“นังของขาดทุน [1] จะร้องไห้อะไรนักหนา แม่แกเป็แม่ไก่ไม่ออกไข่ ส่วนแกก็เป็นังแพศยาสำส่อน ออกไปเที่ยวกับผู้ชายตอนดึกดื่นมืดค่ำ ไร้ยางอายเสียไม่มี ทำบ้านฮั่วของพวกฉันขายหน้าหมด ฉันจะฟาดแกให้ตายเลยคอยดู นังสำส่อน!”
ยายแก่บ้านฮั่ว ถือไม้เขี่ยฟืนด้วยมือข้างหนึ่งโบยใส่เด็กหญิงที่ดูเหมือนอายุเพียงแค่หกเจ็ดขวบเท่านั้น
ใบหน้าของเด็กหญิงสกปรกมอมแมม เนื้อตัวมีแต่ดินโคลน ดวงตากลมโตของเธอมีเพียงความแน่นิ่งไม่ไหวติง
เห็นได้ชัดว่าั์ตาหล่อนไร้สัญญาณชีพอีกต่อไป
แต่ยายแก่ยังคงไม่หยุด จังหวะที่ไม้เขี่ยฟืนของเธอกำลังจะััลงมาอีกครั้ง ดวงตาของเด็กหญิงกลับเปล่งประกายขึ้น เธอหันตัวหลบ ก่อนจะลุกขึ้นผลักยายแก่ใส่กองฟืนเต็มแรง
ฮั่วเสี่ยวเหวินมองพิจารณาสภาพแวดล้อมภายในบ้าน แล้วอดที่จะเบะปากไม่ได้ ภายในบ้านดินนั้นมืดสนิทมีเพียงแสงสลัว ข้างๆโต๊ะที่เก่าเยินคือเก้าอี้ขาเป๋สามตัว ในเตาไฟมีฟืนเปียกชื้นอยู่กองพะเนิน ยายแก่ฮั่วกำลังจ้องเธอไม่ต่างกับงูพิษ
“แม่ แม่ทำอะไรน่ะ ผมเห็นเ้าหนูจางจากท้ายหมู่บ้านวิ่งออกจากบ้านเราไป เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ฮั่วต้าซานเดินเข้ามาจากด้านนอก ก่อนจะถลึงตาใส่ฮั่วเสี่ยวเหวิน “นังลูกคนนี้ ยังไม่ไปให้อาหารหมูอีก?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินยังคงเบะปาก พ่อไม่ได้เื่คนนี้ดูไม่ใช่คนดีเช่นกัน คอยดูเถอะ!
เธอไม่ใช่ฮั่วเสี่ยวเหวินที่จะยอมถูกรังแกง่ายๆ อีกต่อไป แต่คือฮั่วเสี่ยวเหวินซึ่งมาจากยุค 90!
ฮั่วเสี่ยวเหวินวิ่งไปที่ลานบ้าน เธอกวาดสายตามองรอบๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจยาว คนในยุค 80 ยากจนข้นแค้น นอกจากยายแก่ฮั่วกับฮั่วต้าซานแล้ว บ้านฮั่วก็ไม่มีสมาชิกคนอื่นอีก เธอค้นข้อมูลจากความทรงจำของฮั่วเสี่ยวเหวินคนเก่า หลังจากที่ฮั่วต้าซานแต่งงานกับคุณแม่ บ้านฮั่วก็ให้กำเนิดแต่ลูกสาวติดต่อกัน และระหว่างที่คลอดเธอ คุณแม่กลับต้องเผชิญสภาวะคลอดยาก แม่ของเธอจากไปั้แ่ตอนนั้น เพียงพริบตาก็ผ่านมาหลายปีแล้ว
บรรดาพี่สาวถูกยายแก่จับไปขายและแต่งงานกันหมด ในบ้านเหลือเธอเพียงแค่คนเดียว และ่นี้ยายเฒ่าคิดแต่จะขายเธอไปเป็เ้าสาวเด็ก [2] ให้กับคนอื่น
หลังจากฮั่วเสี่ยวเหวินประมวลความทรงจำของเ้าของร่างเดิมเสร็จ เธอก็ไปให้อาหารหมู ฮั่วเสี่ยวเหวินเทอาหารหมูร้อนๆ ลงในรางใส่อาหาร แต่เพียงแค่เธอหันหลังกลับไปก็ได้ยินเสียงหมูร้องลั่น ยายแก่ฮั่วที่ได้ยินเสียงร้องจึงรีบวิ่งออกมาในทันที เมื่อเห็นควันออกจากปากหมู ยายแก่ก็ตบเข้าไปที่หน้าฮั่วเสี่ยวเหวินสองฉาด ร่างกายของเธอที่เดิมทีผอมแห้งเพราะขาดสารอาหารจึงล้มลงไปกับพื้นทันควัน
ยายแก่รีบเทน้ำเย็นลงในอาหารหมูด้วยความสงสาร
ฮั่วต้าซานที่ออกมาเห็นภาพนี้เข้าก็เตะฮั่วเสี่ยวเหวินที่เพิ่งลุกขึ้นจนกระเด็นไปที่ประตูใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่หายโมโห เดินไปเตะเธอซ้ำอีกสองครั้ง
ยายแก่ฮั่วเห็นฮั่วเสี่ยวเหวินกระอักเื เธอปัดมือพูดคล้ายมองไม่เห็น “ต้าซาน อย่าให้หล่อนตายในบ้านนี้ เอาหล่อนไปทิ้งที่สุสานหนานซานเถอะ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินถูกยกคอเสื้อขึ้น ทั้งเนื้อทั้งตัวเจ็บจนเจียนตาย
สุสานหนานซาน ด้านหน้าป้ายหลุมศพ ฮั่วเสี่ยวเหวินนอนอยู่ตรงนั้น บนร่างมีหญ้าแห้งกองใหญ่ปกคลุม ฮั่วต้าซานเหยียบทับซ้ำก่อนจะปัดมือจากไปอย่างไม่ไยดี
ฮั่วเสี่ยวเหวินกัดฟันแน่น ไฟแค้นสุมอยู่ในอกมากขึ้นเรื่อยๆ ชาติก่อนเธอถูกครอบครัวดูถูก เพื่อน้องชาย เธอถูกส่งไปแต่งงานกับคนรวยที่พิการทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นบ้านฮั่วในยามนี้ได้กระตุ้นความเคียดแค้นภายในตัวเธอให้ก่อเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
ฮั่วเสี่ยวเหวินเหม่อมองท้องนภา ร่างกายค่อยๆ เย็นลงเรื่อยๆ เธอกรีดร้องอยู่ในใจ ‘คนบ้านฮั่ว พวกแกรอก่อนเถอะ ต่อให้กลายเป็ผี ฉันก็จะล้างแค้นให้จงได้!’ ก่อนที่จะหมดสติไป
หลังจากที่ฮั่วเสี่ยวเหวินสิ้นสติไป ใครบางคนก็ได้โผล่ออกมาจากด้านหลังป้ายหลุมศพ…
ใครบางคนที่ว่านั้นคือ จางเจียิ ‘ฆาตกร’ ผู้เลื่องชื่อของหมู่บ้าน
ตอนเด็กๆ เขาทำคุณปู่โมโหจนล้มป่วย แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันปู่ก็ตาย พ่อและแม่แท้ๆ หย่าร้างกัน พ่อแท้ๆ ของเขายอมรับความผิดแทนเขา และถูกยิงตายในระหว่างการหลบหนี คนในหมู่บ้านต่างพูดกันว่าเขาเป็ปีศาจกลับชาติมาเกิด และพากันตีตัวออกห่าง
จางเจียิปัดหญ้าแห้งออกจากตัวของฮั่วเสี่ยวเหวินพลางสบถในใจ ครอบครัวนี้คือเดรัจฉานโดยแท้ เขารีบถอดเสื้อคลุมที่ขาดเป็รูคลุมให้กับฮั่วเสี่ยวเหวิน ก่อนจะอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนและแอบวิ่งเข้าหมู่บ้านไป
ฮั่วเสี่ยวเหวินััได้ถึงความอบอุ่น และกระแสน้ำอุ่นที่ไหลผ่านเข้าสู่ร่างกาย เธอพยายามลืมตามองผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต เด็กสาวขยับริมฝีปาก น้ำตาไหลร่วงเผาะลงมา วินาทีที่ถูกพี่จางกอด ความขมขื่นและหวาดกลัวในใจพลันถูกชะล้างไปจนหมดสิ้น
จางเจียิหันหน้าไปด้านข้างเพื่อซ่อนใบหน้าอัปลักษณ์ของตัวเอง แผลเป็ยาวคล้ายตะขาบทอดยาวั้แ่หน้าผากมาจนถึงคางฝั่งใบหน้าซีกขวา ทั้งหมู่บ้านมีเพียงฮั่วเสี่ยวเหวินเท่านั้นที่ไม่หวาดกลัวเขา ส่วนผู้อื่นล้วนพากันถอยหนีไปหมด
ฮั่วเสี่ยวเหวินร้องไห้แทบขาดใจ เธออายุเพียงแค่เก้าขวบเท่านั้น
จางเจียิลูบหลังเพื่อปลอบประโลม จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ฮั่วเสี่ยวเหวิน นับแต่นี้ต่อไป เธอยินดีที่จะอยู่กับฉันหรือไม่?”
จางเจียิรู้สึกเป็กังวลเล็กน้อย บ้านของเขายากจนข้นแค้นแทบไม่มีอะไรจะกิน หากต้องเลี้ยงฮั่วเสี่ยวเหวิน เขาก็กลัวว่าจะเป็การลากให้เธอต้องมาลำบากไปกับเขา แต่หากต้องส่งตัวเธอกลับบ้าน เขาก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน
“ยินดีจ้ะยินดี ฉันยินดีที่จะอยู่กับพี่เจียิ ฉันทำได้ทุกอย่าง ทำเป็ทุกอย่าง!”
ฮั่วเสี่ยวเหวินััได้ถึงความหนักแน่นจากจางเจียิ เธอจะไม่ยอมกลับไปยังบ้านฮั่วเด็ดขาด แม้ว่าการอยู่กับจางเจียิจะยากลำบาก แต่อย่างน้อยก็ยังมีอิสระกว่าบ้านฮั่วหลายเท่านัก
จางเจียิห่มผ้าที่มีเพียงผืนเดียวในบ้านให้ฮั่วเสี่ยวเหวิน ถู่คั่ง [3] ไม่เหลือความอบอุ่นมานานแล้ว เขาเม้มปาก นำหนังสือพิมพ์เก่าที่เก็บไว้สองแผ่นแปะไปยังรูบนหน้าต่าง
ฮั่วเสี่ยวเหวินได้ยินเสียงบางอย่างหลังจากหลับไปได้สักพัก เธอตื่นขึ้นมาไม่เห็นเงาของพี่จาง จึงอดส่งเสียงร้องเรียกเบาๆ ไม่ได้ “พี่จาง พี่จาง พี่อยู่ที่ไหน พี่อยู่ที่ไหน?!”
ภายในห้องมืดสนิท มีเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิว
ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกกลัวขึ้นมา เธอขดตัวเข้ากับมุมกำแพง มองเห็นเงาดำบางอย่างที่อยู่ด้านนอก ฮั่วเสี่ยวเหวินะโเสียงสั่น “พี่เจียิ พี่รีบกลับมา ฉันกลัว ฉันกลัว มีผี!!!”
“ฮ่าฮ่า ที่แท้ฮั่วเสี่ยวเหวินก็กลัวผีหรือนี่!” จางเจียิเดินเข้ามา ก่อนจะย่อตัววางอะไรบางอย่างลงบนพื้น
ฮั่วเสี่ยวเหวินถามด้วยความสงสัย “พี่เจียิ ทำไมไม่เปิดไฟเล่า?”
“ฮั่วเสี่ยวเหวิน เธอลืมไปแล้วหรือ หมู่บ้านของพวกเรายังไม่เดินสายไฟ หรือต่อให้เดินแล้ว… พวกเราก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี”
จางเจียิหนาวจนตัวสั่น ฮั่วเสี่ยวเหวินจึงรีบคลานเข้าไปหา เธอนำผ้าห่มผืนขาดไปห่มให้กับเขา
ดวงตาของจางเจียิขมุกขมัวท่ามกลางความมืด เขาโอบฮั่วเสี่ยวเหวินเข้าไปในอ้อมแขน วางศีรษะลงบนผมดำนุ่มของเธอพลางเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา “ฮั่วเสี่ยวเหวิน เธอยินดีที่จะลำบากไปกับฉันจริงหรือ? หากกลับบ้านไป อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องทนหิวและไม่ต้องทนหนาวนะ ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ต่อไปมีแต่จะหนาวขึ้นเรื่อยๆ”
เชิงอรรถ
[1] ของขาดทุน (赔钱货) คำเรียกลูกสาวในสมัยก่อน เนื่องจากโตแล้วต้องแต่งงานออกไป ทั้งยังต้องเสียค่าสินเดิมติดตัวเ้าสาวด้วย จึงเป็ที่มาของคำนี้
[2] เ้าสาวเด็ก (童养媳) ประเพณีการเลี้ยงเ้าสาวเด็กในสมัยโบราณเพื่อใช้แก้ปัญหาเื่ค่าใช้จ่ายในการแต่งงานสำหรับครอบครัวที่ยากจน โดยจะรับเลี้ยงเด็กหญิงั้แ่อายุน้อย พอโตขึ้นจะกลายเป็เ้าสาวของลูกชายเ้าของบ้าน
[3] ถู่คั่ง (土炕) หรือเตียงเตี้ย เป็เครื่องเรือนที่สามารถใช้เป็ทั้งที่นั่งและที่นอน ก่อด้วยอิฐของชาวจีนภาคเหนือ ข้างใต้มีช่องสามารถสุมไฟให้ความอบอุ่น