หลังจากออกไปทางประตูหลัง มู่อวิ๋นจิ่นก็ปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่อย่างเงียบ ๆ และซ่อนตัวอยู่บนนั้น เพื่อมองดูร่างที่เดินไปมาด้านล่าง
หลังจากนั้นไม่นาน มู่อวิ๋นจิ่นก็เห็นป้าหลี่ที่ประตูด้านหลังทำท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปก็หันหน้าหันหลังวุ่นวาย แล้วเดินเข้าไปยังซอยเปลี่ยวด้านหน้าในที่สุด
เมื่อเห็นฉากนี้ มู่อวิ๋นจิ่นก็ยิ้มก่อนจะะโลงจากต้นไม้ แล้วเดินตามป้าหลี่ไปเงียบ ๆ
เมื่อติดตามป้าหลี่ไปตลอดทาง มู่อวิ๋นจิ่นพบว่าป้าหลี่จงใจเดินอ้อม หลังจากผ่านตรอกไปแล้วก็เป็เส้นทางที่เงียบสงบรกร้าง มู่อวิ๋นจิ่นรู้ในทันทีว่าป้าหลี่กำลังเดินตรงไปยังวังหลวง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ นางก็ไม่รอช้า ทำทีเดินไปข้างหลังป้าลี่ และใช้สันมือซัดเข้าที่ท้ายทอยของหญิงชรา หลังจากนั้นป้าหลี่ก็สลบเหมือดล้มลงไป
หลังจากป้าหลี่หมดสติไป มู่อวิ๋นจิ่นก็ค้นตัวป้าหลี่จนพบกับกระดาษแผ่นน้อยๆ อยู่ในแขนเสื้อของนาง
เมื่อเห็นเนื้อหาในนั้น ใบหน้าของมู่อวิ๋นจิ่นก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม ก่อนจะกำมันแน่น
แน่นอนว่าสองแม่ลูกยังคงไม่สงบ!
เมื่อมองไปที่ป้าหลี่ที่นอนอยู่บนพื้น ดวงตาของมู่อวิ๋นจิ่นก็ตระหนักได้ว่าป้าหลี่ผู้นี้ร่วมมือกับซูปี้ชิงทำเื่ที่ร้ายกาจไว้มากมาย ถึงคราวที่นางต้องได้รับความทุกข์ทรมานบ้างแล้ว!
คิดได้เช่นนั้นมู่อวิ๋นจิ่นก็ฉีกเสื้อด้านนอกของป้าหลี่ออกเป็ชิ้น ๆ นำมันมามัดมือมัดเท้า และยัดผ้าบางส่วนเข้าไปปากของป้าหลี่ จากนั้นก็จัดการลากร่างหญิงชราไปตลอดทาง ก่อนจะก่อนลากเข้าไปทางประตูหลังจวนเสนาบดีมู่ ราวกับเป็สุนัขที่ถูกเลี้ยงไว้
หลังจากจัดการป้าหลี่แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินไปที่ห้องครัว…
…
พลบค่ำ อัครเสนาบดีได้สั่งให้คนเชิญมู่อวิ๋นจิ่นไปร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน
ที่โต๊ะอาหารซูปี้ชิงและมู่หลิงจู ช่วยมู่อวิ๋นจิ่นถือจานอาหารเป็ครั้งคราว และบอกให้มู่อวิ๋นจิ่นทานอาหารให้มาก
มู่เซี่ยโหรวที่นั่งอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสบตากับลั่วหนิงอวี๋แม่ของนาง ลั่วหนิงอวี๋มองฉากนั้นก็กินต่อโดยไม่พูดอะไร
“อวิ๋นจิ่นเ้าน้ำหนักลดไปมากแล้ว กินเยอะๆ เข้าไว้เล่า” ซูปี้ชิงพูดขณะช่วยมู่อวิ๋นจิ่นตักผักใส่จาน
มู่อวิ๋นจิ่นส่งยิ้มที่ไม่เป็พิษเป็ภัยให้กับซูปี้ชิง “ขอบคุณเ้าค่ะท่านแม่”
อาหารมื้อเย็นในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศปรองดองกลมเกลียว แม้กระทั่งอัครเสนาบดีมู่ก็ยังไม่เคยสบายใจเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว ภาพเบื้องหน้านี้หากมู่อวิ๋นหานอยู่ด้วยก็คงดีมิน้อย
“ท่านแม่ ท่านเอาแต่กังวลแต่เื่ข้ามาพักหนึ่งแล้ว ท่านเองก็กินบ้างเถอะ” มู่อวิ๋นจิ่นพูดพลางหยิบซี่โครงชิ้นหนึ่งยื่นใส่ในจานอาหารของซูปี้ชิง
ทันทีหลังจากนั้น นางก็ยื่นไก่อีกชิ้นหนึ่งส่งให้มู่หลิงจู่ “น้องสาวเองก็ทานเยอะ ๆ ล่ะ”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสองก็ลอบสบตากันแล้วยังส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ทัน และกินอาหารที่มู่อวิ๋นจิ่นตักมาอย่างให้เกียรติ
เมื่อเห็นฉากนี้ มู่อวิ๋นจิ่นก็หรี่ตาลงและยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอนกายลงบนเก้าอี้ แล้วค่อยๆ ลบน้ำยาสีแดงที่ทาเล็บไว้อย่างใจเย็น
หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของมู่หลิงจูและซูปี้ชิงที่ยังคงยิ้มอยู่ก็หม่นลง คิ้วของพวกนางมุ่นขมวด จากนั้นพวกนางก็ต่างพากันลูบท้องด้วยความไม่สบายใจลง
หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของซูปี้ชิงก็ดูซีดลง ก่อนที่นางจะวางตะเกียบและพูดกับอัครเสนาบดีมู่ว่า “ท่านพี่ ข้ารู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย ดังนั้นวันนี้ข้าขอหยุดทานเพียงแค่นี้”
คราวนี้ก็ถึงเวลาที่มู่หลิงจูเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในท้อง”
หลังจากพูดจบ ทั้งคู่ไม่รอให้อัครเสนาบดีมู่ตอบกลับก็สาวเท้าเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นฉากนี้อัครเสนาบดีมู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ
……
ภายในเรือนมวลบุปผา
“จื่อเซียงรีบมาช่วยข้าเช็ดออกเร็วเข้า ดูแล้วน่าเกลียดเหลือเกิน” มู่อวิ๋นจิ่นยื่นมือให้จื่อเซียงดูเล็บสีแดงของนาง ในขณะที่จื่อเซียงกำลังช่วยนางเกล้าผมและเสียบปิ่นปักผม
จื่อเซียงมองเล็บสีแดงที่ถูออกจนหน้าเล็บเสียไป กระทั่งอดพึมพำเสียมิได้ “คุณหนู น้ำยาสีแดง คุณหนูเพิ่งทาไปเมื่อบ่ายมิใช่หรือ?เหตุใดผ่านไปไม่ถึงวันจึงอยากลบออกแล้วเ้าคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่อวิ๋นจิ่นก็กะพริบตาให้จื่อเซียง “สิ่งนี้จะปกปิดผงสลอดที่ข้าซ่อนไว้ในเล็บ”
“วันนี้ซูปี้ชิงและมู่หลิงจู คงนอนหลับไม่เป็สุขตลอดค่ำคืนนี้”
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มและพูดด้วยสายตาเ้าเล่ห์ ในเมื่อสองคนนี้กล้าวางแผนต่อต้านนาง นางจะตอบแทนอย่างสาสมไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
หลังจากได้ยินคำพูดของมู่อวิ๋นจิ่น จื่อเซียงก็อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย “พวกเขาสมควรโดนแล้วเ้าค่ะ!”
“คราวนี้ไม่เพียงซูปี้ชิงและมู่หลิงจูสองแม่ลูกที่ถูกเล่นงานกลับ แต่ข้ายังรวบจัดการป้าหลี่ทีเดียวกันไปเลย ตอนนี้ป้าหลี่อยู่ดีมีสุขในคอกสุนัขไปแล้ว”
จื่อเซียงใมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นยกนิ้วโป้งให้มู่อวิ๋นจิ่น และอุทานว่า “คุณหนู ยอดเยี่ยมจริง ๆ เ้าค่ะ”
“นั่นสินะ” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
…
เช้าวันรุ่งขึ้นจื่อเซียงวิ่งเข้ามาในเรือนบุปผาภิรมย์ มองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ลานบ้าน ก่อนจะปิดปากและยิ้ม
“คุณหนู ทางจวนส่งหมอสองคนมารักษาต้าฟู่เหรินและคุณหนูสี่แต่เช้า ว่ากันว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งสองคนมีอาการท้องเสียมิหยุด และเช้านี้พวกนางก็หมดแรงจนทนไม่ไหว ก็สลบเหมือดล้มพับลงไปกับพื้นไปแล้วเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังดื่มโจ๊กถั่วแดงอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็วางชามลงก่อนจะเช็ดปากของตน “ไปดูเื่ที่น่าสนใจกันเถอะ”
“เ้าค่ะ”
ในขณะที่อัครเสนาบดีมู่ยังคงอยู่ในวัง มู่อวิ๋นจิ่นก็มาที่หอไป่ลั่ว ก่อนจะพบว่านอกจากหมอที่มาทำการรักษาก็มีสาวใช้สองสามคนในหอด้วย
หลังจากได้รับน้ำหวานเพื่อบรรเทาอาการแล้ว ในเวลานี้ซูปี้ชิงที่นอนหน้าซีดอยู่บนเก้าอี้นอนก็ฟื้นขึ้น มีเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาจากหน้าผากของนาง
.ท่านหมอ แม่ข้าเป็อย่างไรบ้าง” ทันทีที่มู่อวิ๋นจิ่นเข้าไปในห้องนอนของซูปี้ชิง นางก็ถามหมอถึงอาการของซูปี้ชิงทันที
หมอยืนขึ้นคำนับมู่อวิ๋นจิ่น จากนั้นพูดว่า “ฮูหยินทานปาโต้ว[1]*เข้าไปมิน้อย ทำให้ท้องเสียมิหยุด โชคยังดีที่พบเข้าั้แ่เนิ่น ๆ ขอเพียงต้มยาทานตามนี้เพื่อบำรุงร่างกาย ก็จะหายดีเป็ปกติขอรับ”
“ขอบคุณท่านหมอมาก ที่นี่อาจไม่สะดวกให้อยู่ต่อนาน ท่านหมอช่วยจัดยาให้ท่านแม่ของข้าด้วยเถอะ”
หมอพยักหน้าแล้วเดินออกไปพร้อมกล่องยาบนหลัง
“พวกเ้าไปรับยากับหมอ ข้าจะอยู่ที่นี่กับท่านแม่” มู่อวิ๋นจิ่นพูดกับสาวใช้คนอื่น ๆ ในห้อง
สาวใช้หลายคนย่อตัวตอบรับแล้วรีบออกไปด้านนอก
ทันใดนั้น ในห้องนอนขนาดใหญ่ก็เหลือเพียงมู่อวิ๋นจิ่นและซูปี้ชิง
“แค่คืนเดียว ทำไมท่านแม่ถึงซีดเซียวอย่างนี้ น่าวิตกจริงๆ” มู่อวิ๋นจิ่นมองซูปี้ชิงที่นอนพังพาบอยู่แล้วยิ้มออกมา
ซูปี้ชิงมองมู่อวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้างนางกลับไป และรู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นช่างน่าขันสิ้นดี นางจึงอดไม่ได้ที่จะตะคอกอย่างเ็า “นางสารเลว เ้าทำให้ข้าเป็แบบนี้ใช่หรือไม่?”
“ข้าทำร้ายท่านหรือ? ท่านแม่ทำผิดต่อข้า ถึงข้าจะไม่ใช่คนดีนัก แต่ข้าก็ไม่เคยทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล”
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นพูดจบก็มองไปรอบ ๆ จากนั้นดวงตาของนางก็จับจ้องไปที่ซูปี้ชิงอีกครั้ง “น่าแปลก ทำไมวันนี้ข้าไม่เห็นป้าหลี่?”
เมื่อเอ่ยถึงป้าหลี่ หัวใจของซูปี้ชิงก็สั่นสะท้านจากนั้นนางก็จำได้ว่าหลังจากส่งป้าหลี่ออกไปเมื่อวานนี้ นางก็ไม่เห็นป้าหลี่เลยจนกระทั่งตอนนี้
ซูปี้ชิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย และเมื่อมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวก็ทำให้ซูปี้ชิงรู้สึกขนลุก
“เ้าทำอะไรป้าหลี่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่อวิ๋นจิ่นก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม ก่อนหยิบกระดาษที่มีรอยยับยู่ยี่ออกมาจากแขนเสื้อของตน และโยนมันใส่หน้าของซูปี้ชิงก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ท่านแม่เป็คนปล่อยข่าวลือพวกนี้ และให้ผู้คนรุมไข่เน่าใส่ข้างั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดขอมู่อวิ๋นจิ่น ซูปี้ชิงก็อดไม่ได้ที่จะหลบสายตา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความโกรธ นางนึกไม่ถึงว่าตอนนี้ยังมิอาจกำจัดมู่อวิ๋นจิ่นให้พ้นทางไปได้อีก
นางสารเลวสมควรตาย!
“เ้าทำอะไรกับป้าหลี่” ซูปี้ชิงถามอีกครั้ง แต่นางก็ไม่อยากเชื่อว่ามู่อวิ๋นจิ่นจะกล้าฆ่าป้าหลี่
“นางไม่เป็อะไรหรอก แค่อยู่อย่างสุขสบายในคอกสุนัขก็เท่านั้น!”
มู่อวิ๋นจิ่นพูดจบก็ลุกขึ้นเดินจากไป
…
หลังออกจากหอไป่ลั่ว มู่อวิ๋นจิ่นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีขึ้น เมื่อได้นึกถึงซูปี้ชิงที่กำลังจะตายด้วยอาการป่วยบนเตียง
หลังจากเดินไม่กี่ก้าว อัครเสนาบดีมู่ก็เดินข้าไปหานางอย่างรวดเร็ว
หลังจากเห็นมู่อวิ๋นจิ่น อัครเสนาบดีมู่ก็ชะงักฝีเท้าสักครู่ และมองไปยังทิศทางที่มู่อวิ๋นจิ่นจากมา “แม่ของเ้าเป็อย่างไรแล้ว?”
"ท่านหมอบอกว่านางมีอาการไม่สบายท้อง จึงสั่งยาให้สองสามมื้อ แล้วพักผ่อนสักสองสามวัน อาการจะดีขึ้นเ้าค่ะ” มู่อวิ๋นจิ่นทำความเคารพอัครเสนาบดีมู่ แสร้งทำเป็พูดจาอ่อนหวาน
อัครเสนาบดีมู่พยักหน้า และเมื่อเขากำลังจะจากไป ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหันไปมองมู่อวิ๋นจิ่น “ใช่แล้ว เมื่อครู่หลังจากเลิกว่าราชการที่ท้องพระโรง พ่อได้พบองค์หญิงเก้าเข้า องค์หญิงฝากพ่อมาบอกว่าขอเชิญเ้าไปทานอาหารด้วยกันที่โรงเตี๊ยมจวี้เซียงในยามอู่สือ[2]”
“เ้าค่ะ ลูกทราบแล้ว”
หลังจากขอตัวจากอัครเสนาบดีมู่ออกมา มู่อวิ๋นจิ่นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดถึงเื่ที่ฉู่ชิงหยวนเชิญนางไปทานอาหาร กระทั่งมิอาจกลั้นหัวเราะไว้ได้ ครั้งก่อนมู่อวิ๋นจิ่นได้เจอหน้าและได้ทำความรู้จักกับนาง ก็นับว่านิสัยของนางไม่เลว ใครเห็นก็ชอบได้มิยาก
ยามอู่สือ มู่อวิ๋นจิ่นปรากฏตัวในโรงเตี๊ยมจวี้เซียง ตรงเวลา
ทันทีที่เข้าไปในร้านอาหาร เสี่ยวเอ้อร์พามู่อวิ๋นจิ่น ขึ้นไปยังห้องส่วนตัวบนชั้นสาม เมื่อเปิดประตูเข้าไป มู่อวิ๋นจิ่นก็ผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นคนจำนวนหนึ่งอยู่ข้างใน
ในห้องส่วนตัวนี้ ไม่เพียงแต่ฉู่ชิงหยวนเท่านั้น ทว่าฉู่ลี่เองก็อยู่ที่นั่นด้วย
วันนี้ฉู่ลี่สวมอาภรณ์สีม่วงชุดเดิม นั่งอยู่ที่นั่นเงียบ ๆ กิริยาท่าทางล้วนงามสง่า เรียวคิ้วสวยประดับบนใบหน้า กลิ่นอายรอบตัวเปล่งประกายไม่ธรรมดา ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไปได้
“พี่สะใภ้หก ที่นั่งของท่านอยู่ที่นี่ มานั่งด้วยกันเถอะ!” ฉู่ชิงหยวนที่นั่งอยู่ข้างในโบกไม้โบกมือให้มู่อวิ๋นจิ่น นิ้วก็ชี้ไปที่ที่นั่งข้างนาง
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า ทว่าสายตากลับจับจ้องไปที่ร่างสีม่วงข้างๆ อย่างช่วยไม่ได้ นางทำเพียงเลิกคิ้วสบายๆ และเ้านั่งลงตามที่ฉู่ชิงหยวนชี้ชวน
หลังจากนั่งลงแล้ว ฉู่ชิงหยวนก็รินชาให้มู่อวิ๋นจิ่นอย่างสุภาพ “พี่สะใภ้หก ข้าไม่ได้เจอท่านมาครึ่งเดือนแล้ว ่นี้ท่านทำอะไรอยู่หรือ”
มู่อวิ๋นจิ่นจิบชาหางตาก็ชำเลืองมองคนที่นั่งด้านขวา แล้วหัวเราะเบาๆ “ สู้รบตบมือกับคนในจวนน่ะสิ!”
ฉู่ลี่ได้ยินคำพูดรวบรัดของมู่อวิ๋นจิ่นแล้ว ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง และเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“ยังไงก็ตาม… พี่สะใภ้หกข้าได้ยินมาว่า เมื่อวานนี้ท่านโดนคนปาไข่เน่าใส่งั้นหรือ?”
—-----------------
[1] ปาโต่ว เป็สมุนไพรชนิดหนึ่ง ใช้ประกอบเป็ยาถ่าย มีฤทธิ์ร้ายแรง
[2] ยามอู่สือ คือ่เวลาประมาณ 11.00-13.00 น.