หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเขาก็กลับมาที่โรงเตี๊ยม เด็กทั้งสองหลับกันไปแล้ว จุนห่าวมองหานรุ่ยที่เพิ่งกล่อมลูกเสร็จ เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้นว่า “เื่นี้ดูท่าจะจัดการยากยิ่งนัก ข้าไม่คิดว่า จางหนิงจะทำการบุ่มบ่ามเช่นนี้ ถึงจะเข้าใจได้ว่า จางหนิงจะแค้นเซ่าหานอี้มาก แต่ทำแบบนี้ก็เท่าเขาขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ”
“ใช่ ข้าชื่นชมและเข้าใจวิธีของจางหนิงนะ หากเป็ข้า ข้าคงจะฆ่าเซ่าหานอี้ให้ตายไปเลย และคงไม่ทำให้เขาต้องมาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้” หานรุ่ยเอ่ยขึ้น ขณะที่นั่งลงข้าง ๆ จุนห่าว แม้บางทีจะอดทนได้ แต่ก็ย่อมมีบ้างที่จะทนไม่ไหว ตอนที่หมดความอดทน ก็ทำได้เพียงแค่สู้สุดชีวิตเท่านั้น
พอจุนห่าวได้ฟังคำของหานรุ่ย มือหนึ่งของเขาก็ยื่นไปจับมือหานรุ่ยไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็วางลงตรงไหล่ของหานรุ่ย เขากล่าวขึ้นว่า “หากมีเื่แบบนี้เกิดขึ้นกับพวกเราจริง ๆ ข้าจะไม่ทิ้งเ้าไว้คนเดียว ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะตายไปกับเ้า ความตายไม่อาจแยกเราจากกันได้”
จุนห่าวชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็พลันลุกพรวดขึ้นมา พลางพยุงหานรุ่ยให้มายืนที่เบื้องหน้าของเขา เขาใช้แขนทั้งสองข้างโอบไหล่หานรุ่ยไว้ และใช้สายตาลึกซึ้งจดจ้องมายังหานรุ่ยด้วยความรัก เขาพูดกับหานรุ่ยว่า “เสี่ยวรุ่ย ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปไหน ไม่ว่าเื่อะไรก็ตามที่เ้าจะทำเพื่อข้า ข้าขอยอมตายดีกว่าที่จะมีชีวิตต่อไปเช่นนั้น” จุนห่าวพูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำและแฝงไปด้วยความเศร้า โลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก ผู้ที่มีพลังปราณลึกล้ำคงมีอีกมาก พวกเขาสามารถพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งได้อยู่ตลอดเวลา อันตรายมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง จุนห่าวไม่กล้ารับรองว่า เขาจะสามารถอยู่ได้อย่างอยู่ยงคงกะพัน เขาจึงทำได้เพียงปีนไต่ขึ้นไปอย่างมุ่งมั่น เพื่อที่จะได้ยืนอยู่ในจุดที่สูงที่สุดที่จะทำให้ผู้คนมองเห็น ถึงครานั้นเขาคงจะได้ทำดั่งที่ใจเขา้า และแน่ใจได้ว่า ชีวิตของเขากับหานรุ่ยจะไม่ถูกผู้อื่นมารบกวน
พอได้เห็นความอ่อนโยนและสายตาอันลึกซึ้งของจุนห่าว หานรุ่ยก็ใจสั่น และคิดในใจว่า ทำไมตัวเขาถึงได้มีชายที่รูปงามเช่นนี้ ยอมอุทิศตนเอง เพื่อเขาขนาดนี้กันนะ ส่วนเขาทำได้เพียงแค่ใช้ใจแลกใจ และจะไม่ทำให้ความรักอันลึกซึ้งของจุนห่าวต้องผิดหวัง
เมื่อหานรุ่ยได้ฟังคำพูดของจุนห่าว เขาก็จับมือจุนห่าวตอบ และพูดด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยวว่า “หากมีวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ ข้าก็ยินดีที่จะตายไปพร้อมเ้า ข้าจะไม่ปล่อยมือเ้าเป็อันขาด เราจะอยู่ตายเคียงกัน”
‘อยู่ตายเคียงกัน’ จุนห่าวเอ่ยซ้ำพลางพึมพำกับตัวเอง เขาคิดในใจว่า คำสี่คำที่เรียบง่าย แต่กลับหลอมรวมความรู้สึกอันลึกซึ้งของหานรุ่ยเอาไว้ได้ “ใช่ เราจะอยู่ตายเคียงกัน” จุนห่าวบีบไหล่ของหานรุ่ยเบา ๆ พร้อมพูดอย่างตื้นตันใจว่า “ไม่มีอะไรแยกพวกเราได้ แม้แต่ความตาย”
พอเห็นจุนห่าวที่กำลังตื้นตันใจเป็อย่างมาก ก็ทำให้หานรุ่ยรู้สึกดีขึ้น หานรุ่ยคิดในใจว่า ขอแค่ใครซักคนที่จะอยู่เคียงข้างไม่ห่างกันจนแก่เฒ่า ใครบ้างที่จะไม่อยากมีคนที่รักตัวเองอย่างสุดหัวใจ และในตอนนี้เขาได้พบกับคนคนนั้นแล้ว
เมื่อจุนห่าวได้ฟังคำที่หานรุ่ยกล่าวแล้ว ก็รู้สึกดียิ่งนัก เขาคิดในใจ นี่เป็คำสารภาพรักทางอ้อมของหานรุ่ยสินะ ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เสี่ยวรุ่ยรักเขาอย่างลึกซึ้งแล้ว ทั้งการกระทำและวาจา ทุกอย่างล้วนออกมาจากใจจริง เพราะตอนนี้หานรุ่ยกำลังอารมณ์ดี จึงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เบิกบาน
จุนห่าวไม่ลืมเื่สำคัญของเขา เขากล่าวกับหานรุ่ยว่า “เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การช่วยจางหนิง ยิ่งช่วยได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ข้าเกรงว่า จางหนิงจะอดทนต่อไปไม่ไหว แต่เื่นี้ไม่ใช่เื่ที่จะจัดการได้ง่ายเท่าไรนัก เพราะจางหนิงเล่นตัดเ้าโลกของเซ่าหานอี้เสียจนขาดสะบั้นขนาดนั้น แม้จะมียาบำรุงพลังัไปก็ไร้ประโยชน์”
รอยยิ้มเมื่อครู่นี้ของหานรุ่ยค่อย ๆ จางลง เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “กุญแจสำคัญในตอนนี้ คือ ต้องมองให้ออกว่า จริง ๆ แล้วเซ่าหานอี้สำคัญต่อเซ่าเจี้ยนหลิ่นเพียงใด หากไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก เื่นี้ก็จะจัดการได้ง่ายขึ้นมาหน่อย”
จุนห่าวกล่าวต่อว่า “หากข้าเป็เซ่าเจี้ยนหลิ่น ข้าจะต้องล้างแค้นให้หลานชายของข้าแน่ แต่ถ้าให้ข้าวิเคราะห์จากข่าวที่ได้ยินมา เซ่าเจี้ยนหลิ่นคงเห็นเซ่าหานอี้เป็แค่ตัวสืบพันธุ์ของตระกูลเท่านั้น หากเป็เช่นนั้นจริง ก็คงไม่ได้สำคัญอะไรมาก”
“ข้าได้ยินมาว่า พ่อของเซ่าหานอี้มิได้เกิดจากภรรยาเอกของเซ่าเจี้ยนหลิ่น ภรรยาเอกได้แต่งเข้ามา หลังจากที่เซ่าหานอี้มีข้อบกพร่อง ข้าคิดว่า ภรรยาเอกจะต้องอยากมีลูกของตัวเองเป็แน่ เราเริ่มจากการยืมมือของภรรยาเอกของเขาก็ได้” หานรุ่ยเอ่ย มีใครที่ไม่้าที่จะมีบุตรเป็ของตัวเองบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตระกูลใหญ่เช่นนี้ การมีบุตรจะทำให้ฐานะของเขามั่งคงได้
