“เย่เฟิง เป็เ้าจริง ๆ ด้วย!” หนานกงอวี่กล่าวด้วยความดีใจ ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาตื่นเต้น
“ข้าเอง”
ใบหน้าของเย่เฟิงเปื้อนรอยยิ้มเช่นกัน เมื่อเย่เฟิงพบหน้าหนานกงอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึง่เวลาในวัยเด็กที่อาศัยอยู่ในตระกูลหนานกง
เวลานั้นเย่เฟิงคือคนต่างแซ่ มักจะถูกเซียวเจี๋ย หนานกงิ และคนอื่น ๆ ข่มเหงรังแก แต่มีเพียงหนานกงอวี่ที่ดีกับเขาและคอยปกป้องเขามาตลอด
“ไม่พบกันนาน เ้าสบายดีไหม?”
เย่เฟิงเอ่ยถามหนานกงอวี่ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ได้พบกันมานานถึง 4-5 ปี
“สบายดี ข้าฝึกที่สำนักมาตลอด ในที่สุดปีนี้ก็ได้กลับบ้าน แต่กลับถูกจับขังคุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ” หนานกงอวี่พยักหน้าพลางยิ้มจาง ๆ
“ช่างเถอะ ไม่คุยเื่พวกนี้แล้ว พวกเขาไม่หวังว่าข้าจะมาปรากฏตัวที่บ้าน ฉะนั้น ต่อไปข้าก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”
หนานกงอวี่ส่ายหัวเล็กน้อย เขานั้นค่อนข้างจนใจกับการต่อสู้แย่งชิงภายในตระกูล จึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
“จริงสิ เย่เฟิง ตอนนี้เ้าร้ายกาจมากนักนะ ข้าได้ยินมาว่าเ้าไม่เพียงแต่ชิงอันดับที่หนึ่งแห่งงานชุมนุมหวงปั่งของปีนี้ แต่ยังเอาชนะเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในการประลองยุทธ์เลือกคู่จนชิงตำแหน่งราชบุตรเขตมา ทั้งยังถูกองค์าาแต่งตั้งเป็คังผิงโหวอีก ผู้คนต่างอิจฉาเ้ากันถ้วนหน้า”
หลังจากหนานกงอวี่สลัดเื่ทุกข์ใจเ่าั้ทิ้งไปก็กล่าวกับเย่เฟิงเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาได้ยินเื่ต่าง ๆ นานาของเย่เฟิงก็รู้สึกดีใจแทนเย่เฟิง
“ก็แค่ดวงดีน่ะ” เย่เฟิงกล่าว
“แม่นางท่านนี้คือ?”
ขณะนั้นหนานกงอวี่หันไปมองจ้าวซินอี๋ เมื่อเห็นความสวยของจ้าวซินอี๋ เขาก็อดรู้สึกชื่นชมในความสวยของนางไม่ได้ ความชื่นชมนี้ล้วนบริสุทธิ์และเรียบง่าย ไร้ซึ่งความคิดสกปรกเฉกเช่นใครหลาย ๆ คน
“ท่านนี้คือองค์หญิงจ้าวซินอี๋” เย่เฟิงแนะนำจ้าวซินอี๋ให้หนานกงอวี่ได้รู้จัก
หนานกงอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ต้องใ คล้ายคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่สวยราวกันเทพธิดาผู้นี้จะเป็องค์หญิงซินอี๋ผู้เป็หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแดนชิงอวิ๋น เมื่อเผชิญหน้ากับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ หนานกงอวี่ก็รีบโค้งคำนับจ้าวซินอี๋ทันทีโดยที่ไม่กล้าทำตัวเฉยชา “ข้าน้อยหนานกงอวี่ขอคารวะองค์หญิง”
“เ้าคือสหายเย่เฟิง ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
จ้าวซินอี๋กล่าวพร้อมประคองหนานกงอวี่ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใส ทั้งยังไม่วางมาดขององค์หญิง
“ขอบคุณองค์หญิง!”
หนานกงอวี่ลุกขึ้นยืน และรู้สึกดีต่อจ้าวซินอี๋เป็อย่างมาก ในความประทับใจของเขา องค์หญิงของอาณาจักรหนึ่งน่าจะหยิ่งผยองถึงจะถูก แต่การกระทำของจ้าวซินอี๋กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจ
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาจับเ้าขังคุกเพราะเ้าขโมยความลับของตระกูลหนานกง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เมื่อเย่เฟิงนึกถึงคำพูดนั้นของหนานกงเฉิน จึงถามหนานกงอวี่เช่นนั้น
“ในฐานะคนของตระกูลหนานกง ข้าหนานกงอวี่จะอกตัญญูได้อย่างไร เป็ไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะทำสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ของตระกูล”
หนานกงอวี่ได้ยินคำถามของเย่เฟิงก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“เื่เป็แบบนี้ ข้าฝึกที่สำนักมาตลอดและเกิดความรู้สึกดี ๆ กับศิษย์น้องคนหนึ่ง กระทั่งคุยกันถึงเื่แต่งงาน ในตอนที่ข้าไปเยี่ยมเยียนครอบครัวของศิษย์น้อง ข้ากลับไม่สู่ขออย่างเป็ทางการ จึงไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวของศิษย์น้อง”
หนานกงอวี่ดูเศร้าซึมลงเล็กน้อย จากนั้นพูดต่อไปว่า “ที่ข้ากลับบ้านครั้งนี้ก็เพื่อมาเอามุกิญญาที่พ่อข้าทิ้งไว้ให้ก่อนจากไป เพื่อนำไปเป็ของขวัญในการสู่ขอศิษย์น้อง แต่ใครเล่าจะรู้ว่ามุกิญญานั้นถูกท่านลุงยึดไป พอข้าไปเอาคืนจากท่านลุง ท่านลุงกลับคุมตัวข้ามาขังไว้ในคุกตามอำเภอใจ มิหนำซ้ำยังโยนความผิดมาให้ข้า ข้อหาขโมยของในตระกูลอีก”
น้ำเสียงของหนานกงอวี่แฝงความโมโห พอพูดจบก็ทอดถอนใจอีกครั้ง
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าหนานกงอวี่จะเจอเื่แบบนี้ จากนั้นถามต่อไปว่า “ตอนนี้เ้าวางแผนจะทำอะไร?”
“อีกเจ็ดวันจะเป็งานวันเกิดของท่านพ่อศิษย์น้อง ข้าอยากไปสู่ขอศิษย์น้องในวันนั้น ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่” หนานกงอวี่กล่าวด้วยท่าทีไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนเองสักเท่าไร
“การที่ได้เจอคนในดวงใจย่อมพลาดไม่ได้ ข้าจะช่วยเ้าทวงมุกิญญากลับคืนมา แต่มุกิญญาเป็สิ่งที่ท่านอาสามทิ้งไว้ ฉะนั้นเ้าต้องพกติดตัวไว้ตลอด ส่วนเื่ของขวัญที่จะนำไปสู่ขอ ข้าจะจัดการแทนเ้าเอง” เย่เฟิงกล่าวเช่นนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างหนานกงอวี่และเย่เฟิงดีมาโดยตลอด อีกอย่างเย่เฟิงถูกอาสามแห่งตระกูลหนานกงเลี้ยงดูมาั้แ่เด็ก ตอนนี้เย่เฟิงย่อมต้องช่วยหนานกงอวี่อย่างสุดความสามารถ
“จะให้เ้าช่วยเื่ของขวัญได้อย่างไรกันเล่า?” หนานกงอวี่ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม โดยที่เขาไม่อยากพึ่งพาคนอื่น
“เกรงใจอะไรกันเล่า?”
เย่เฟิงไม่สนใจคำพูดของหนานกงอวี่ จากนั้นก็ตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ “เื่นี้เ้าไม่ต้องเป็กังวล แต่ว่าข้าอยากรู้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับครอบครัวศิษย์น้องของเ้า”
ดวงตาของหนานกงอวี่สั่นไหวเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าเย่เฟิงถามคำถามพวกนี้ไปทำไม แต่เขาก็บอกข้อมูลของครอบครัวศิษย์น้องให้เย่เฟิง
ตามที่หนานกงอวี่เล่ามา ศิษย์น้องของเขามีนามว่าลู่เหยา เป็ธิดาของผู้นำตระกูลลู่แห่งเมืองชิงโจว หญิงผู้นี้มีอายุ 16 ปี มีหน้าตาสะสวย จึงได้รับการขนานนามว่าเป็หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงโจว
ชายหนุ่มจากกองกำลังต่าง ๆ ของเมืองชิงโจวต่างรักใคร่ชื่นชมลู่เหยา กระทั่งในสำนักของตนก็ยังมีชายหนุ่มมากฝีมือไล่ตามอย่างไม่ขาดสาย แต่ลู่เหยากลับไม่สนใจชายหนุ่มเ่าั้ที่ไล่ตามนาง นางสนใจเพียงหนานกงอวี่เท่านั้น
เย่เฟิงได้ยินเช่นนี้กลับรู้สึกชื่นชมลู่เหยาที่หนานกงอวี่เอ่ยถึง ผู้หญิงที่ไม่มองชายใดนอกจากคนรักนั้นพบเห็นได้น้อยมาก ไม่คิดเลยว่าหนางกงอวี่จะพบเจอคนดี ๆ เช่นนี้
อย่างไรก็ตามลู่เหยามีฐานะสูงส่ง เป็ผู้หญิงสวยงดงาม ดังนั้นหนานกงอวี่จึงถามตัวเองว่าคู่ควรกับอีกฝ่ายหรือไม่ และยังไม่มีความมั่นใจในการจะไปสู่ขอในครั้งนี้
“เป็เช่นนี้นี่เอง”
เย่เฟิงพยักหน้าให้หนานกงอวี่ “อีกเจ็ดวัน ข้าจะไปที่เมืองชิงโจวเป็เพื่อนเ้า เพื่อช่วยเ้าในการสู่ขอครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง”
หนานกงอวี่ได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็เผยสีหน้าปลื้มปีติ “หากเ้าไปกับข้าได้ นั่นย่อมดีที่สุด”
“ดี งั้นตกลงตามนี้ ข้าจะช่วยเ้าทวงมุกิญญากลับคืนมา อีกเจ็ดวันข้าจะมาหาเ้า” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้ม เขาคุยกับหนานกงอวี่อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็แยกกับหนานกงอวี่ และมุ่งหน้าสู่เรือนพักของปู่ใหญ่หนานกง
บัดนี้ตัวตนของเย่เฟิงถูกประกาศไปทั่วทั้งตระกูลหนานกง ทำให้เย่เฟิงเดินเหินในตระกูลหนานกงได้อย่างราบรื่น ไร้ซึ่งอุปสรรคใด ๆ
เมื่อปู่ใหญ่หนานกงเห็นผู้มาเป็เย่เฟิง เขาก็ดูหวาดผวาทันที คิดว่าเย่เฟิงจะมาสร้างความลำบากใจให้เขา สีหน้าของเขาจึงดูตื่นตระหนกเล็กน้อย
เย่เฟิงไม่พล่ามไร้สาระใด ๆ กับปู่ใหญ่หนานกง เขาพูดเื่มุกิญญาตรง ๆ แล้วมีหรือที่ปู่ใหญ่หนานกงจะกล้าชักช้า เขาจึงรีบส่งมุกิญญาให้เย่เฟิงอย่างไม่ลังเล
หลังจากที่เย่เฟิงได้มุกิญญาก็ไม่รั้งอยู่ที่นี่ต่อ เขากลับไปหาหนานกงอวี่และส่งมุกิญญาคืนให้ จากนั้นเขาออกจากตระกูลหนานกงพร้อมกับจ้าวซินอี๋
แม้เย่เฟิงจะไม่เคยไปเมืองชิงโจว แต่เขาก็รู้จักเมืองนี้ในระดับหนึ่ง
เมืองชิงโจวมีความเจริญรุ่งเรืองเป็อันดับสองของไท่โยวเก้าเขต รองจากเมืองไท่โยวที่เป็ศูนย์กลางของไท่โยวเก้าเขต ทว่ากองกำลังของเมืองชิงโจวนั้นมีจำนวนมากกว่าเมืองโยวโจวหลายเท่า ทั้งยังสลับซับซ้อนมากกว่า
ซึ่งตระกูลลู่เป็ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงโจว มีขอบเขตอิทธิพลขนาดใหญ่ มิใช่ตระกูลหนานกงจะทัดเทียมได้
อาจกล่าวได้ว่าศิษย์น้องคนนี้ของหนานกงอวี่คือธิดาของตระกูลมั่งคั่งและทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง หากหนานกงอวี่แต่งงานกับลู่เหยาสำเร็จ เช่นนั้นก็จะไม่มีผู้ใดมาดูิ่นายน้อยตระกูลหนานกงอย่างเขาได้อีก
เย่เฟิงและจ้าวซินอี๋ออกจากตระกูลหนานกง แต่พวกเขาแวะที่โรงเตี๊ยมก่อน เพื่อรวบรวมลูกน้องเ่าั้ของเขาอีกครั้ง
