มารตีเคยจัดการเื่งาน เื่คน เื่หัวใจ มานักต่อนัก แต่ทำไมกับ เด็กฝึกงานวัย 22 คนนี้ ถึงได้ทำให้เธอ…คิดไม่ตกได้นะ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน?
วันถัดมา ที่ห้องพักพนักงาน...
ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่มุมโต๊ะ มองแก้วน้ำเปล่าที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะสื่อสารกับมันได้ แต่จิตใจของเขาเหมือนไม่ได้อยู่ตรงนั้น...
“จะโดนเรียกไปดุหรือเปล่านะ…” เขาพึมพำกับตัวเอง
แล้วก็สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังใกล้เข้ามา มารตีเดินมา หยุดยืน ตรงหน้าเขา ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง แต่ไม่เหมือนตอนประชุมเมื่อวาน
“พรุ่งนี้เธอตามพี่ไปประชุมกับลูกค้าที่สุขุมวิทด้วยนะ”
นัทพงษ์เงยหน้าขึ้นตาโต “ครับ? ผม…ยังมีโอกาสได้ไปด้วยเหรอครับ?”
“อย่าทำให้พี่เสียใจที่ให้โอกาสอีกครั้งนะ” มารตีเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไป ทิ้งไว้เพียงความงุนงง…และบางอย่างที่ร้อนวาบในหน้าอกของคนฟัง
หนุ่มน้อยยิ้มจางๆ คนเดียวในห้อง ก่อนจะกระซิบเบาๆ ว่า “พี่รตี…จะไม่เสียใจแน่นอนครับ ผมสัญญา…”
วันนั้น มารตีเดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับนัทพงษ์ ขณะที่เขากำลังพยายามเดินตามเธอด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเอือมระอาเล็กน้อย ท่าทางเขากระวนกระวายใจไม่ต่างจากครั้งแรกที่เขามาที่นี่เลยสักนิด
เมื่อถึงโต๊ะประชุม นัทพงษ์ยืนข้างๆ มารตี มองดูเอกสารที่เธอวางเรียบร้อยบนโต๊ะ เขาทำได้แค่ยืนพิงขอบโต๊ะเหมือนเป็ส่วนเกิน ในขณะที่มารตีกำลังเตรียมการพูดคุยกับลูกค้า
“นัทพงษ์...” มารตีเรียกเสียงเบา หันมองเด็กหนุ่มที่ยืนข้างๆ “วันนี้เธอต้องระวังให้ดีนะ อย่าทำพลาดอีก”
“ครับพี่รตี...ผมจะระวัง” นัทพงษ์ตอบเสียงอ่อน ยิ้มฝืนๆ เหมือนจะบอกให้มารตีมีความมั่นใจในตัวเขาบ้าง
แต่เมื่อการประชุมเริ่มต้นขึ้น ท่าทางของนัทพงษ์กลับทำให้มารตีต้องประหลาดใจ พอเจรจากับลูกค้าจบลง ในตอนที่เธอหยิบเอกสารเพื่ออธิบายรายละเอียดบางอย่างให้ลูกค้าเพิ่มเติม แต่เธอกลับหาเอกสารบางส่วนไปเจอ แล้วมารตีก็ได้ข้อสรุปในใจ นัทพงษ์คงทำเอกสารหายอีกแล้ว
"เอ่อ! พี่รตีครับ...เอกสารที่เตรียมให้ลูกค้า...มัน...มันหายไป!" นัทพงษ์ร้องออกมา ด้วยท่าทางใอย่างชัดเจน เมื่อพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ผู้จัดการสาวแทบจะะเิอารมณ์ออกมา แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ ขัดใจจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ
"อีกแล้วเหรอ!" เธอพูดเสียงต่ำ ในใจเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ความผิดพลาดของเด็กฝึกงานคนนี้ไม่หยุดที่การหายไปของเอกสารเท่านั้น แต่มารตียังรู้สึกว่าเขาไม่ได้เอาจริงเอาจังกับงานเท่าที่ควร จะเป็ความผิดของเธอหรือเปล่าที่ให้อภัยเขาไปหลายครั้งมากเกินไป?
“พี่รตี...ผมขอโทษจริงๆ ครับ” นัทพงษ์ขอโทษเสียงอ่อน ท่าทางหม่นหมองมากขึ้นจนมารตีเริ่มรู้สึกถึงความไร้เดียงสาของเขา ที่บางครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
ลูกค้าเริ่มมองพวกเขาทั้งสองคนด้วยความสงสัยและขัดใจในเวลาเดียวกัน มารตีหันกลับมาใส่ใจงานของตัวเองมากขึ้น เพื่อปิดการประชุมให้ลุล่วงไปโดยไม่ให้มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม
หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น มารตีกับนัทพงษ์เดินออกจากห้องประชุมพร้อมกัน ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากการประชุมที่ไม่ราบรื่น
"เธอเกือบทำลายงานทั้งหมดไปเลยนะ" มารตีพูดเสียงเย็น ไม่มีการสบตา แต่นัทพงษ์ก็ยังคงเดินตามเธอไปเงียบๆ
"ขอโทษครับ...พี่รตี...ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"
แต่ในหัวของหญิงสาว กลับเริ่มรู้สึกถึงความสงสารในตัวนัทพงษ์ แม้จะทำผิดหลายครั้ง แต่นี่ก็เป็ความผิดครั้งใหญ่ที่เธอไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ หากยังปล่อยให้มันผ่านไปได้อีก เขาก็คงคิดว่ามันไม่เป็อะไรเลย
"อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกนะ" มารตีพูดเสียงต่ำ ขณะก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปก่อนจะพยักหน้า “ครับ...พี่รตี...ผมจะทำให้ดีขึ้น"
เช้าวันใหม่ในออฟฟิศ มารตีนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอพร้อมกับเอกสารกองโตในมือ งานเริ่มท่วมท้นจนเธอไม่มีเวลาคิดถึงเื่อื่นอีกแล้ว แต่ในระหว่างที่เธอกำลังปรับเอกสารที่ต้องส่งให้ลูกค้า กลับรู้สึกถึงการปรากฏตัวของนัทพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
"พี่รตีครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?" นัทพงษ์ถามเสียงแ่ๆ ท่าทางเขายังคงดูรู้สึกเกรงใจเหมือนเดิม แม้ว่าเขาจะทำพลาดไปหลายครั้งแล้วก็ตาม
มารตีเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร แล้วมองไปที่นัทพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามองเธอด้วยท่าทางระมัดระวัง สายตาของเขากำลังพยายามไม่ให้เธอรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกจากความจริงได้ว่าเขายังคงทำงานผิดพลาดอยู่บ่อยๆ
"ถ้าจะช่วยจริงๆ ก็คงต้องไม่ทำพลาดบ่อยๆ นะ" มารตีพูดอย่างตรงไปตรงมา แม้จะไม่มีเสียงที่ดุดัน แต่คำพูดนั้นก็ไม่ได้มีความใจดีเหมือนเคย
นัทพงษ์พยักหน้า "ครับ...ผมเข้าใจแล้วครับ"
มารตีกลับมาให้ความสนใจในเอกสารที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็แค่เด็กฝึกงานคนหนึ่งที่เธอต้องจัดการ มีบางอย่างในตัวเขาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกสงสาร แม้จะไม่เคยแสดงออกมา แต่บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขาอาจจะยังไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน แต่ก็ยังพยายามทำดีที่สุดในความสามารถที่มี
การเดินไปเดินมาของนัทพงษ์ในออฟฟิศเริ่มกลายเป็เื่ปกติ สำหรับมารตี เธอเริ่มไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไปกับการที่เขายืนอยู่ข้างๆ หรือถามเธอเกี่ยวกับงานต่างๆ ด้วยความจริงจัง แม้ว่าจะมีความผิดพลาดบ่อยๆ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่เธอรู้สึกถึงความพยายามของเขา
การทำงานในออฟฟิศวันนั้นก็ไม่แตกต่างจากทุกวัน นัทพงษ์ช่วยมารตีในหลายๆ อย่าง แต่ก็ยังมีพลาดบ้าง เล็กน้อย แต่ก็พยายามที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดมากขึ้น
ในขณะที่ผู้จัดการสาวกำลังตรวจเอกสารอีกชุดหนึ่ง นัทพงษ์ก็เข้ามาช่วยถือเอกสารต่างๆ ในมือ ซึ่งทำให้มารตีเผลอมองเขาไปชั่วขณะหนึ่ง
ทั้งที่รู้ว่าเขามักจะทำผิดพลาดบ่อยๆ แต่บางทีการที่ชายหนุ่มพยายามจะทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ใช่แค่เด็กฝึกงานทั่วไป ก็ทำให้เธอเริ่มเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวเขามากขึ้น
“ขอโทษนะครับ ถ้าผมทำให้พี่รตีไม่สะดวกใจ” นัทพงษ์พูดเสียงเบา เมื่อมารตีหันมามองเขาแบบไม่ตั้งใจ
มารตียิ้มน้อยๆ แม้จะเป็รอยยิ้มที่ดูไม่จริงใจนัก "มันก็แค่เื่งานน่ะ...ไม่ต้องขอโทษหรอก"
หนุ่มฝึกงานยิ้มตอบ และรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีในที่ทำงาน มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบพี่น้องหรือเ้านายกับลูกน้องแบบที่เคยเจอ แต่อย่างใด แต่เป็บางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่สามารถหาคำอธิบายให้ตัวเองได้
เขาทำงานต่อไปอย่างเงียบๆ ความคิดของมารตีก็ยังคงวนเวียนไปที่เขา เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความคิดที่ว่านี่อาจจะเป็แค่ความรู้สึกใน่เวลาหนึ่งหรือเปล่า หรือบางทีอาจเป็การเปิดใจให้กับคนที่ยังเด็กเกินไป
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน มารตีเก็บเอกสารทั้งหมดใส่กระเป๋า ก่อนที่นัทพงษ์จะเข้ามาช่วยถือ และเดินเคียงข้างกันออกจากออฟฟิศ ท่ามกลางความเงียบที่รู้สึกว่า...ไม่ค่อยเป็การเดินของเ้านายและลูกน้องเท่าไร
เสียงฝีเท้าของผู้คนใน่เลิกงานที่พลุกพล่านบนทางเท้าแถวย่านสำนักงาน ไม่ได้ทำให้มารตีลดความระมัดระวังในการเดินคนเดียว แต่วันนี้เหมือนจะไม่ใช่วันธรรมดา
จู่ๆ ร่างของชายแปลกหน้าก็พุ่งเข้ามา เขากระชากกระเป๋าถือจากไหล่หญิงสาวอย่างแรง จนสายสะพายขาด เสียงร้องใของเธอผสานกับแรงดึงที่ทำให้เซถลา แต่ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ เสียงะโ กลับดังขึ้นจากด้านหลัง
“พี่รตี! ระวัง!”
นัทพงษ์ที่เดินตามมาห่างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ และได้เห็นเหตุการณ์เต็มตา เขาพุ่งตัวเข้าใส่คนร้ายโดยไม่ลังเล ร่างของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่าประทะเข้ากับชายคนนั้นอย่างเต็มแรงจนล้มลงกลางฟุตบาท ผู้คนรอบข้างเริ่มชะงักมอง
“เอ็งมายุ่งอะไรด้วยวะ!” คนร้ายสบถ ก่อนจะชักมีดสั้นจากกระเป๋ากางเกงมาขู่
แต่นัทพงษ์ไม่ถอย เขาขว้างเป้สะพายหลังเข้าใส่หน้าคนร้ายเพื่อเบี่ยงจังหวะ แล้วคว้าท่อนเหล็กกั้นฟุตปาธที่วางอยู่ข้างทางอย่างรวดเร็ว ฟาดไปที่แขนอีกฝ่ายจนมีดหลุดกระเด็น คนร้ายเจ็บตัวและรีบวิ่งหนีไปโดยไม่ได้กระเป๋าไปด้วย ท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนที่ยืนดู
มารตีรีบวิ่งเข้ามาหา เห็นแขนเสื้อของนัทพงษ์ขาด และมีเืซึมออกมาตรงท่อนแขน “นัทพงษ์! แขนเธอ...”