2
“ถ้าครั้งนี้ปลูกไม่ขึ้นอีกล่ะ”
“กูก็ควรลาออกไปเลี้ยงควาย อาจจะเหมาะกับกูมากกว่า” ผมหันไปตอบคำถามของขนุนพร้อมกับถอนหายใจ หลังจากที่ผมได้ทำการปลูกผักมาเป็รอบที่ห้าแล้ว ถ้ามันยังจะไม่ขึ้นเหมือนรอบก่อน ๆ อีก ผมก็จะช่างแม่งแล้ว
“คนอะไรมันจะมือซวยขนาดนั้น”
“คนอย่างกูนี่ไง”
“แล้วงานกลุ่มที่ไปทำเมื่อวานอะ สามตัวนั้นมันมาช่วยมึงทำงานหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ารับจบคนเดียวอีกนะ” ขนุนพูดพร้อมกับมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังจับผิด
“พวกมันติดซ้อมหลีด”
“อีกละ”
“เออน่า ไม่เป็ไรหรอก” ผมตอบกลับไปก่อนจะเดินหนีมันไปอีกทางเพื่อไปเก็บอุปกรณ์และเตรียมที่จะนำไปเก็บที่ห้องภาค แต่ขนุนก็เดินตามมายืนมองผมด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
ขนุนมันเป็พวกที่ไม่ชอบโดนเอาเปรียบ ไม่ว่าจะเื่เล็กน้อยแค่ไหน ถ้ามันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบอยู่ มันก็จะโวยวายขึ้นมาทันทีเลย แต่ผมไม่ใช่คนที่จะเก็บเื่พวกนี้มาคิด ก็เลยปล่อยไปตลอด ผมเลยมักจะถูกขนุนด่าอยู่เป็ประจำเวลาที่ผมทำงานกลุ่มคนเดียว แต่สุดท้ายแล้วขนุนมันก็เข้าใจว่าผมเป็พวกปฏิเสธใครไม่เป็
“แล้วมึงก็ทำงานคนเดียวจนเสร็จหมดเลยเหรอเมื่อวาน หนักขนาดนั้นอ่านะ?” ขนุนถามขึ้นอีกครั้งในระหว่างที่เราทั้งสองคนกำลังเดินกลับเข้าไปในตึกคณะเพื่อเอาของไปเก็บ
พอพูดถึงเื่เมื่อวาน อยู่ดี ๆ ผมก็ยิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ใบหน้าและรอยยิ้มของใครบางคนปรากฎขึ้นในหัวโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกเขินอายจนหน้าแดงทำให้ขนุนเริ่มสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของผม
“ก็ไม่ได้ทำคนเดียวหรอก” ผมตอบกลับไปเพียงเท่านั้น และไม่สามารถสั่งตัวเองให้หุบยิ้มได้เลย
“ทำไมต้องยิ้มขนาดนั้น”
“เปล่า”
“เมื่อวานมีเื่อะไรใช่ไหม? ตอบ!” ขนุนเดินมายืนขวางหน้าและจ้องมาทางผมเขม็ง จริง ๆ เื่เมื่อวานก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก แต่ผมแค่เขินเกินกว่าจะสามารถเล่าออกไปได้เท่านั้นเอง
แค่นึกถึงก็ยิ้มแล้วอะ
“ก็มี”
“เื่ราวดี ๆ เหรอ หน้ามึงแดงมากเลยว่ะ ทานตะวัน” ขนุนมองผมด้วยความประหลาดใจ อาจเป็เพราะผมไม่ได้เป็แบบนี้บ่อย ๆ แล้วก็ไม่เคยเป็หนักขนาดนี้มาก่อนด้วย
“เมื่อวานพี่อูนเขามาช่วยกูทำงาน อย่าเรียกว่าช่วยเลย เรียกว่าทำให้เลยดีกว่า” ผมตอบกลับไปและยิ้มไปด้วย ก่อนที่ผมจะเดินผ่านขนุนไปเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงแจ๋ของตัวเอง
“พี่อูนที่อยู่ภาคเดียวกับมึงเหรอ”
“เออ”
“กูไม่แปลกใจ”
“ทำไม”
“ก็พี่เขาเป็คนที่โคตรจะนิสัยดีเลย มีน้ำใจอีกต่างหาก เขาเคยมาช่วยกูกับเพื่อนปลูกข้าวโพดเมื่อเทอมที่แล้วด้วย ขนาดกูไม่ได้เรียนภาคเดียวกันกับเขานะ”
เื่ความมีน้ำใจของพี่อูนก็เป็เื่ที่ผมได้ยินมาอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน พอได้ฟังขนุนพูดแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ผมได้รู้เลยว่าเขาทำดีกับทุกคนจริง ๆ ไม่ได้ทำแค่กับผม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีกับเขาน้อยลงเลย กลับยิ่งรู้สึกว่าผมอยากเข้าไปทำความรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็ในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องกัน
“นั่นแหละ ถ้าเมื่อวานกูไม่ได้เขามาช่วยก็คงกลับบ้านดึกแน่” ผมตอบกลับไปหลังจากที่เงียบไปนาน ขนุนมองผมด้วยสายตาที่สงสัยก่อนที่จะค่อย ๆ เผยยิ้มมุมปากออกมาอย่างเ้าเล่ห์
“ทานตะวัน”
“ว่า”
“นี่มึงชอบพี่อูนเหรอ?”
“…”
“เมื่อกี้หน้ามึงแดงมากเลยอะ แล้วตอนที่มึงพูดถึงพี่อูน มึงก็เอาแต่ยิ้มไม่หุบ อาการแบบนี้มันคืออาการของคนที่ตกหลุมรักชัดๆ” ขนุนพูดพร้อมกับแค่นหัวเราะออกมาเหมือนว่ามันกำลังล้อเลียนผม
“กูแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ”
ผมไม่ได้ปฏิเสธ นั่นเลยทำให้ขนุนยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิมและผมก็เขินหนักกว่าเดิม ผมกับขนุนไม่ค่อยมีความลับต่อกันสักเท่าไร เวลาที่มีเื่อะไรเราก็จะบอกกันเสมอ รวมไปถึงเื่ที่เรากำลังคุยกันอยู่ตอนนี้ด้วย
“แล้วทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงมาช่วยมึงทำงานล่ะ?”
ผมนึกย้อนกลับไปถึงเื่เมื่อวานก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าจริง ๆ แล้วนอกจากที่ผมเจอพี่อูน ผมก็ยังได้เจอกับใครบางคนอีกด้วย ใครบางคนที่ทำให้ผมหุบยิ้มแทบจะในทันทีที่นึกถึง หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานก็ทำให้ผมรู้สึกกลัวพี่ปรงขึ้นมาอีกจากที่ตอนแรกก็แอบกลัวอยู่แล้ว ไหนจะเื่ที่เขาเหมือนจะแกล้งผมอีก
“พี่อูนเขามาช่วยกูเพราะเมื่อวานกูถูกพี่ปรงแกล้งในห้องภาค” ผมตอบกลับด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ผมเหมือนเด็กน้อยที่กำลังฟ้องแม่เวลาที่ถูกเพื่อนแกล้ง แต่สิ่งที่พี่ปรงเขาทำกับผมเมื่อวานมันก็น่าโมโหจริง ๆ
“แล้วเขามาแกล้งมึงทำไม”
“จะไปรู้เหรอ เขาอาจจะเป็คนนิสัยไม่ดีก็ได้”
“กูว่าพี่ปรงน่าชอบกว่าพี่อูนอีก คนอะไรก็ไม่รู้ เรียนก็เก่ง หน้าตาก็โคตรจะดี แถมยังปลูกต้นไม้เก่งอีก เอาพืชอะไรแปลก ๆ มาปลูกก็โตสวยหมดแทบจะทุกต้น”
“เว่อร์ละ”
“กูพูดเื่จริงค่ะ ถ้าไม่เชื่อมึงก็ลองไปขอให้เขามาช่วยมึงปลูกผักส่งอาจารย์สิ เผื่อพี่ปรงเขาปลูกแล้วมันโตสวย มึงจะได้ไม่ต้องปลูกรอบที่หกรอบที่เจ็ด” ขนุนพูดอย่างเยาะเย้ยก่อนจะหัวเราะใส่ผม
ผมบอกเลยนะว่าผมยอมปลูกรอบที่หกเจ็ดแปดเก้าสิบซะยังจะดีกว่าไปขอให้พี่ปรงมาช่วย เพราะผมรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางช่วยแน่ ขนาดเมื่อวานที่ผมแค่ถามเื่ที่ผมไม่รู้ เขาก็ยังไม่ยอมตอบเลย แถมยังทำหน้าดุใส่เหมือนผมไปเหยียบหางอีก
“มึงเนี่ย ดูรู้เื่ภาคกูดีจังนะขนุน” ผมตอบกลับไปในตอนที่พวกเราทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องภาค โชคดีที่วันนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้เลย ผมจึงสามารถเดินเข้าออกได้ตามใจชอบ ไม่ต้องมาคอยระแวงสายตาที่จ้องแต่จะจับผิดของใครบางคน
“ไม่ใช่แค่ภาคมึง กูรู้ดีหมดทั้งคณะเลย”
“แล้วมึงรู้เื่เห็ดยามาบูฯไหม”
ผมเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัยออกไป แต่ในขณะเดียวกันก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครหลบมุมอยู่แถวนี้ ั้แ่เมื่อวานที่ผมแอบไปได้ยินพี่ปรงคุยกับพี่อูน มันก็ทำให้ผมเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าทำไมเห็ดยามาบูฯถึงถูกขโมยไป มันไม่ใช่เห็ดที่ราคาแพงอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่ามันเป็เห็ดที่ปลูกค่อนข้างยากในสภาพอากาศของประเทศไทย
“เห็ดยามาบูฯของภาคมึงเหรอ ก็รู้นะ ทำไมวะ” ขนุนตอบ
“ทำไมถึงมีคนมาขโมย เห็ดมันมีสรรพคุณดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แสดงว่ามึงไม่เคยได้ยินเื่เห็ดยามาบูฯใช่ไหม”
“ไม่เคย”
“เขาพูดกันทั้งมหา’ลัย มึงไปอยู่ไหนมาเนี่ย”
“ขนาดนั้นเลย?”
“ก็น้อยหน่าเพื่อนรักมึงอะมันเที่ยวเอาไปบอกให้ใครต่อใครฟังว่ามันเอาเห็ดยามาบูฯของคณะเราไปทำอาหารให้คนที่มันชอบกิน แล้ววันต่อมาคนคนนั้นก็มาสารภาพรักกับมันเลยเว้ย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีวี่แววว่าจะชอบมันเลย”
“จริงดิ”
“มึงจะบอกว่ามันไร้สาระมากเลยใช่ไหม แต่มันก็มีอีกหลายคนนะที่ออกมาบอกว่ามันคือเื่จริง พอคนมันเริ่มพูดกันเยอะ ๆ ก็เริ่มมีคนมาขอซื้อเห็ดยามาบูฯจากคณะเรา หนักกว่านั้นก็คือมีคนมาขโมยเห็ดไปจนเกลี้ยง เขาถึงต้องล็อคห้องเพาะเห็ดอย่างแ่าแล้วไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปไง”
พอฟังมาถึงตรงนี้แล้วผมเริ่มรู้สึกว่ามันออกจะเกินจริงไปหน่อย แต่สิ่งที่ผมแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินเื่อะไรแบบนี้เลย ผมก็ไม่ใช่คนที่ไม่สนใจโลกขนาดนั้นนะ ยิ่งขนุนมันมาพูดว่าคนรู้กันทั้งมหา’ลัย ในขณะที่ผมไม่รู้ มันทำให้ผมดูเหมือนกลายเป็คนหลังเขาไปเลย
“แค่เห็ดธรรมดา ๆ จะทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ไม่แน่นะ”
“ไม่คิดว่ามึงก็เชื่อเื่แบบนี้ด้วย”
“กูก็ไม่ได้เชื่อขนาดนั้น แค่ฟังเขาเล่ามาอีกที แต่ถ้ามึงอยากรู้ว่ามันคือเื่จริงหรือไม่จริง กูมีวิธีพิสูจน์” ขนุนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกและส่งยิ้มมาให้ผมอย่างมีเลศนัย สายตาทีเล่นทีจริงของมันทำให้ผมเริ่มหวั่นใจ
“วิธีอะไรวะ”
“นี่ไง มึงก็ลองเอาเห็ดยามาบูฯไปทำอาหารให้พี่อูนกินดูสิ”
“หือ?”
“ถ้าเขาชอบมึงกลับก็แปลว่าเื่เห็ดคือเื่จริง”
“ไร้สาระ”
ผมตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ อย่างที่บอกว่าเื่ที่ขนุนมันเล่าดูเกินจริงไปมาก ๆ แล้วอีกอย่างคือมันเป็เื่ที่เล่ากันปากต่อปาก กว่าที่สารจะมาถึงผมก็ไม่รู้ว่าเื่ราวมันถูกบิดเบือนไปแค่ไหน
“มึงไม่กล้าล่ะสิ”
“ไม่กล้าอะไร ก็มันไร้สาระจริงๆ”
“ลองดูก็ไม่เสียหาย ถ้าเกิดว่ามันเป็เื่จริงขึ้นมา…พี่อูนเขาอาจจะมาสารภาพรักกับมึงก็ได้นะ” ขนุนพูดพร้อมกับขยับเข้ามาเกาะแขนผมและส่งสายตาปิ๊งปั๊งมาให้ แต่ผมก็ดึงแขนตัวเองออกมาก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
พูดตรง ๆ คือผมเป็คนที่หูเบามาก และขนุนมันก็รู้ดีว่าถ้ามันตื๊อผมอีกสักครั้งสองครั้ง เดี๋ยวผมก็คงยอมเอง แล้วยิ่งมันเอาพี่อูนมาล่อผมแบบนั้น ทำให้ผมยิ่งใจง่ายกว่าเดิม
“มันจะดีเหรอมึง”
“กูก็แค่แนะนำเผื่อว่ามึงอยากจะเอาวิธีนี้ไปลองใช้ดู แต่กูลืมไปว่ามึงคงเอาเห็ดยามาบูฯออกมาจากห้องเพาะเห็ดไม่ได้หรอก” ขนุนพูดพร้อมกับพยักหน้าอยู่กับตัวเองอย่างหมั่นไส้ มันกำลังปั่นหัวผมเพื่อให้ผมทำตามที่มันบอกอยู่
จู่ ๆ คำพูดของพี่อูนก็เด้งเข้ามาในหัวของผม สิ่งที่เขาพูดกับพี่ปรงเมื่อวานเกี่ยวกับเื่ล็อคห้องเพาะเห็ด ถ้าผมจำไม่ผิด เหมือนพี่อูนจะบอกพี่ปรงประมาณว่าเขาจะซ่อนกุญแจห้องเพาะเห็ดเอาไว้ในกระถางต้นไม้
“แล้วถ้ากูเอาเห็ดออกมาได้ล่ะ” ผมหันไปพูดกับขนุนหลังจากที่นึกอะไรดี ๆ ออก ผมสามารถเดินเข้าไปในห้องเพาะเห็ดได้โดยไม่ต้องงัดแงะอะไรทั้งนั้นและไม่มีใครสงสัยอะไรด้วย เพราะผมก็เป็คนในภาคนี้เหมือนกัน
“ถ้ามึงทำได้ เดี๋ยวกูจะช่วยมึงจีบพี่อูน”
“ดีล!” ผมตอบกลับแทบจะในทันที ขนุนหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจเมื่อมันสามารถท้าทายผมได้สำเร็จ อย่างที่บอกไปว่าผมไม่ได้เชื่อเื่อภินิหารของเห็ดเลย แต่ผมแค่ไม่ชอบถูกท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโดนท้าทายจากเพื่อนสนิท
“ชอบเขาขนาดนั้นเลยหรือไง” ขนุนพูดพร้อมกับเบ้ปากใส่ผม
“กูจะทำให้มึงดูด้วยว่าเื่เห็ดมันคือเื่หลอกเด็ก”
“จ้า”
ตอนนี้เป็เวลา่เย็นที่นักศึกษาส่วนใหญ่จะกลับบ้านกันหมดเลย ในตึกคณะผมจึงแทบไม่เหลือใครอยู่เลย ผมเดินออกจากห้องภาคแล้วเดินไปทางห้องเพาะเห็ดที่อยู่ริมสุดของโถงทางเดินในชั้นเดียวกัน ส่วนขนุนก็นั่งรออยู่ในห้องภาค เพราะผมบอกมันว่าถ้ามีรุ่นพี่มาให้มันรีบวิ่งมาตามผม แต่ผมก็จะพยายามใช้เวลาไม่นานในการเข้าไปเก็บเห็ด
ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องเพาะเห็ด หันมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครจริง ๆ ผมผลักประตูบ้านไม้เพื่อเข้าไปยังด้านใน ซึ่งเมื่อเข้ามาแล้วจะมีประตูกระจกอีกชั้นที่ถูกล็อคเอาไว้ ตรงหน้าห้องมีกระถางต้นไม้วางอยู่หนึ่งกระถาง ผมใช้มือแหวกต้นไม้ออกก็พบกับกุญแจดอกหนึ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้
พี่อูนซ่อนกุญแจไว้ในกระถางต้นไม้จริง ๆ สินะ
‘ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต —ปรง ปีสี่’ กระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งถูกแปะเอาไว้ที่ประตูกระจก ผมอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างไม่ใยดี
ทันทีที่เปิดเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่ผมััได้ก็คือกลิ่นฉุนของเห็ดที่ตีออกมา และความหนาวเย็นของแอร์ภายในห้องที่ถูกเปิดทิ้งไว้เพื่อรักษาอุณหภูมิ การเพาะเห็ดจะแตกต่างไปจากการปลูกต้นไม้ทั่วไป โดยการเพาะเห็ดจะไม่ได้ใช้ดิน แต่จะใช้หัวเชื้อเห็ดและรักษาความชื้นกับอุณหภูมิให้เหมาะสม เดี๋ยวเห็ดมันก็จะเกิดของมันเอง
แต่เห็ดยามาบูชิตาเกะเป็พันธุ์เมืองหนาว การนำมาเพาะในประเทศที่มีอากาศร้อนแทบจะตลอดทั้งปีทำให้เห็ดชนิดนี้เกิดขึ้นยากมาก ๆ นั่นเป็เหตุผลว่าทำไมถึงจะต้องเพาะเห็ดในห้องและเปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดเวลา
ความรุนแรงของกลิ่นเห็ดทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูก ผมยกมือขึ้นมาบีบจมูกและเดินไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาหัวเชื้อที่มีเห็ดงอกออกมา แต่ก็มีน้อยมาก ๆ อาจจะเป็เพราะว่าก่อนหน้านี้ถูกขโมยไปจนหมด แล้ววันนี้ผมก็จะมาขโมยต่ออีก
คิดไปคิดมาก็สงสารพี่ปรงเหมือนกันนะ
ผมดึงเห็ดออกมาจากหัวเชื้อทั้งหมดสามต้น ยัดใส่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ๆ ละต้น ส่วนอีกต้นที่ผมถืออยู่เป็ต้นเล็ก ๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หาที่ซ่อนให้กับต้นสุดท้ายที่เหลือ ผมก็รู้สึกได้ถึงััจากมือใครบางคนที่มาจับที่ไหล่
“ขนุน มึงมาทำไมเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับหมุนตัวหันกลับไปหาคนที่ผมคิดว่าเป็เพื่อนสนิท แต่พอได้เห็นวาใครเป็คนที่กำลังจับไหล่ผมอยู่ ก็ทำให้ผมใจนเผลอหยุดหายใจไปครู่หนึ่งเลย
“ทำอะไร” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามผมพร้อมกับสีหน้าและแววตาที่พร้อมจะเอาเื่ผมเต็มที่ ผู้ชายร่างสูงที่มีผมสีดำขลับมองจ้องมาทางผมแวบหนึ่ง ก่อนที่สายตาของเขาจะเลื่อนลงมามองเห็ดสีขาวในมือของผม
พี่ปรง
นี่มันวันซวยอะไรของผมวะเนี่ย!
ผมมองผ่านไหล่ของพี่ปรงออกไปที่หน้าประตูห้องก็พบกับขนุนที่กำลังมองมาทางผมอยู่เหมือนกัน ขนุนยกมือขึ้นมาพนมที่หน้าอกด้วยสีหน้าที่ซีดเป็ไก่ต้มไม่ต่างจากผมเลย ขนุนขยับปากเป็คำพูดที่ผมจับใจคความได้ประมาณว่า ‘กูขอโทษ’ ซึ่งผมก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น ผมรู้ว่ามันคงทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วล่ะ
“พี่ปรงครับ คือ…”
“น้องอ่านป้ายหน้าห้องไม่ออกเหรอ”
“ขอโทษครับ”
“พี่ขอคืน” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค พี่ปรงก็พูดแทรกขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผมเพื่อขอเห็ดที่อยู่ในมือผมคืน ผมจึงส่งไปให้เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถูกจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ถ้าไม่คืนก็คงหน้าด้านเกินไป
ร่างสูงคว้าข้อมือของผมแล้วลากผมออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว พี่ปรงจัดการล็อคห้องและเก็บกุญแจใส่กระเป๋าตัวเอง เขาหันมามองหน้าผมด้วยสายตาดุ ๆ แบบที่เขาชอบทำอยู่ตลอด ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกอยากแกล้งร้องไห้ออกมาแล้ววิ่งหนีไปจากตรงนี้ให้ไกลเลย ผมพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเผื่อว่าพี่ปรงจะทำเป็มองไม่เห็นสิ่งที่ผมทำในวันนี้
“พี่จะบอกอาจารย์ว่าน้องมาขโมยเห็ด”
“อย่านะพี่ ผมขอโทษจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาขโมยเลยนะ” ผมขยับตัวเข้าไปหาเขาและพยายามขอร้องอ้อนวอนเขาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนจะร้องไห้ ถ้าผมก้มลงไปกราบเขาแบบเบญจางคประดิษฐ์ได้ก็คงทำไปแล้วแหละ ผมพยายามทำหน้าให้น่าสงสารที่สุดเพราะในใจลึก ๆ ก็หวังว่าพี่ปรงเขาจะสงสารผมเหมือนที่ผมนึกสงสารเขาก่อนหน้านี้
แต่แน่นอนว่าพี่ปรงก็คือพี่ปรง เขาไม่มีทางปล่อยผ่านเื่นี้
“พี่จะเอาเื่น้องให้ถึงที่สุด”