ
เซวียเสี่ยวหรั่นหันกลับมายกชามส่วนตัวของลิงน้อย เป่าเืให้เย็นก่อน แล้วป้อนให้มัน
กลิ่นหอมของเืนึ่งดึงดูดความสนใจของลิงน้อย หลังจากกินเืไก่นุ่มๆ ไปคำหนึ่ง ดวงตาของมันก็จ้องไปที่ในชาม
"แหม... รู้จักกินเสียด้วย จ้องเืไก่ตาไม่กะพริบเชียวนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มไปถึงดวงตา พลางเอื้อมมือมาลูบศีรษะของมัน
อาจเป็เพราะกินของคนอื่นต้องเสียงอ่อน [3] และเริ่มคุ้นเคยกับเซวียเสี่ยวหรั่น หลังจากที่เธอป้อนอาหารให้หลายครั้ง ท่าทีตอบสนองของลิงน้อยในตอนนี้จึงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็หลังมือ นอกจากจะไม่ถือสาที่เธอลูบคลำตัวมันแล้ว ยังเพลิดเพลินกับการเอาอกเอาใจ แลดูน่ารักและเชื่อฟังขึ้นเป็กอง
หลังจากกินเืไก่ครึ่งชามหมด หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน ไม่ช้าลิงน้อยก็ผล็อยหลับไป
เซวียเสี่ยวหรั่นอุ่นน้ำที่น้ำที่ใช้นึ่งเืไก่เมื่อครู่อีกหน่อย ก่อนยกออกไปนอกถ้ำ แล้วเอาไก่ป่าใส่ลงไปในอ่าง ลวกด้วยน้ำร้อน แล้วเริ่มถอนขนอย่างคล่องแคล่ว
การถอนขนไก่แบบนี้เมื่อก่อนเธอเคยทำอยู่บ่อยครั้ง ในชนบทบ้านไหนจะทำน้ำแกงไก่ก็จะเชือดไก่และถอนขนเอง ไม่เหมือนในเมืองที่หาซื้อเป็ดไก่ถอนขนแล้วตามแผงลอยได้
ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงคุ้นเคยกับงานนี้เป็อย่างดี คุณปู่คุณย่าอายุมากแล้ว สายตาก็ฝ้าฟางไปตามอายุ การถอนขนเป็งานละเอียด ไม่ง่ายที่จะถอนได้อย่างเกลี้ยงเกลา เซวียเสี่ยวหรั่นจึงมีประโยชน์ใช้งานได้ในเวลาเฉพาะกิจเช่นนี้
"ขนไก่จะเก็บไว้ดีไหมนะ... เก็บไว้ก็แล้วกัน เอาไว้ทำรังให้ลิงน้อยได้"
ครั้งก่อนถอนขนด้วยวิธีย่างไฟ ขนไก่ไหม้เกรียมหมด เซวียเสี่ยวหรั่นจึงไม่เก็บไว้ แต่ครั้งนี้ขนไก่ลวกน้ำร้อน แม้ไม่มากนัก แต่ถ้าล้างให้สะอาดตากให้แห้งแล้วเอาไปทำรังให้ลิงน้อยก็ดี
"เหลียนเซวียน ท่านช่วยดูไฟกับลิงน้อยให้หน่อยนะ ข้าจะออกไปริมแม่น้ำ"
เซวียเสี่ยวหรั่นถอนขนเสร็จเรียบร้อย ก็รีบเอาถ้วยชามหม้อไหที่ต้องล้าง รวมถึงไก่ป่าและกระดูกเลียงผาบนชั้นใส่เข้าไปในตะกร้า แล้วออกแรงยกของกองใหญ่ไปที่ริมน้ำ
"ล้า... ลา... หล่า ล้า... ลา... หล่า ฉันเป็สาวน้อยอาศัยอยู่บ้านป่า"
เซวียเสี่ยวหรั่นฮัมเพลงซึ่งแก้เนื้อร้องใหม่อย่างมีความสุข แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอยู่ก็ตาม ล้างถ้วยโถโอชามเสร็จเรียบร้อย ก็เริ่มชำแหละไก่ ผ่าท้องเอาเครื่องในออก และล้างน้ำทำความสะอาด
สุดท้ายก็ล้างก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง เอากระดูกเลียงผาขึ้นไปวาง แล้วหาหินที่ค่อนข้างแหลมมาอีกก้อน แล้วเริ่มทุบอย่างรุนแรง
กระดูกท่อนใหญ่ขนาดนั้นใส่ลงหม้อไม่ได้อยู่แล้ว หากไม่ใช่มีดสับเล่มใหญ่ไม่มีทางสับเข้า ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงตัดสินใจใช้หินทุบเสียเลย
แค่ทุบส่วนที่เป็ข้อต่อ กระดูกก็จะหักออกจากกันได้โดยง่าย
เพียงแต่ขั้นตอนนี้จะหนักเอาการ เืกับเนื้อยังกระเซ็นใส่ตัวเธออีกด้วย
ทั้งกีบเท้า หาง ซี่โครง กระดูกสันหลังก็ทุบหลุดออกจากกันอย่างราบรื่น
ท้ายที่สุด เซวียเสี่ยวหรั่นมองหัวของเลียงผาที่เต็มไปด้วยขนอย่างยอมแพ้ เธอขุดหลุมแล้วเอามันฝังลงไป
หลังจากนั้นก็ถอดเสื้อกันแดดออกไปซัก กางเกงก็เลอะ แต่เซวียเสี่ยวหรั่นจำต้องกัดฟันทำเป็มองข้ามมันไปชั่วคราว
ขณะยกของตะกร้าใหญ่กลับถึงถ้ำ สายตาเหลือบไปเห็นหญ้าไส้ตะเกียงที่ตากแห้งอยู่ด้านข้าง ความคิดดีๆ ก็ผุดวาบขึ้นมาในหัว
...
[1] เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบ อุปมาถึงการตกอยู่ในสภาวะตกที่นั่งลำบาก ไม่มีคนช่วยเหลือ
[2] อุปมาถึงการติดตามเบาะแส จนสาวไปถึงต้นตอ
[3] กินของคนอื่นย่อมเสียงอ่อน หมายถึง รับประโยชน์คนอื่นมาแล้ว ก็ต้องประจบเอาใจอีกฝ่าย