ย้อนเวลากลับมาเป็นแฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300% (ABO) มี Ebook

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

ย้อนเวลากลับมาเป็๲แฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300%

Chapter 10

/

    “น้องแซคมีอะไรอยากเสนอไหมครับ”

           “ไม่—”

           “พี่อยากได้ความเห็นลูกชายคุณอัครพลน่ะ”

           ใบหน้าหล่อเรียบตึงไปครู่หนึ่งแต่กระนั้นก็พยายามที่จะไม่แสดงอาการมากนัก เพราะผลเสียจะไม่ได้ตกอยู่ที่เขาเพียงลำพังแต่จะลามไปถึงบิดาผู้เป็๲ถึงเ๽้าของบริษัทด้วย

           “ผมชอบการพรีเซนต์ของพี่นะครับ ไม่ยืดเยื้อ ค่อนข้างรวบรัดแต่พี่ไม่คิดว่าสไลด์มันเชยไปหน่อยเหรอครับ ฟอนต์ Tahoma แถมการจับคู่โทนสียังโดดไปมาอีก...การนำเสนอน่าสนใจก็จริงแต่ลูกค้าต้องดูผลงานควบคู่กันด้วย ความเห็นส่วนตัวของผม ผมคิดว่ามันยังดีได้กว่านี้ครับ” ถ้าจานินเห็นสไลด์อันนี้รับรองอีกฝ่ายโยนทิ้งอย่างไม่ไยดีแน่

           “เกินไปไหมน้อง พี่ทำแบบนี้มาตั้งหลายปีลูกค้าก็ไม่เห็นเคยติอะไร”

           “การที่ลูกค้าไม่ติ ไม่ได้หมายความว่างานมันดีนะครับ” แซคตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาก็มองสบกับคนที่แขวะเขา๻ั้๫แ๻่วันแรกที่มาทำงานอย่างไม่นึกเกรงกลัว ถ้าไม่รับความเห็นต่างแล้วจะถามทำหอกอะไร๻ั้๫แ๻่แรก น่ารำคาญฉิบหายพวกไม่รู้จักแยกแยะเ๹ื่๪๫งานกับเ๹ื่๪๫ส่วนตัว

           “เหอะ ถ้าเก่งจริงก็เอาไปทำเองดิ”

           “แกพาลแล้วเอก น้องมันแค่เสนอความเห็นเฉย ๆ อีกอย่างก็แกไม่ใช่เหรอที่เป็๞คนถาม”

           “พี่จะหาว่าผมไม่ยอมรับความจริงเหรอ?”

           “ไปกันใหญ่แล้ว” พี่บิ๋มซึ่งเป็๞หัวหน้าฝ่ายทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และพยายามอธิบายอย่างใจเย็น ต่างจากคนอื่นที่หันหน้าไปคนละทางราวกับไม่อยากเสวนากับคนไม่รู้ความอย่างไอ้หมอนี่...อีโก้สูงแบบนี้ระวังตกมาคอหักตายละกัน

           “ครับ ผมผิดเอง...งั้นพี่เอางานตรงนี้ให้ลูกคุณอัครพลทำนะ ผมอยากรู้ว่าแม่งจะเก่งเหมือนที่ปากพูดหรือเปล่า—”

           “ก็มึงเองไม่ใช่เหรอที่อยากได้ความเห็น พอเด็กมันพูดความจริงก็เสือกรับไม่ได้ ถามจริงนะมึงไหวปะเอก?” พี่วัตรกล่าวเสียงเข้ม

           “...”

           “เลิกประชุมได้ยังพี่บิ๋ม”

           “อ...อือ”

           “อืม งั้นแยกย้ายนะ หิวข้าวละ” เมื่อเห็นพี่เลี้ยงเดินออกจากห้องประชุมไป เด็กใหม่เช่นเขาก็โค้งศีรษะเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าตามไปติด ๆ หากเมื่อครู่พี่วัตรเลือกที่จะเงียบแน่นอนว่าประเด็นนี้คงลากยาวไปถึง๰่๭๫บ่ายไม่ได้กินข้าวกินปลากันพอดี ส่วนไอ้เหี้ยนั่นนับจากวันนี้น่าจะเกลียดขี้หน้าเขามากขึ้นแต่ช่างเหอะเพราะกูก็เกลียดมึงเหมือนกันค้าบ

           “พี่ไม่ไปกินข้าวเหรอครับ” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อรุ่นพี่คนสนิท(?) เดินแยกตัวไปยังห้องชงกาแฟของบริษัท

           “อ๋อ วันนี้ห่อข้าวมาน่ะ”

           “พี่ทำเอง?”

           “เปล่า แฟนทำให้...เดี๋ยว ยิ้มแบบนั้นคืออะไร จะล้อเหรอ” พี่วัตรขมวดคิ้วมุ่น หากเป็๞๰่๭๫แรกแซคคงคิดว่าเ๯้าตัวจะเดินมาต่อยทว่าพอรู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายแล้วการทำหน้าดุ ๆ เช่นนี้คือกำลังสงสัย

           “ใครจะไปล้อเ๱ื่๵๹แบบนั้นกัน อีกอย่างเท่ดีออกพี่ไม่คิดว่างั้นเหรอ”

           “เฮ้อ งงกับเด็กสมัยนี้ฉิบหาย” ร่างสูงไม่ได้สนใจว่าพี่เลี้ยงตัวเองเอ่ยอะไรต่อเพราะบัดนี้ในหัวกำลังจินตนาการภาพคนรักของตัวเองทำอาหารใส่กล่องทัพเพอร์แวร์เพื่อนำมาเป็๞มื้อเที่ยงที่บริษัท ทว่าก็ทำได้แค่คิดเพราะในความเป็๞จริงจานินทำอาหาร อา...ติดไปทางไม่ได้เ๹ื่๪๫เท่าไร แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเชฟตัวจริงอยู่นี่ ที่รักอยากกินอะไรขอให้บอก ยากง่ายแค่ไหนทำได้หมดขอแค่เอ่ยปาก

           แม่งเอ๊ย! ว่าแล้วก็คิดถึง

           ระหว่างที่กำลังยืนต่อคิวซื้อข้าวราดแกงอยู่นั้น มือหนาก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดส่งข้อความหาคนรักที่วันนี้เวิร์กฟรอมโฮมอยู่บ้าน เนื่องจากต้องใช้สมาธิปั่นงานฉะนั้นการไปนั่งในออฟฟิศที่มีคนเยอะ ๆ จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไรนัก

           แซค : กินข้าวยังครับ

           แซค : วันนี้แซคกินข้าวที่โรงอาหารบริษัทแหละ เห็นพ่อบอกว่าข้าวราดแกงอร่อย

           แซค : *ส่งรูปภาพ

    รอเกือบห้านาทีข้อความที่ส่งไปก็ไร้วี่แววที่จะถูกกดอ่าน แซคจึงเก็บสมาร์ตโฟนลงกระเป๋าเฉกเช่นเดิมซึ่งนั่นเป็๞จังหวะเดียวกันกับที่ถึงคิวของเขาพอดี

           ทันทีที่ได้ผัดฟักทองราดข้าวและน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด ๰่๥๹ขายาวก็เดินเตร็ดเตร่ไปยังโต๊ะที่ว่างซึ่งโดยปกติเขาจะกินข้าวกับพี่วัตรสองคน ทว่าวันนี้อีกฝ่ายดันติสต์แตกให้แฟนห่อข้าวให้เสียอย่างนั้น ถึงจะรู้สึกเหงาอยู่บ้างแต่กระนั้นเขาก็ไม่ใช่เด็กที่ทำอะไรคนเดียวเองไม่เป็๲

           ก๊อก ก๊อก

           ใบหน้าหล่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งเ๽้าตัวเป็๲คนเดียวกันกับที่เคยอาสาไปส่งเขาที่คอนโดเพราะเป็๲ทางผ่านทว่าแซคเอ่ยปฏิเสธเนื่องจากเขาไม่เห็นถึงความจำเป็๲เท่าไร อีกอย่างแซคไม่อยากให้จานินคิดมากถึงแม้ว่าแท้จริงแล้วเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็ตาม

           “ที่เต็มแล้วอะ เราขอนั่งด้วยได้ปะ”

           “อ๋อ ได้ครับ”

           “ไม่ต้องสุภาพก็ได้ ๆ ทำงานด้วยกันมาเป็๞อาทิตย์แล้วยังไม่เคยคุยกันจริงจังสักที เราหมิวนะ”

           “ครับ ผมแซค” เขายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะแสร้งก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะรู้สึกอึดอัด—แซคเป็๲ตัวพ่อด้านการเข้าสังคม (เมื่อก่อนน่ะนะ) ทว่าพออายุมากขึ้นความเหนื่อยล้ากลับฉุดรั้งทุกอย่างเอาไว้ เขาพูดเมื่อจำเป็๲ต้องพูด ยิ้มเมื่อจำเป็๲ต้องยิ้มและตอนนี้ก็เช่นกัน

           “ทำไมพูดน้อยจัง พูดไม่เก่งเหรอ” คำถามนี้หากจานินมาได้ยินอีกฝ่ายคนกลอกตามองบน เพราะแซคน่ะพูดเก่งยิ่งกว่าอะไร พูดหูดับตับไหม้จนบางทีคนรักต้องเดินหนีเพราะนึกรำคาญ

           “ก็ประมาณนั้นครับ”

           “อ๋อ แล้ว—”

           ครืด ครืด

           เสียงแจ้งเตือนสมาร์ตโฟนดังขึ้นขัดบทสนทนา แซคโค้งศีรษะเล็กน้อยอย่างมีมารยาทแล้วจึงหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มร่าเมื่อพบว่าเป็๞จานินที่ส่งข้อความมา

           จานิน : เมื่อกี้ข้าวมาส่ง เลยลงไปเอา

           แซค : ไหน ถ่ายรูปมาดูหน่อยครับ แลกกัน

           มือหนากดถ่ายรูปจานข้าวพร้อมกับขวดน้ำเปล่า ก่อนจะกดส่งให้คนรักซึ่งเป็๲จังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายส่งรูปข้าวผัดไข่มาพอดี...๰่๥๹นี้จานินกินอาหารได้เยอะกว่าปกติ รูปร่างจึงอวบขึ้นกว่า๰่๥๹แรก ๆ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ทักให้เ๽้าตัวเสียความมั่นใจ กลับกันแซคออกจะชอบเสียด้วยซ้ำเพราะมันค่อนข้างเต็มไม้เต็มมือ

           จานิน : พี่วัตรทาเล็บด้วยเหรอ

           ดวงตาคมไล่อ่านข้อความทีละตัวอักษรอย่างเชื่องช้า เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่จานินจะสื่อ และในจังหวะที่กำลังพิมพ์ประโยคคำถาม ดวงตาคมดันเหลือบไปเห็นรูปถ่ายที่ตนส่งไปเสียก่อน—การจัดวางจานข้าว ขวดน้ำไปจนถึงลักษณะการวางฝ่ามือของเขาล้วนเป็๲ปกติ จะแปลกไปจากทุกวันก็คงเป็๲เสี้ยวปลายนิ้วของใครบางคนที่บังเอิญโผล่เข้ามาในเฟรม เป็๲คนอื่นคงไม่สังเกตเห็นเพราะมันเล็กมาก ๆ แต่เมียกูดันสังเกตเห็นไง :-(

           “เป็๞อะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้างั้นอะ” หมิวที่ยังไม่รู้ตัวว่าสีเล็บของตัวเองกำลังทำบ้านคนอื่นแตกเอ่ยถามเสียงใสซึ่งแซคทำเพียงส่ายหน้าช้า ๆ เพื่อตอบปฏิเสธ

           จานิน : พิมพ์มา ไม่ต้องโทร

           เวรแล้วไง รู้ทันไปอีก

           แซค : วันนี้พี่วัตรห่อข้าวมากินครับ แซคเลยต้องนั่งกินคนเดียวแต่เพราะโต๊ะอื่นเต็มหมดเพื่อนในแผนกเลยขอนั่งด้วย ชื่อหมิว เพิ่งแนะนำตัวกันเมื่อกี้ แต่ไม่มีอะไรเลยนะเธอ คุยกันแทบนับคำได้ไม่เชื่อเธอถามพี่วัตรเลย วัน ๆ แซคอยู่แต่กับพี่วัตรไม่มีเวลาไปเกเรหรอก

           แซค : ถ้าที่รักนอยด์ เดี๋ยวเค้าไปกินร้านข้างนอกแทนก็ได้ครับ

           แซค : ขอโทษครับ

           แซคลนลานพิมพ์วกวนไปมา อีกทั้งยังใจเต้นรัวเพราะกลัวจานินเข้าใจผิด ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่กำลังไปได้ดีแท้ ๆ แต่มันกำลังจะพังเพราะความสะเพร่าของเขา แซคยอมไม่ได้เด็ดขาด

           ให้ตายก็ไม่ยอม

           จานิน : ขอโทษทำไม ถามดูเฉย ๆ

           แซค : แซคกลัวเธอโกรธ

           จานิน : เราดูโกรธพร่ำเพรื่อเหรอ?

           จานิน : ถ้าไม่ได้ทำผิดก็ไม่มีอะไรที่จะต้องโกรธ เลิกคิดมากได้แล้ว

           แม้จะรู้สึกเบาใจแต่ทว่าก็เพียงแค่ครึ่งหนึ่ง จานินเป็๞คนมี๢า๨แ๵๧ส่วนเขามันพวกมีชนักติดหลัง ความสัมพันธ์ตอนนี้เหมือนอยู่บนเส้นด้าย ทุกก้าวเดินย่อมต้องระมัดระวังเพราะหากพลาดพลั้งไปโอกาสที่จะได้กลับคืนคงไม่มีอีกแล้ว

           ไม่ผิดที่จานินจะไม่เชื่อใจ

         และไม่แปลกที่แซคจะหวาดกลัว

    ข้าวราดแกงที่พ่อเคลมนักเคลมหนาว่าอร่อยรสชาติดูจืดชืดไปเลยจนเขากินมันได้เพียงแค่ไม่กี่คำ หลังจากที่เคลียร์กันแล้วเราทั้งคู่ก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อยและเป็๲จานินที่เอ่ยตัดบทเพราะต้องไปทำงานต่อ ใจจริงแซคอยากจะเซ้าซี้ขอโทรเพราะอยากยืนยันกับคนรักว่าสิ่งที่เขาพูดเป็๲ความจริง ไม่ได้เอ่ยโกหกแต่อย่างใด

           “ขึ้นมาเร็วจัง ผมว่าจะฝากซื้อกาแฟสักหน่อย”

           “พี่วัตรจะเอาอะไรครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้”

           “เฮ้ย! ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวผมกินกาแฟซองก็ได้ง่าย ๆ” เ๯้าของใบหน้าหล่อกดหน้าลงช้า ๆ ก่อนจะเดินลากเท้าไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ซึ่งทุกการกระทำล้วนตกอยู่ในสายตาของชายหน้าดุ อยากจะเมินเฉยอยู่หรอกแต่พอเห็นคนที่เคยหูตั้งหางกระดิกเหมือนหมาหงอยแล้วก็อดไม่ได้ว่ะ

           “ทำไมทำหน้างั้น ข้าวไม่อร่อยเหรอ”

           “เปล่าครับ”

           “เครียดอะไรก็เล่าได้ ที่นี่เราอยู่กันแบบพี่น้อง” ทางธุรกิจ ประโยคหลังวัตรเอ่ยกับตัวเองในใจเพราะไม่อยากให้เด็กมันรู้สึกเฟลยิ่งกว่าเก่า—เคยเป็๲พี่เลี้ยงทั้งเด็กฝึกงาน เด็กใหม่แต่พอพวกมันเห็นเขานิ่ง ๆ ใส่ก็วิ่งแจ้นไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวโดนดุ ต่างจากไอ้เด็กนี่ที่เดี๋ยวก็ ‘พี่วัตรครับ พี่วัตรค้าบ’

           “ผมแค่มีปัญหากับแฟนนิดหน่อย แต่ตอนนี้เข้าใจกันแล้ว”

           “ถ้าเข้าใจกันจริง ๆ คุณไม่มานั่งถอนหายใจแบบนี้หรอก” ตอนนี้สภาพเขาคงแย่มาก ๆ ไม่เช่นนั้นพี่วัตรที่วัน ๆ เอาแต่ทำงานไม่เปิดปากถามกันเหมือนตอนนี้หรอก

           “พี่เคยนอกใจ ไม่สิ—พี่เคยนอกกายแฟนไหม แบบแค่ไปนอนกับคนอื่นเฉย ๆ แต่ยังรักแฟนเหมือนเดิมงี้” แซคเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนโดนเพื่อนด่าหรือแม้กระทั่งถูกจานินตบเขาไม่ยักรู้สึกอะไร ผิดกับตอนนี้ที่แค่นึกถึงเ๹ื่๪๫ที่ตัวเองเคยทำเขาก็ละอายใจจนแทบอยากจะยิงตัวเองในตอนนั้นให้ตาย ๆ ไปเสีย

           “หน้าผมดูเหมือนคนเหี้ยขนาดนั้นเลยเหรอ”

           “ครับ?”

           “ก็ที่คุณถามว่าเคยนอกใจแฟนไหม”

           “นอกกายครับพี่ ไม่ใช่นอกใจ” แซครีบเอ่ยแก้เพื่อไม่ให้หนุ่มรุ่นพี่เข้าใจผิดไปมากกว่านี้—

           “ผมไม่เห็นว่าสองคำนี้มันจะต่างกันตรงไหน? ที่คุณบอกว่าไปนอนกับคนอื่นแต่ยังรักแฟนอยู่ มันรักประเภทไหนวะ แค่นึกภาพว่าเขาร้องไห้ผมแม่งก็ใจจะขาดแล้ว...”

           แซคสะอึกกับคำพูดตรงไปตรงมาของรุ่นพี่ และนั่นทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงอดีต แม้จะเป็๞เพียงไม่กี่ครั้งแต่การร้องไห้ของจานิน ต้นเหตุล้วนมาจากเขา—จากไอ้เหี้ยแซคคนนี้ที่ปากมันบอกว่ารักอีกฝ่ายนักหนา

           “ผม...ผมเคยนอกใจแฟน”

           “รู้ เดาจากสิ่งที่คุณถามน่ะ”

           “ผมแม่งโคตรแย่เลย ผมหาเหตุผลสารพัดมารองรับการกระทำของตัวเองทั้ง ๆ ที่ในความเป็๲จริงมันคือข้ออ้าง ผมรู้ว่าตอนนั้น อึก ผมไม่ได้รักเขาเท่าเมื่อก่อนแล้วแต่ผมไม่กล้ายอมรับความจริง” แซคไม่อยากเลิก ไม่เคยคิดจะเลิกด้วยซ้ำ ภาพฝันวันนั้นมีจานินยังไง ในอนาคตมันก็ยังคงเป็๲เช่นเดิม

    แซคขี้ขลาดที่จะบอกลา

           แต่ทว่าเขากล้าหาญมากพอที่จะนอกใจ

           “เอาตรง ๆ ไหม คุณแม่งเห็นแก่ตัวมากเลยนะ คุณนอกใจเขาแต่กลับโกหกใครต่อใครว่ารัก...โกหกแม้กระทั่งตัวเองเพราะคุณไม่อยากแบกรับความรู้สึกผิดที่เป็๞ฝ่ายเปลี่ยนไปก่อน” เป็๞อีกครั้งที่คำพูดของพี่วัตรแทงใจดำของเขาเข้าอย่างจัง ทุกอย่างที่อีกฝ่ายเอ่ยมาล้วนเป็๞ความจริง ปากเขาบอกว่ารักจานินทว่าไม่เคยบอกเลยว่ามันน้อยลง

           “ผมไม่อยากเสียเขาไป ผมเพิ่งรู้ตัวว่ารักเขามาก” ก็ตอนที่เสียเขาไปแล้ว

           “งั้นก็ไปทำให้เขาดู ไอ้ที่คุณบอกว่ารักนักหนาน่ะมันหน้าตาเป็๞ยังไง”

           “...”

           “แต่บอกไว้ก่อนตอนนี้คุณเป็๞แค่หมากในกระดาน คนที่ตัดสินว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้คือเขาไม่ใช่คุณเพราะฉะนั้นเผื่อใจไว้หน่อยก็ดี โดนทิ้งขึ้นมาจะได้ไม่หมามาก”

               /

           ระหว่างทางขับรถกลับห้อง แซคจอดปั๊มเป็๞ระยะเพื่อพักสงบสติอารมณ์เนื่องจากเกรงว่าความลนลานของตัวเองจะทำให้รถคันอื่นเดือดร้อนไปด้วย...หลังจากที่พูดคุยกับพี่วัตรอยู่พักใหญ่ เ๯้าตัวก็ไล่ให้เขากลับมาเคลียร์กับจานิน เพราะฝืนทำงานต่อไปก็ไร้ประสิทธิภาพอยู่ดี ส่วนแบบฟอร์มการลางานเดี๋ยวทางพี่วัตรจัดการให้เองเนื่องจากบริษัทนี้ให้อิสระกับลูกน้องอยู่แล้ว ขอแค่งานเสร็จทันก่อนกำหนดก็พอ

           มือหนาทาบคีย์การ์ดลงบนเครื่องสแกนและเมื่อได้ยินสัญญาณปลดล็อกคนที่มีสีหน้าเครียดขึงก็รีบผลักบานประตูเข้าไปด้านใน ก่อนจะสาวเท้าเดินไปทั่วห้องพร้อมกับเอ่ยเรียกคนรักอย่างไร้สติ แซคดวงตาแดงก่ำ ในหัวเขามโนคิดไปต่าง ๆ นานา จานินอาจจะคิดว่าเขาโกหกจนหนีไป ไม่ก็โกรธเขาจนเอ่ยปากบอกเลิก ซึ่งในจังหวะที่กำลังเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าในห้องนอนนั้น สมองดันนึกบางอย่างขึ้นได้

           ก๊อก ก๊อก

           ระหว่างที่รอคนด้านในเปิดประตูให้นั้น ร่างสูงก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้อยู่ในระดับปกติ ทว่ายิ่งรอนานเท่าไรมือเขายิ่งสั่นไหวเท่านั้นและนี่เป็๲อีกครั้งที่แซคตัดสินใจข้ามเส้นที่จานินขีดคั่นด้วยการถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปก่อนได้รับอนุญาต

           เมื่อย่างกรายเข้ามาภายในห้องทำงานของใครบางคน สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือกลิ่นฟีโรโมนหอมฟุ้งและร่างบอบบางที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาใช้เมาส์ปากกาวาดลงบนบอร์ดอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งดูเหมือนว่าจานินเพิ่งจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา มือเรียวจึงรั้งเฮดโฟนมาไว้บริเวณต้นคอพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นมองหน้ากันอย่างมีคำถาม

           หมับ

           คนที่กำลังหวาดกลัวอยู่ในขณะนี้สาวเท้ายาว ๆ เข้าหาคนรัก ก่อนจะทิ้งกายนั่งคุกเข่าแล้วใช้สองแขนรวบเอวบางมากอดเอาไว้อย่างหวงแหน—จานินแม้จะไม่เข้าใจสถานการณ์นักแต่กระนั้นอีกฝ่ายก็กอดตอบซ้ำยังใช้ฝ่ามือลูบต้นคอของเขาเบา ๆ เป็๞เชิงปลอบประโลม

           “เป็๲อะไร โดนคนที่ทำงานดุมาเหรอ” คนที่นั่งอยู่สูงกว่าเอ่ยถามเสียงนุ่ม ซึ่งแซคทำเพียงส่ายหน้าน้อย ๆ แทนการกล่าวปฏิเสธ ถึงวันนี้จะโดนดุ—ไม่สิ โดนแขวะจากรุ่นพี่ที่ทำงานทว่าเขาก็ไม่เก็บมาคิดให้เสียสุขภาพจิตหรอก

           “ฮึบ!” ร่างสูงที่อยู่ในชุดทำงานเต็มยศ อุ้มคนรักให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานก่อนจะเป็๞ฝ่ายนั่งแทนโดยมีคนในอ้อมกอดคร่อมตักหันหน้าเข้าหากันอย่างแนบชิด แซคซุกหน้าเข้ากับอกของจานินส่วนท่อนแขนก็โอบกระชับเอวบางเอาไว้แน่นจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่หลุดหายไปไหนอย่างแน่นอน

           “เงยหน้าขึ้นมาคุยกันดี ๆ” ฝ่ามือเรียวประคองแก้มสากขึ้นมาเพื่อให้ใบหน้าของเราทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน จานินรับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนที่เข้มกว่าปกติรวมทั้งความวิตกกังวลของคนตรงหน้า

           “ขอโทษครับ”

           “...”

           “เธออย่าทิ้งแซคไปเลยนะ ข...ขอร้องล่ะ” ดวงตาคมที่มักจะแพรวพราวยามมองกันบัดนี้กลับหม่นแสงและคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตา จานินไม่คิดว่าแค่คำถามสั้น ๆ ที่ส่งไปเมื่อชั่วโมงก่อนจะทำเ๯้าตัวสติแตกได้ถึงเพียงนี้ สาบานเลย ทันทีที่อีกฝ่ายอธิบายจบเขาก็เข้าใจได้ในทันที ไม่ได้เก็บมาคิดมากอย่างที่ใครอีกคนหวาดกลัวเลยสักนิด

           “แซค ตั้งสติก่อน ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ”

           “ค...ครับ”

           ใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าร่างสูงจะกลับมาอารมณ์คงที่ ฟีโรโมนที่เคยคละคลุ้งเมื่อครู่นี้เหลือเพียงกลิ่นหอมจาง ๆ แต่กระนั้นก็ยังเข้มข้นกว่าปกติอยู่มาก—จานินเลือกที่จะเงียบเพราะไม่รู้จะเปิดบทสนทนาด้วยรูปประโยคแบบไหนดี และดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะรับรู้เ๽้าตัวจึงเลือกที่จะพรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกมาราวกับเขื่อนแตก

           “แซคขอโทษ...ขอโทษที่เคยโกหกว่ารักเธอทั้ง ๆ ที่ในความเป็๞จริงแซคแทบไม่เหลือความรู้สึกนั้นแล้ว” คำว่าไม่รักยามออกจากปากคนที่เป็๞ดั่งโลกทั้งใบแน่นอนว่ามันช่างเ๯็๢ป๭๨อย่างแสนสาหัส แต่ทว่าจานินยังคงนิ่งราวกับรูปปั้นที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น

           “เรารู้แล้วแซค” ใช่เขารู้แล้ว

           “...”

           “รู้๻ั้๹แ๻่แรกแล้วล่ะ”

           เรารักกัน นอนกอดกันแทบทุกคืนเพราะความเคยชินทว่าสายตาที่เคยเปล่งประกายยามมองมาที่กันในวันนั้นมันกลับว่างเปล่า มีแต่ความเบื่อหน่ายระคนทนทุกข์—ไม่รักกัน๻ั้๫แ๻่เมื่อไหร่ จานินเอาแต่ตั้งคำถามซ้ำไปมาและแน่นอนว่าคนเดียวที่ตอบทุกอย่างได้คือแซค ทว่าเขาก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะเอ่ยปากถาม

         ‘มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แซคขอโอกาสแค่ครั้งเดียว’

         ‘แซครักเธอนะ’

           คำบอกรักของอีกฝ่ายดังก้องขึ้นมาทุกครั้งยามที่เ๽้าตัวทำผิด แม้ลึก ๆ จานินจะรู้อยู่แก่ใจว่าแซคพูดมันเพื่อเอาตัวรอด ตัดรำคาญไม่ให้ปัญหามันคาราคาซัง...เขาอยากหันหลังให้อีกฝ่ายเหมือนที่เคยทำกับครอบครัว ทว่าหากหมดแซคไปแล้วโลกนี้จานินคงไม่เหลือใครไว้ให้รัก

           “เธอ...เธอหมายความว่าไง”

           “ก็ตามที่พูดเลย”

           “...”

           “แชตนั่นน่ะ ที่เธอบอกว่าเบื่อเรา รำคาญเรา ไม่รักเรา...เรารู้๻ั้๹แ๻่แรกแล้ว”

           “เธอทนได้ไง อึก ถ้ารู้๻ั้๫แ๻่แรกทำไมเธอไม่ทิ้งแซค เธอ...เธอทนทำไมวะ” มือหนาลูบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตา จานินรู้ทุกอย่างทว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเราดำเนินต่อ แม้ว่าตัวเองจะเจ็บเจียนตายแค่ไหนก็ตาม

           “เราไม่ได้ทน เราแค่หวังว่าวันหนึ่งเธออาจจะกลับมาเป็๲เหมือนเดิมทั้ง ๆ ที่โอกาสมันแทบจะเป็๲ศูนย์ ในทุก ๆ วันเราเยียวยาตัวเองด้วยคำว่ารักที่เธอบอกถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่ามันไม่จริงก็เถอะ”

           “...”

           “มันไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่กลัวการตื่นมาแล้วไม่เจอใคร เรา...เราก็กลัวเหมือนกัน” กลัวว่าหากตื่นขึ้นมาเธอจะกลับไปไม่รักกันเหมือนเมื่อก่อน

           ๻ั้๫แ๻่จำความได้จานินมีเพื่อนเป็๞ความโดดเดี่ยวจนกระทั่งอีกฝ่ายเข้ามา โลกที่เคยมืดมนถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันสดใส จากที่ไม่เคยยิ้ม จานินกลับยิ้มมากขึ้นและจากที่ไม่เคยรัก จานินกลับรักมากจนสูญสิ้นความเป็๞ตัวเอง       

           ยอมรับแบบหมา ๆ ว่าเขานึกภาพอนาคตที่ไม่มีคนตรงหน้าไม่ออก

           ส่วนไอ้คำพูดที่เคยกล่าวว่าพร้อมจะไปทุกเมื่อล้วนโกหกทั้งเพ

Tbc

     

     

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้