“เป็ไปได้อย่างไร?” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงจ้องไปทางฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่น
เขามั่นใจในพละกำลังของตนเองมาตลอด ไม่ต้องพูดถึงฉินอวี่ แม้ในกลุ่มของเขาในระดับขั้นเทียนชุ่ยก็มีไม่กี่คนที่สามารถทนรับได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ฝึกตนจากต่างถิ่นที่อยู่ในขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สองเพียงคนเดียวเลย
“เป็ไปได้อย่างไร?”
ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงเท่านั้น แม้แต่หยางเทียน หยางเต้า ฉู่เยว่ฉาน และถังอีิ ต่างก็ได้ยินประโยคนี้ดังก้องอยู่ในใจ แต่เมื่อดูจากพลังหมัดราวกับพายุกระหน่ำที่ปรากฏขึ้น มันดูแข็งแกร่งกว่าหมัดที่สามซึ่งฉู่สยงรับเอาไว้ก่อนหน้านี้มากยิ่งนัก
แม้ฉู่สยงจะรับแรงปะทะของหมัดนี้ได้ เขาก็ยังต้องตกอยู่ในความเสี่ยงตาย
แต่หวังซิงเฉินคนนี้ต้านทานเขาได้อย่างไรกัน?
ในตอนนี้ ทุกคนต่างคาดเดากันว่าตนเองจะสามารถต้านทานหมัดนี้ได้หรือไม่? แต่ไม่มีใครมั่นใจเลยว่าตนเองจะต้านทานมันได้ แม้แต่หยางเทียนและหยางเต้าเอง หากพวกเขามิได้ร่วมมือกันเพื่อต้านทานหมัดนี้ ก็คงยากนักที่จะรับมือมันโดยลำพัง
ฉือเซียวซึ่งมีใบหน้าอันสิ้นหวังอยู่แต่เดิมได้เผยแววตาอันตกตะลึงออกมา ร่างกายเริ่มสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้เลยว่ามันเป็ความใหรือความตื่นเต้นกันแน่
วานรยุทธ์ที่น่าใ ซึ่งมีดวงตาดั่งคบเพลิงตัวนั้นจ้องมองไปทางฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่าง แววตาแฝงไปด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่ง
แม้ตัวเขาเอง ก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าฉินอวี่จะสามารถทนรับมันได้
เมื่อฝุ่นทั้งหมดจางหายไป ทุกคนต่างมองไปยังเงาร่างที่เต็มไปด้วยเืในหลุมขนาดั์ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
แต่สิ่งที่พบคือ...
ร่างกายของฉินอวี่เต็มไปด้วยเื เืเนื้อที่เกือบฉีกออกเป็เสี่ยงบนแขนและมือทั้งสองข้างของเขาร่วงหล่นลงมา จนเผยให้เห็นกระดูกขาวโพลนที่อยู่ภายใน และตอนนี้ก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้ชัดเจน จะเห็นเพียงดวงตาทั้งสองของเขาที่เต็มไปด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่ไม่รู้จบ
ความมุ่งมั่นที่น่าอัศจรรย์ ร่างกายที่แข็งแกร่ง
าเ็สาหัสเช่นนี้ หวังซิงเฉินยังลุกขึ้นยืนได้อีกหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะพูดอีกว่าพลังของหยาจื้อมันก็แค่นั้นเอง?
แม้ว่าจะใ แต่ทุกคนต่างถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ถ้าไม่มีสิ่งเกินความคาดหมายเกิดขึ้น เกรงว่ากำลังอันแข็งแกร่งของหวังซิงเฉินก็คงต้องหมดลง และคิดว่ามันเป็เพียงคำพูดของคนใกล้ตายที่หลงเหลืออยู่ เพียงแต่คำที่แฝงอยู่ในประโยคนี้กลับทำให้หัวใจของทุกคนต่างต้องหนาวเหน็บ
พลังของหยาจื้อ?
ยอดอสูรร้ายหยาจื้อ?
ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงมีพลังของยอดอสูรร้ายหยาจื้ออย่างนั้นหรือ?
เป็ไปได้อย่างไร?
“ประเมินพละกำลังของตนเองสูงเกินไปแล้ว”
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ในใจของฉินอวี่ตอนนี้รู้สึกขมขื่นเป็อย่างมาก
พละกำลังของชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก เดิมทีฉินอวี่ตั้งใจจะอาศัย่เวลานี้ยกระดับการฝึกฝนของตนเองเข้าสู่ขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง และใช้เพลิงแอ่งธรณีกับความแข็งแกร่งของร่างกายต่อสู้กับชายหนุ่มชุดคลุมสีแดง แม้ว่าจะต้องพ่ายแพ้ แต่ก็ทำให้ฉินอวี่ได้รู้ว่าพละกำลังของตนเองนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
แต่เมื่อหมัดทั้งสองของชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงกระแทกลงมา ร่างกายของฉินอวี่ก็ไม่อาจจะต้านทานมันได้เลย จนกระทั่งจบลงด้วยการโจมตีที่รุนแรง และใน่เวลาที่แสนจะอันตรายนี้ ฉินอวี่จึงจำเป็ต้องใช้วิชาปีศาจคลั่งในขั้นที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงคนนี้เป็ผู้มีสายเืของอสูรร้ายหยาจื้อที่ดุร้าย พลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้ อย่างน้อยที่สุด ตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถเทียบได้เลยจริงๆ ขอเพียงชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงไม่สามารถสังหารตนเองได้อย่างทันทีทันใด เช่นนั้นแล้ว... ฉินอวี่จะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
เพียงแต่ มันเป็สิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสียเลยแม้แต่น้อย
ความเ็ปถาโถมเข้ากระทบจิตใจของฉินอวี่ ราวกับกระแสน้ำป่าไหลหลาก เืเนื้อทั่วทั้งร่างของเขาได้รับความสียหายอย่างรุนแรง แต่ในตอนนี้พลังปราณที่อยู่ในเืเนื้อของเขากลับะเิพลุ่งพล่านขึ้น และรวมตัวเป็กระแสพลังที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของฉินอวี่อย่างต่อเนื่อง
ฉินอวี่กำหมัดของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไข่มุกโลหิตในทะเลลมปราณของเขาหมุนขึ้นอย่างรวดเร็ว แก่นปราณหลั่งไหลเข้าสู่ทุกส่วนของร่างกายผสานเข้ากับพลังปีศาจคลั่ง
ขณะที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงกำลังใอยู่นั้น ฉินอวี่ก็หยิบขวดยาออกมาหนึ่งขวดและเทเข้าปากทันที ก่อนจะเริ่มการโจมตีอย่างเข้มข้นอีกครั้ง กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างแข็งแกร่งจนถึงขีดสุด ก่อนจะะเิด้วยความเร็วสูงสุด และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะที่ฉินอวี่หายลับไป ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงที่ขนลุกไปทั่วทั้งร่างได้รู้สึกตัวกลับมา เดิมทีฉินอวี่พูดจาเหมือนคำสั่งเสียของคนใกล้ตาย แต่เขากลับเริ่มต้นการโจมตีอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้ตนเองรู้สึกเหมือนตกอยู่ในอันตราย สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงใและไม่อยากเชื่อเป็อย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้ เขาไม่กล้าจะประมาทศัตรูอีกแล้ว นโมจิตของเขาแผ่ซ่านออกไป กล้ามเนื้อใต้ิัของเขากระตุกอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดพลังอันรุนแรงที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา
ทันใดนั้น แสงสว่างระหว่างดวงตาทั้งสองเปล่งประกายสว่างขึ้น มือซ้ายของเขาควบรวมเป็พลังหมัดกวาดตรงออกไปทางด้านหลัง
ในขณะที่แขนข้างขวาเหวี่ยงออกไป แก่นปราณที่บริสุทธิ์ได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเปลวเพลิง ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นต่างส่งเสียงดังขึ้นอย่างรุนแรง
“ตูม!”
ทันทีที่ฉินอวี่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมสีหน้าที่เฉยเมย มือซ้ายของเขาก็ควบรวมเป็กำปั้น กระแทกใส่แขนของชายหนุ่มที่กระแทกเข้ามาทันทีจนเกิดเสียงดังสนั่น
การกระทบกันอย่างรุนแรง ก่อตัวเป็พลังคลื่นที่โหมกระหน่ำ
“ก็แค่นี้เอง” ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงเยาะเย้ยขึ้นในใจ เขาไม่เชื่อว่าร่างกายของผู้ฝึกตนขั้นเทียนชุ่ยธรรมดาจะสามารถเทียบกับเขาได้ สายเืหยาจื้อได้มอบความมั่นใจในพลังอันแข็งแกร่งให้กับเขา
ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงได้ยินเสียงกระดูกแตกที่ดังลั่นอยู่เช่นกัน ขณะที่เขากำลังเยาะเย้ยอยู่นั้น ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงก็ได้ปล่อยพลังหมัดอันทรงพลังทางมือขวาของเขาตรงไปทางศีรษะของฉินอวี่
เขา้าฆ่าฉินอวี่ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ขณะที่เขาหันตัวกลับมา ชายหนุ่มก็ััได้ถึงใบหน้าของฉินอวี่อย่างไม่ตั้งใจ แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าของฉินอวี่เต็มไปด้วยเื เขาจึงไม่อาจมองเห็นใบหน้าอันแท้จริงของฉินอวี่ได้ แต่ในดวงตาที่เ็าของเขา ก็ทำให้ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงรู้สึกจมดิ่งลงไปทันที
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็ปล่อยพลังจากหมัดข้างขวาออกไป
“ตูมตาม!”
ฟ้าดินสั่นะเืในทันที พลังอันแข็งแกร่งได้ท่วมท้นออกมา เกิดเป็คลื่นที่โหมกระหน่ำขึ้นอย่างรุนแรง
ในขณะที่หมัดทั้งสองปะทะกัน ดวงตาของชายหนุ่มชุดแดงก็เบิกกว้าง เผยให้เห็นถึงความกลัวของเขา เขาััได้เพียงพลังที่เป็ดั่งกระแสน้ำป่าที่รุนแรง ซึ่งดูเหมือนจะเป็พลังที่แข็งแกร่งยากจะต้านทานได้กว่ามือข้างซ้ายหลายเท่า กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของตนเอง
ในตอนนี้
ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงััได้ถึงพลังปราณที่กำลังพลุ่งพล่านในร่างกายของเขา กระดูกในมือขวาค่อยๆ แตกออกเป็เสี่ยง ความแข็งแกร่งที่มีอยู่ภายในได้กลืนกินเืเนื้อบนกำปั้นของเขาราวกับกระแสน้ำวน
เป็ไปได้อย่างไร!!
ผู้ฝึกตนขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สองจะมีพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?
ขณะที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงกำลังหวาดกลัวและใถึงขีดสุด พลังที่น่าสะพรึงกลัวมากก็ได้เข้าโจมตีอีกครั้ง แรงสั่นะเือันทรงพลังกระแทกใส่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงจนกระเด็นออกไปทันที
ฉือเซียวและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง พวกเขาแต่ละคนต่างรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ฉากที่อยู่ตรงหน้าเป็สิ่งที่พวกเขาไม่มีวันลืมได้เลย
อสูรร้ายที่อยู่โดยรอบต่างมีดวงตาเบิกโพลง มองชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงที่กำลังลอยตีลังกาออกไป ดวงตาของพวกมันต่างเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
แม้แต่ดวงตาของวานรยุทธ์ที่น่าสะพรึงกลัวก็ยังแสดงท่าทางที่ดูสยดสยอง
หากก่อนหน้านี้ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงยังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีออกไปเพราะการประมาทศัตรู หมัดที่ใช้ในตอนนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของสายเืหยาจื้ออย่างแน่นอน
แต่...
แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มในขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สองที่แปลกประหลาดคนนี้ได้?
แม้แต่วานรยุทธ์ก็ไม่อยากเชื่อ
ขณะที่ทุกคนกำลังใ ฉินอวี่ก็เดินมุ่งหน้าไปด้านหน้าสามสี่ก้าว หอกศึกพลันปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือ จากนั้นจึงขยับหนึ่งในอสุนีคำรามทั้งสามสายออกมาสายหนึ่ง ก่อนจะถ่ายเทเข้าไปยังเส้นลมปราณและผ่านไปยังมือข้างซ้าย พลันตรงเข้าสู่หอกศึกทันที
“ตูมตาม!”
เสียงดังกึกก้องบริเวณเขตแดนต้องห้าม อสูรร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนต่างเงยหน้าขึ้นมองอย่างหวาดกลัว ราวกับว่าพวกมันกำลังััได้ถึงศัตรูที่ไม่หยุดยั้งซึ่งอาจเป็อันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ภายใต้ความสนใจของทุกคน หอกศึกได้เปล่งประกายแสงสีม่วงออกมา พลังของอสุนีคำรามกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง ก่อตัวเป็สายฟ้ายาวกว่าสิบจ้าง จนแทบจะหลุดพ้นจากพันธนาการของฉินอวี่
ที่ปลายหอกศึก สายฟ้าที่เปล่งออกมาได้แผ่สว่างออกไป พลังทำลายล้างเอ่อล้นออกมาให้เห็น
ฉินอวี่ขว้างหอกศึกออกไปอย่างไม่ลังเล
หอกศึกพุ่งตรงออกไป ราวกับอสูรร้ายที่กำลังออกจากกรง
“ตูม!”
ใน่เวลาที่สำคัญเช่นนี้ วานรยุทธ์ที่อยู่ไม่ไกลก็ลงมือทันที และฟาดฝ่ามือตรงเข้ามาทางหอกศึก
แม้ว่าพลังของหอกที่แปลงจากอสุนีคำรามจะมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถจะต้านทานฝ่ามือของวานรยุทธ์ได้เลย พลังฝ่ามือนั้นทำลายพลังของอสุนีคำราม ปัดหอกศึกตกลงไปกับพื้นทันที
ในเวลานี้ ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงที่พยายามบังคับร่างกายให้นิ่งตรง เพื่อทำการเสริมพลังในกายชดเชยพลังที่ะเิออกมาพร้อมกันกว่าสิบครั้ง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความใและความไม่พอใจ แสงสีแดงเพลิงเปล่งออกจากทั่วทั้งร่างของเขา เงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางท่ามกลางแสงสว่างที่สาดส่องออกมา
“โฮก!”
อสูรร้ายส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วทั้งผืนฟ้า สั่นะเืทั้งฟ้าดิน จนพลังปราณก่อตัวรวมเป็พายุที่โหมกระหน่ำ
ขณะที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงกำลังใช้พลังของหยาจื้อ ปล่อยพุ่งตรงมาทางฉินอวี่ ฉินอวี่ที่กำลังยืนอยู่กลางอากาศ มองเห็นท่าทีของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก ขณะนี้ดวงตาของเขาปรากฏประกายแสงที่สว่างวาบและดูลึกล้ำ เขาค่อยๆ อ้าปากขึ้นพลางพูดว่า “เ้าแพ้แล้ว!”
“ข้ายังไม่แพ้! ข้ายังไม่ได้คืนระดับการฝึกฝนของตนเองสักหน่อย” ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงส่งเสียงะโดังไปบนฟ้าอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะปล่อยหมัดซึ่งมีพลังของหยาจื้ออย่างแท้จริงตรงไปทางฉินอวี่
ฉินอวี่ไม่สนใจ และค่อยๆ หันศีรษะไป เหลือบมองทางวานรยุทธ์ ก่อนจะเดินไปทางด้านหนึ่ง หยิบหอกศึกขึ้นมา และนำใส่กลับไปในวงแหวนมิติ
“เ้าสิบเอ็ด หยุดเถอะ เ้าแพ้แล้วจริงๆ” วานรยุทธ์ถอนหายใจ ยกมือขวาขนาดใหญ่ขึ้นขัดขวางชายหนุ่มชุดคลุมสีแดง และส่งเสียงดังเหมือนระฆังทองแดง
“ข้าไม่แพ้!” ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงส่งเสียงตะคอกไปด้วยความโกรธ
“การโจมตีนั่น ฆ่าเ้าได้นะ!”
ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงตกตะลึงในทันทีราวกับถูกฟ้าผ่า ดูเหมือนจะไม่อยากเชื่อหูตนเอง สายฟ้าแค่สายเดียวนั่น จะฆ่าตนเองได้เชียวหรือ?
ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงเท่านั้น แม้แต่ฉือเซียวและคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน ทุกคนต่างคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ
สายฟ้านั่นสามารถฆ่าชายหนุ่มที่น่าสะพรึงกลัวคนนี้ได้หรือ?
“ข้าไม่เชื่อ!” ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงส่งเสียงะโอย่างโกรธจัด เขามองไปทางฉินอวี่อย่างดุเดือด และขู่ขึ้นเสียงดัง “เ้ากล้าจะสู้กับข้าต่อไปหรือไม่? ไม่ว่าเ้าจะชนะหรือแพ้ พวกเขาไม่ต้องผ่านด่านสอง แต่ตรงเข้าไปยังหอคอยขัดเกลาได้ทันที หากเ้าไม่สู้ต่อ พวกเขาก็ต้องตายกันทั้งหมด!”
“แต่ถ้าข้าเอาชนะเ้าได้ เ้าจะเสียใจภายหลัง?” ฉินอวี่จ้องไปยังชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงอย่างเ็า และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง นี่คือการบังคับให้ตนเองต้องสู้สินะ
“ข้าสาบานต่อบรรพชนหยาจื้อ จะไม่มีวันผิดสัญญาเป็อันขาด” ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงส่งเสียงะโ
“มิหวั่นเกรงต่อการต่อสู้?”
