ตอนนั้นหลินกุ้ยฮวาร้องเสียงดังมาก ต่อสู้ดิ้นรนเสียงโครมคราม หลินฉินไม่เชื่อว่าพวกหลินซย่าจื้อจะไม่ได้ยิน กระนั้นกลับไม่มีผู้ใดออกมาขัดขวางแม้แต่คนเดียว
นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าพวกหลินซย่าจื้อกับหลินฮั่วอาจรู้เื่นี้อยู่ก่อนแล้ว
หลินฉินรู้สึกเย็นยะเยียบไปถึงขั้วกระดูก
นี่ใช่ครอบครัวหรือ บอกว่าเป็ศัตรูยังไม่เกินจริง
จริงอยู่ที่หลินกุ้ยฮวาเห็นแก่ตัวและปากร้ายไปหน่อย ั้แ่กลับมาอยู่บ้านหลินก็ควรต้องทำงานอยู่แล้ว ทว่าท่านปู่ท่านย่าบอกว่าจะกรอกยาใบ้ให้นางก็กรอก บอกว่าจะขายก็ขาย
ไม่รู้ว่านางถูกขายไปที่ใด
หลินฉินใจลอยทั้งวันเพราะเอาแค่คิดเื่พวกนี้
งานที่ทำจึงเกิดข้อผิดพลาด ถูกหลินซย่าจื้อกับสวี่ซื่อด่าไม่น้อย
ปั่ก…
หลินฉินไม่ทันระวัง เดินสะดุดธรณีประตูไปข้างหน้า กะละมังน้ำร้อนสาดใส่หลินซย่าจื้อพอดี
หลินซย่าจื้อโมโหทันที วันนี้นางว่าจะไปหาสวีเทา ตั้งใจใส่เสื้อผ้าสวยๆ แต่ผลลัพธ์…
เพี้ยะ…
หลินฉินเพิ่งลุกขึ้นยืนก็ถูกหลินซย่าจื้อที่ตัวเปียกโชกตบหน้า
“โง่เง่า! ทำกระไรก็ไม่ได้เื่ ควรขายเ้าไปด้วยกันั้แ่เมื่อวาน!”
“ท่านแม่…” หลินฉินมองหลินซย่าจื้อด้วยตาแดงก่ำ น้ำตาไหลพรั่งพรู
แม้ภายในใจจะเย็นยะเยียบเพียงใด แต่ภายในส่วนลึกก็มีความหวัง
ทว่าตอนนี้ความหวังที่เหลือเพียงน้อยนิดได้ถูกหลินซย่าทำลายลงด้วยตัวเอง
เดิมทีหลินฉินยังรู้สึกผิดต่อเื่ที่ตัวเองจะทำ แต่ตอนนี้ความรู้สึกผิดทั้งหมดถูกความเกลียดชังเข้าแทนที่
“เหตุใดจึงร้องไห้ ไม่ได้เื่ ขโมยขนจิ้งจอกของนังนั่นแต่ไม่รู้จักเอากลับมาให้ข้า จะแอบเอาไปขายในตำบลด้วยตัวเอง ไม่มีสมองยังจะกล้าสู้กับนังแพศยานั่น…ทีนี้เป็อย่างไร ลูกสาวบริสุทธิ์ถูกย่ำยีตั้งนาน หากเอาไปขายให้ซ่องก็ยังพอทำเงินให้ที่บ้านได้ แต่สุดท้ายเล่า? ได้ยินว่าตอนอยู่ด้านใน เ้าทำเงินได้ไม่น้อยแต่เป็ของพวกนักการหมด โง่เง่าเอ้ย! เหตุใดข้าไม่จับเ้ากดน้ำตายในโถฉี่ั้แ่แรกก็ไม่รู้!”
หลินกุ้ยฮวาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย ก่นด่าไปด้วย
“ท่านแม่…หลินฮั่วเป็คนเสนอให้เอาไปขายในตำบล” หลินฉินไม่ยอมใจ เถียงกลับ
“ถุย นังโสเภณีเด็ก น้องสาวเ้าบอกข้าว่านางห้ามเ้าไม่ทันต่างหาก! คิดจะใส่ร้ายน้องสาวตัวเองเช่นนั้นหรือ ฝันไปเถิด!” หลินซย่าจื้อพ่นเสมหะใส่หน้าหลินฉิน หลินฉินใช้มือเช็ด ใช้แขนเสื้อบดบังความเกลียดแค้นอันรุนแรงในดวงตา
“ยังไม่รีบไปตักน้ำอีก! ไม่รู้จักคิดเอาเอง!” หลินซย่าจื้อแค่เห็นหน้าหลินฉินก็โมโห
เพราะต้องบอกก่อนว่า ตอนที่หลินหวั่นชิวยังอยู่ นางเลี้ยงดูหลินฉินกับหลินฮั่วอย่างดีตามที่สวีเทาสั่ง รอให้โตแล้วจะยกให้แต่งงานกับพ่อค้าหรือไม่ก็ให้เป็อนุของขุนนางตำแหน่งเล็กๆ หนึ่งคือจะได้สินสอดเยอะหน่อย สองคือจะได้ช่วยสนับสนุนจินเป่าในอนาคต เป็ประโยชน์ต่อครอบครัว
และก็ด้วยเหตุนี้ แม้หลินหวั่นชิวจะไม่อยู่แล้ว เด็กสาวทั้งสองต้องทำงานก็จริง แต่งานของทั้งคู่รวมกันก็ยังน้อยกว่าที่หลินหวั่นชิวเคยทำอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นหลินฉินก็กำลังจะอายุครบสิบห้า ใกล้จะได้เห็นเงินและผูกความสัมพันธ์อยู่แล้ว…สุดท้ายกลับหาเื่ไปขโมยขนจิ้งจอกของนังแพศยานั่นไปขาย
ไม่รู้จักเอากลับมาให้นาง!
ขอแค่เอาไปซ่อนก่อน นังแพศยานั่นจะหาเจอหรือ?
ไม่มีหลักฐานจะเอาผิดกระไรได้
รอให้เหตุการณ์ผ่านไปก่อน นางค่อยให้สวีเทาเอาขนจิ้งจอกไปจัดการ เปลี่ยนเป็เงินได้แบบไม่มีผู้ใดรู้
ไม่นึกเลยว่าลูกสาวที่ปีกกล้าขาแข็งมีความทะเยอทะยานคนนี้จะแอบขโมยโดยไม่บอกและทำตัวเองเดือดร้อนเช่นนี้
ทีนี้ดีล่ะ เสียทั้งขนจิ้งจอก เงินกับลูกเขยผู้ร่ำรวยก็หายไป
ผู้ใดจะไปอยากได้สตรีที่มั่วบุรุษกันเล่า
ขายให้ซ่องยังพอได้เงินนิดหน่อย แต่จินเป่าจะมีพี่สาวเป็หญิงคณิกาไม่ได้
เช่นนั้นก็เหลือแต่ขายราคาถูกเท่านั้น
หลินซย่าจื้อแค่คิดก็ปวดร้าวในใจ
หลินฉินหยุดร้องไห้แล้ว ไปตักน้ำอย่างเชื่อฟัง
หลินซย่าจื้อล้างหน้าแต่งตัวเสร็จก็ออกจากบ้าน
หลินฉินยุ่งอยู่กับงาน เห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจตัวเองก็แอบเข้าห้องหลินซย่าจื้อ ควานหาช่องกำแพงที่อีกฝ่ายใช้ซ่อนของ เอื้อมมือไปดึงก้อนอิฐออก
มือนางสั่นด้วยความประหม่า
ในใจลนลานมากเช่นกัน กลัวหลินซย่าจื้อย้อนกลับมา
ยิ่งเป็เช่นนี้นางก็ยิ่งดึงก้อนอิฐไม่ออก หลินฉินร้อนใจ คิดไปคิดมาแล้วออกไปหยิบมีดปอกเปลือกมางัด
เนื่องจากตื่นเต้นมาก มือนางโดนบาด
แต่ตอนนี้หลินฉินไม่มีเวลามาสนใจความเจ็บ หลังจากงัดก้อนอิฐออกมาได้ก็นำตลับไม้ด้านในออกมา เปิดตลับออก กวาดของด้านในจนเกลี้ยง เก็บตลับและก้อนอิฐกลับเข้าที่เดิม
นางวิ่งกลับห้องตัวเองอย่างร้อนตัว ไม่กล้าชักช้าแม้แต่นาทีเดียว นำป้ายหยกออกมาห้อยที่คอตัวเองก่อน
ต่อให้เป็คนที่ไม่เคยเห็นของดีอย่างนางก็ยังรู้ว่าป้ายหยกน้ำดีเช่นนี้ราคาไม่น้อย
นางไม่คิดจะนำไปขายทันที เพราะในตลับไม้ของหลินซย่าจื้อมีตั๋วเงินสิบตำลึงสองสามใบกับเศษเงินอีกเล็กน้อย
หลินฉินลองนับดูคร่าวๆ มีประมาณแปดสิบกว่าตำลึง
นี่น่าจะเป็เงินทั้งหมดของหลินซย่าจื้อ
หลินฉินซ่อนเงินไว้กับตัวให้เรียบร้อย ห่อเครื่องประดับเงินกับต่างหูเงินหนึ่งคู่ในผ้าเช็ดหน้าแล้วเก็บเข้าอกเสื้อ จากนั้นสะพายตะกร้าแบกหลังออกจากบ้าน
สวี่ซื่อเห็นหลินฉินออกจากบ้านก็ไม่ว่ากระไร กลายเป็หลินฉินเองที่เกือบออกวิ่งเพราะใจฝ่อ
นางออกเดินไกลมากก่อนที่จะเดินไปตามทางสายเล็กๆ ที่มุ่งออกจากหมู่บ้าน
เมื่อพ้นหมู่บ้าน นางเริ่มวิ่งเหยาะๆ คอยหันกลับไปมองหมู่บ้านที่ห่างออกไปเรื่อยๆ เป็ครั้งคราว หลินฉินหัวเราะคำโต
ลมหนาวพัดเข้าลำคอนาง เหงื่อที่เกิดจากการวิ่งถูกลมหนาวพัด…หลินฉินวิ่งได้ไม่นานก็จาม
นางกัดฟันมุ่งไปทางตำบล วางแผนไว้ว่าถึงตำบลแล้วจะหาห้องอยู่ที่โรงเตี๊ยมเสียก่อนแล้วค่อยไปหาหมอ
แต่ยิ่งใกล้ถึงตำบล ศีรษะนางก็ยิ่งหนักอึ้ง บวกกับเช้านี้นางยังไม่ได้กินกระไร ตอนหนีออกมาก็ประหม่า เพียงไม่นานก็ล้มหมดสติข้างทาง
พ่อค้าหาบเร่คนหนึ่งเดินทางผ่านมา ตอนแรกเห็นหลินฉินก็ไม่สนใจเพราะกลัวมีปัญหา
แต่เขาผ่านไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ย้อนกลับมา เริ่มจากตรวจสอบลมหายใจหลินฉินก่อน แตะหน้าผากนาง พบว่านางล้มอยู่ข้างทางเพราะป่วยก็แบกนางจากไป
เขาอายุสามสิบแล้วแต่ยังไม่แต่งภรรยาพอดี ที่บ้านไม่มีผู้ใดให้เป็ห่วง สามารถพาสตรีนางนี้ออกเดินทางไกลไปด้วยกันได้ เป็สามีภรรยากับเขาไปตราบนานเท่านาน
ครั้งก่อนที่ไปลงสินค้า ได้ยินว่านำของไปขายที่หย่าโจวได้เงินดี ยิ่งเดินทางลงใต้ อากาศก็ยิ่งอุ่น…ถ้าเช่นนั้น เขาไปหย่าโจวเลยก็แล้วกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้