เมื่อได้ยินเสียงแ่เบาดังเข้ามาในหู ม่านตาของฉินอวี่ก็หดตัวเล็กลง จิตใจของเขาก็สับสนขึ้นมาเล็กน้อย
“เ้าบอกว่า... เ้ารู้จักวิชามรรคาเหยาฉือหรือ?”
ขณะกำลังงุนงงนั้น ฉินอวี่ก็หวนนึกถึงหอตำราของสำนักเทียนฉี หวนนึกถึง่กลางวันที่มีแดดจัดในตอนนั้น
เป็หญิงงามเช่นเดียวกัน กระทำแบบเดียวกัน
เพียงแต่เป็หญิงงามคนนี้ ไม่ใช่หญิงงามคนนั้น
ฉินอวี่เอียงศีรษะเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมองจื่อซวินเอ๋อที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ท่ามกลางความงุนงง ใบหน้าที่งามล่มเมืองซึ่งอยู่ตรงหน้า ผสานกับใบหน้าในความทรงจำได้อย่างสมบูรณ์ ชั่วขณะหนึ่งนั้น สายตาของฉินอวี่จึงเกิดความสับสนขึ้นเล็กน้อย
เมื่อจื่อซวินเอ๋อมองเห็นท่าทางที่ดูมึนเมาของฉินอวี่ นางก็ยิ้มมากขึ้น หลายปีมานี้ นางพบเห็นสายตาและสีหน้าท่าทางเช่นนี้มามากนัก และทุกอย่างกำลังอยู่ในความควบคุมของนาง จากนั้นนางจึงพูดขึ้นเบาๆ “เช่นนั้น สหายจะให้ข้าดูใบปรุงยาของเม็ดยาพลังปราณได้หรือไม่?”
“สหายล้อกันเล่นหรือ?” จู่ๆ เสียงของฉินอวี่ก็ดังขึ้น จื่อซวินเอ๋อตกตะลึง เมื่อมองไปยังฉินอวี่อีกครั้ง จึงพบว่าดวงตาของเขาเปล่งประกายสดใสอย่างชัดเจน ไม่มีภาพแห่งความสับสนแบบก่อนหน้านี้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ดวงตาอันงดงามของจื่อซวินเอ๋อจ้องไปยังฉินอวี่ด้วยความประหลาดใจ
“เอาล่ะ ไม่อ้อมค้อมแล้วกัน” ฉินอวี่ผลักมืออันบอบบางของจื่อซวินเอ๋อ และพูดออกไปอย่างเ็า
จากการเผชิญความสิ้นหวังของความเป็ความตายมากว่าหกปี ความในใจของฉินอวี่ก็มาถึงจุดขีดสุดแล้ว ภวังค์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อาจเป็เพราะเขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการกำเนิดใหม่ได้ จึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงหญิงงามในอดีตคนนั้น
รอยยิ้มอันเก้อเขินบนใบหน้าของจื่อซวินเอ๋อจางหายไปทันที และกลับคืนสู่ความเย่อหยิ่งเ็าก่อนหน้า จากนั้นจึงค่อยๆ เดินกลับไปยังที่นั่งของตนเอง จ้องมองฉินอวี่ด้วยสายตาที่เ็า และยังคงสงสัยในใจ เขานึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะมีสติรู้ตัวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ระดับการฝึกฝนเช่นนี้ทำไมจึงมีสมาธิที่มั่นคงได้? หรือว่า คนผู้นี้จะไม่สนใจผู้หญิง? หลังจากละความคิดที่อธิบายไม่ได้ในใจออกไป นางก็พูดออกไปอย่างเรียบเฉย “เสนอราคามาเถอะ”
คำถามนี้ทำให้ฉินอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง เม็ดยาพลังปราณเป็หนึ่งในใบปรุงยาที่ไม่นิยมเท่าใดนัก ในอดีต เป็สิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ดังนั้นเขาจึงเขียนอักษรชื่อตัวยานี้ดึงดูดความสนใจของร้านยาหมื่นสรรพสิ่ง เพียงแต่ เื่ราคานี้จึงไม่เป็ที่แน่ชัด และถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ใช้ตัวยาระดับต่ำเหล่านี้ และไม่อาจจะให้การชื่นชมมันได้
เพียงแต่ การกระทำก่อนหน้านี้ของจื่อซวินเอ๋อ ดูเหมือนจะให้ความสนใจกับใบปรุงเม็ดยาพลังปราณอย่างมาก หลังจากฉินอวี่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “ใบปรุงยานี้มีราคาเช่นใด สหายคงจะรู้ดีกว่าตัวข้า เสนอราคามาเถอะ ถ้าราคาเหมาะสมก็นับว่าตกลง”
ฉินอวี่ไม่รู้ว่าบอลหนังลูกนี้จะทำให้จื่อซวินเอ๋อต้องหยุดชะงักเช่นกัน เม็ดยาพลังปราณ เป็สิ่งที่นางเห็นมาจากตำราโบราณในสำนัก แม้นางจะเป็นักปรุงยา แต่ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครวิธีการปรุงยาของเม็ดยาพลังปราณ ดังนั้นนางจึงประหม่าไปเล็กน้อย แต่เื่ราคา... นางก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
หลังจากไตร่ตรองเป็เวลานาน ความคิดของจื่อซวินเอ๋อก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว หลังจากมองเห็นการจ้องมองของฉินอวี่ นางก็ยิ้มขึ้นพลางพูดออกไป “สหาย อย่างนี้ก็แล้วกัน ใบปรุงยาเม็ดยาพลังปราณอยู่ในกลุ่มใบปรุงยาระดับสาม โดยปกติแล้วราคาของใบปรุงยาระดับสาม จะเป็หนึ่งร้อยศิลาิญญาของระดับกลาง ส่วนใบปรุงเม็ดยาพลังปราณของเ้าเป็ของหายาก ข้าให้เ้าสองร้อยศิลาิญญาของระดับกลาง สหายคิดว่าอย่างไร?”
ในใจของจื่อซวินเอ๋อมีความมั่นใจเป็ใจเป็อย่างยิ่ง เป็เพราะนางดูออกว่าฉินอวี่ก็ไม่ได้มีฝีมืออะไร แต่คำพูดต่อไปของฉินอวี่ทำให้จื่อซวินเอ๋อต้องประหลาดใจ
“หนึ่งพัน” ฉินอวี่พูดออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก
“เ้าจะบ้าหรือ? หนึ่งพันศิลาิญญาของระดับกลาง? นี่เป็ราคาของใบปรุงยาระดับสี่โดยทั่วไปเลยนะ เ้าคิดว่าใบปรุงยาระดับสามสามารถเทียบกับใบปรุงยาระดับสี่ได้หรือ? แม้ว่าเม็ดยาพลังปราณจะพบเจอได้ยาก แต่อย่างมากสุดก็ให้ราคาได้ไม่เกินสามร้อยศิลาิญญา” จื่อซวินเอ๋อจ้องไปที่ฉินอวี่อย่างเ็า ราวกับกำลังมองคนฝันกลางวันคนหนึ่ง
ฉินอวี่มองจ้องไปยังจื่อซวินเอ๋ออย่างแน่วแน่ ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ดวงตาที่สวยงามของจื่อซวินเอ๋อส่องประกายแปลกๆ และแอบใอยู่เล็กน้อย ในเมืองหลักเทียนอู่แห่งนี้มีตัวละครที่ร้ายกาจเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด? หลังจากคิดพิจารณาอย่างรวดเร็ว จื่อซวินเอ๋อก็พูดเบาๆ “ห้าร้อย หากสหายไม่เห็นด้วย เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ”
“แปดร้อย!” ฉินอวี่กล่าว
“ไม่ได้”
ฉินอวี่ลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป จื่อซวินเอ๋อจึงกัดฟันพูดขึ้นมา “เจ็ดร้อย! ให้ได้มากสุดเจ็ดร้อย”
“ตกลง!” ฉินอวี่หันกลับมาและยิ้มบางๆ
จื่อซวินเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง และพูดอย่างลังเล “เอามาสิ”
“ขอกระดาษกับพู่กัน” ฉินอวี่กล่าว
จื่อซวินเอ๋อเหลือบมองฉินอวี่ โบกมือขวาเบาๆ พู่กันและหมึกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉินอวี่
ฉินอวี่รีบจับพู่กันเขียนลงไปทันทีอย่างไม่ลังเล
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ฉินอวี่เลื่อนกระดาษเข้าไปตรงหน้าของจื่อซวินเอ๋อ จื่อซวินเอ๋อยังไม่ตรวจสอบโดยทันที แต่ยังคงจ้องมองฉินอวี่และพูดขึ้น “สหาย ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าใบปรุงยานี้เป็ของจริงหรือไม่?”
“ลองดูก็รู้แล้ว” ฉินอวี่กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
จื่อซวนเอ๋อหยิบกระดาษขึ้นมา หลังจากพิจารณาดูแล้ว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป และพูดอย่างเ็า “สหายไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าคนปล้นทรัพย์หรือ?”
“เ้าไม่ทำหรอก” ฉินอวี่ยิ้มอย่างสงบ
“เอ๊ะ?” จื่อซวินเอ๋อเลิกคิ้วขึ้น
“เ้าเป็คนฉลาดจริงๆ เ้าจะต้องคิดไว้แล้วว่าข้าอาจจะมีใบปรุงยาที่มากกว่านี้? อาทิเช่น... ใบปรุงยาระดับสี่?” ฉินอวี่กล่าว เขาไม่เคยคิดจะปิดบังอะไรกับจื่อซวินเอ๋อ จื่อซวินเอ๋อผู้นี้มีสถานะไม่ธรรมดา พละกำลังแข็งแกร่ง ไม่ว่าฉินอวี่จะหลบเลี่ยงอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดการสายตาของจื่อซวินเอ๋อที่จ้องมองตนเองได้เลย แทนที่เขาจะปกปิดสู้พูดตรงๆ กับนางไปเลยจะดีกว่า หากสามารถผูกมิตรกับจื่อซวินเอ๋อได้ นั่นย่อมดีต่อสถานการณ์ในปัจจุบันนี้อย่างยิ่ง
ม่านตาของจื่อซวินเอ๋อหดตัวลงอย่างรวดเร็ว สถานะของนางนั้นไม่ธรรมดา แต่ก็รู้ความล้ำค่าของเม็ดยาเป็อย่างดี แต่นางกลับนึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะรู้จักใบปรุงยาระดับสี่ อีกทั้งยังทำให้จื่อซวินเอ๋อรู้สึกว่า คนผู้นี้ไม่ได้รู้จักเพียงใบปรุงยาระดับสี่อย่างแน่นอน
บุคคลนี้มีความเป็มาอย่างไรกันแน่? หรือตอนนี้เขากำลังแกล้งโง่อยู่หรือไม่?
“เอาล่ะ การเจรจาจบลงแล้ว ในเมื่อพวกเ้าคือร้านขายยา คงจะมีวัตถุดิบยามากมาย ช่วยเปลี่ยนมูลค่าของศิลาิญญาเป็วัตถุดิบยาที่ข้า้าหน่อยเถอะ” พูดจบ ฉินอวี่ก็หยิบพู่กันขึ้นมาอีกครั้ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง จื่อซวินเอ๋อก็หยิบกระดาษนั้นขึ้นมา หลังจากเหลือบมองคร่าวๆ ก็วางกระดาษไว้บนโต๊ะ ใช้นิ้วชี้ขวาเคาะโต๊ะแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่า สหายมีนามว่าอะไรหรือ?”
“เฉินซิง!” ฉินอวี่กล่าว
“นี่เป็วัตถุดิบยาที่ใช้หลอมแต่งกระดูก อายุของสหายเฉินคงจะยังไม่มากใช่หรือไม่? เพิ่งก้าวสู่ขั้นยุทธ์ชั้นที่หนึ่ง ยังมีสมาธิที่นิ่งเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเป็ศิษย์ของสำนักตระกูลใด? ซวินเอ๋ออยากรู้จริงๆ” จื่อซวินเอ๋อพูดขึ้นเบาๆ มีประกายแสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตา
ฉินอวี่จ้องไปยังจื่อซวินเอ๋อ ในพริบตานั้นลำแสงสว่างสายหนึ่งก็สว่างวาบออกมา ควบรวมเข้าสู่จุดระหว่างคิ้วและเปล่งออกมาอย่างน่าเกรงขาม
จื่อซวินเอ๋อใ นางไม่คิดว่าฉินอวี่จะมีพลังเช่นนี้ แม้แต่ศิษย์โดยตรงที่แข็งแกร่งซึ่งนางเคยพบเจอมาก็ยังไม่มีพลังเช่นนี้!
“สหาย ั้แ่โบราณมา การเล่นกับไฟอาจทำให้ตนเองถูกทำลาย” ฉินอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม
สิ่งที่จื่อซวินเอ๋อพูดมาคือการหยั่งเชิง ในขณะที่คำพูดของฉินอวี่เป็ดั่งคำเตือน
ฉินอวี่เข้าใจความหมายในคำพูดของจื่อซวินเอ๋อ ภายใต้การหยั่งเชิงอย่างไม่ชัดเจน ยังแฝงไปด้วยการข่มขู่และคำเตือนมาด้วย
“เ้ายังมีอายุไม่มาก ระดับการฝึกฝนก็ยังอยู่เพียงขั้นยุทธ์ชั้นที่หนึ่ง ขอเพียงข้ารับรู้ที่มาที่ไปของเ้า ข้าก็ไม่กลัวว่าเ้าจะไม่มอบใบปรุงยาที่เ้ามีให้กับข้า!” นี่คือความหมายแท้จริงที่จื่อซวินเอ๋อพูดถึง