เมิ่งอู่ฟังแล้ว หัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไตของนางก็นิ่มเป็ก้อนกลมๆ นางกล่าว “อาเหิง รอให้แผลของเ้าหายดีก่อน ไม่ช้าก็เร็วเ้าก็จะได้เห็น”
อินเหิงมองนาง เอ่ยเสียงอ่อนโยน "ไม่ช้าก็เร็ว แต่ไม่ใช่วันนี้กระมัง? ช่างเถิด ขาของข้าไร้ประโยชน์ หากออกจากเรือนรังแต่จะเพิ่มภาระให้เ้าเท่านั้น”
เมิ่งอู่รีบอธิบาย “มิใช่เพิ่มภาระ แต่ข้าเกรงว่าถนนหนทางข้างนอกขรุขระ จะทำให้เ้าล้ม”
ซวี่เฉินฟางดึงตะกร้าที่เมิ่งอู่แบกไว้บนหลังไปนอกประตูลานเรือน ก่อนเอ่ยว่า “ญาติผู้น้องอาอู่ ไปกันเถิด คุยกับเขาไปก็ไร้ประโยชน์” มีแต่จะถูกเขากินจนตาย
อินเหิงบังคับเก้าอี้เข็นให้หันกลับ เหลือเพียงแผ่นหลังอ้างว้างให้เมิ่งอู่ก่อนเอ่ย “ช่างเถิด อาอู่ เ้าไปกับเขาเถิด”
ซวี่เฉินฟางดึงเมิ่งอู่ไม่ได้ นางถอดตะกร้าที่สะพายอยู่ออก แล้ววิ่งกลับเข้าไปหาอินเหิง เอ่ยว่า “อาเหิง อาเหิง พวกเราเลือกเส้นทางที่เรียบหน่อย ข้าพาเ้าไปเดินเล่นในหมู่บ้านนะ”
เมื่ออยู่เบื้องหน้าบุรุษรูปงาม เมิ่งอู่ไม่มีทางต้านทานได้เลย แล้วนางจะทนเห็นอินเหิงเสียใจได้อย่างไร?
ซวี่เฉินฟางจ้องมองตะกร้าเปล่าในมือ สีหน้ามืดครึ้มหมดคำพูด
ภายในลานเรือน อินเหิงหันกลับมามองเมิ่งอู่พร้อมเอ่ยถาม “จริงหรือ ไม่เป็การเพิ่มภาระให้เ้าใช่หรือไม่?”
เมิ่งอู่เดินเข้าไปเข็นเก้าอี้เข็นให้เขาก่อนเอ่ย “ไม่ หากเ้าอยากไปดู พวกเราก็ไป อย่างมากก็แค่เดินอ้อมไกลหน่อย”
ยามที่เมิ่งอู่เข็นอินเหิงออกจากประตูลานเรือน อินเหิงเงยหน้ามองซวี่เฉินฟางอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนหันมองเมิ่งอู่ แล้วเอ่ย “อาอู่ เ้าช่างดีจริงๆ”
สุดท้ายเมิ่งอู่ก็เข็นอินเหิงเดินนำหน้า ส่วนซวี่เฉินฟางก็แบกตะกร้าเดินตามหลังท่าทางเกียจคร้าน เขาหรี่ตามองชายหนุ่มบนเก้าอี้เข็นด้วยสายตาไม่เป็มิตร
เป็ความจริงที่ว่าแม้แต่ปีศาจชั่วร้ายก็เล่นละครไม่เก่งเท่าอินเหิง เกรงว่านี่จะเป็เ้าแห่งวงการละครกระมัง?
ทว่าคนหนึ่งฉลาดเท่าทันคน อีกคนก็เล่นละครเก่ง นับว่าสมน้ำสมเนื้อ
เดินอ้อมจากริมแม่น้ำ ผ่านไปครึ่งหมู่บ้านแล้ว สุดท้ายเมิ่งอู่ถึงเข็นอินเหิงมาถึงที่นาของตนเอง นางจัดแจงให้เขานั่งอยู่บนพื้นที่ราบเรียบ
ในทุ่งปลูกผักกวางตุ้งเขียวชอุ่มเต็มไปหมด แต่ระหว่างร่องผักกวางตุ้งกลับมีวัชพืชขึ้นรุงรัง
น้ำค้างยามค่ำช่วยหล่อเลี้ยงพวกมันให้ชุ่มชื้น และเช้าวันรุ่งขึ้นก็ชุ่มฉ่ำเพราะน้ำ เมื่ออาทิตย์สาดส่องก็สะท้อนแสงนิดหน่อย
ทว่าเมื่อดวงตะวันลอยขึ้นสูง น้ำค้างก็ระเหยไปอย่างรวดเร็ว
เมิ่งอู่มาทำงาน ในเมื่อซวี่เฉินฟาง้าตามมาด้วย ย่อมไม่ปล่อยให้เขานั่งดูเฉยๆ นางโยนเคียวเล่มหนึ่งให้เขา พร้อมสอนวิธีกำจัดวัชพืช
อินเหิงนั่งมองซวี่เฉินฟางนั่งกำจัดวัชพืชอยู่ข้างๆ เมิ่งอู่ บางครั้งซวี่เฉินฟางก็หยิบหญ้ามาโยนใส่ศีรษะของนาง เมิ่งอู่แก้เผ็ดด้วยการหยิบหนอนตัวอ้วนจากแปลงผักโยนใส่หน้าของซวี่เฉินฟาง ส่วนอินเหิงนั่งมองอยู่ด้านข้าง มิอาจทำสิ่งใดได้
ชีวิตในหมู่บ้านเรียบง่ายและน่าสนใจ
บัดนี้ชาวบ้านต่างพากันมาทำงานในไร่ในนากันอย่างขยันขันแข็ง
ไกลออกไปยังได้ยินเสียงชาวบ้านของทุ่งฝั่งนั้นร้องเพลงพื้นบ้าน ส่วนชาวบ้านของทุ่งฝั่งนี้ยืดตัวขึ้นจากไร่นาะโขานรับด้วยความตื่นเต้นยินดี มีชีวิตชีวาหลายครั้ง
ลมพัดคลื่นสีเขียวในทุ่งข้าวฟ่างกว้างใหญ่ รวงข้าวฟ่างที่กำลังสุกงอมโน้มยอดลงโอนเอนไปมาอย่างแรง
เมิ่งอู่ถอนผักกวางตุ้งจากพื้นดินไม่น้อย แล้วอุ้มมากองไว้ข้างเท้าอินเหิง นางเงยหน้ามองเขา แล้วยิ้มกล่าว “อาเหิง เ้าช่วยข้าล้างผักหน่อยได้หรือไม่?”
อินเหิงจ้องดวงตาของนาง อาทิตย์สาดแสงใส่ั์ตาคู่งาม นางหรี่ตาเล็กน้อย สดใสและมีเสน่ห์
อินเหิงตอบรับ “ได้สิ”
ซวี่เฉินฟางที่ยืนอยู่ในแปลงผัก หันมองมาทางนี้ ยิ้มแล้วกล่าวอย่างเอ้อระเหย “หวังสิง หากเ้ายืนขึ้นได้คงอยากจะมากำจัดวัชพืชกับญาติผู้น้องอาอู่สินะ ทว่าน่าเสียดายที่ได้แต่นั่งอยู่แบบนั้น ล้างผักไปน่ะดีแล้ว”
อินเหิงกล่าว “ไม่อยากมาก งานแบบนี้เ้าทำดีกว่า” หากเขายืนขึ้นได้ สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดคือ จับซวี่เฉินฟางกลับหัว แล้วปลูกลงดิน
หลังจากนั้นเมื่อเมิ่งอู่หันกลับไปกำจัดวัชพืชที่แปลงผักต่อ ซวี่เฉินฟางก็เดินมาข้างๆ นาง จู่ๆ ก็ดึงตัวนาง
เมิ่งอู่ไม่ทันตั้งตัว จึงถูกเขาดึงเข้าไปกอดโดยพลัน
กลิ่นหอมของชะมดเชียงอ่อนมากลอยทะลุจมูกของเมิ่งอู่ และสิ่งที่เห็นคือชายเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่อ่อนนุ่มของเขา
ได้ยินเพียงซวี่เฉินฟางกล่าว “ญาติผู้น้องอาอู่ ระวังหน่อย มีงู”
“งูอยู่ที่ใด?” เมิ่งอู่รีบหันมองโดยรอบ
ซวี่เฉินฟางจ้องมองใบผักกวางตุ้งสีเขียวเหลืองใกล้เท้าของเมิ่งอู่ แล้วแสร้งทำเป็ใ “ที่แท้ข้าตาฝาด มองผิดไป ใหมดเลย” จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปลูบปอยผมข้างพวงแก้มของเมิ่งอู่ ก่อนหยิบหญ้าที่ติดอยู่บนผมนางออกมา กล่าวยิ้มๆ “บนศีรษะของญาติผู้น้องอาอู่มีหญ้าติดอยู่”
เมิ่งอู่อดไม่ได้ที่จะมองค้อนเขา บนศีรษะมีหญ้าติดอยู่ มิใช่เพราะเขาเป็คนโยนใส่หรอกหรือ?
ทว่าแม้บนศีรษะของนางไม่มีหญ้าติดอยู่แล้ว แต่บริเวณที่ซวี่เฉินฟางลูบผ่าน กลับมีดอกไม้แดงสดบานสะพรั่งดอกหนึ่งติดอยู่
เพราะสีสันที่สดใสจึงทำให้วงหน้าของนางสว่างขึ้นหลายส่วน
แต่เมิ่งอู่กลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
อินเหิงกล่าว “อาอู่ มาทางนี้”
เมิ่งอู่เดินไปข้างกายเขา อินเหิงจึงเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ที่ติดอยู่บนผมของนางออก
เพียงมองดอกไม้ดอกนั้นแวบเดียว เมิ่งอู่ก็หยิบมันมาเสียบไว้บนผมของอินเหิงด้วยความสนอกสนใจอย่างยิ่งยวด… ความหล่อเหลาของเขาทำให้นางตื่นตาตื่นใจ ภูมิต้านทานคนหน้าตาดีล้มเหลว โพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “อาเหิง ข้าเสียบดอกไม้ให้เ้า เ้าน่ามองจริงๆ”
“...” อินเหิงสีหน้าท่าทางไม่แน่ชัด กล่าวว่า “อาอู่ เ้ากำลังลวนลามข้าหรือ?”
ซวี่เฉินฟางหัวเราะลั่นจนเกือบล้มลงบนคันนา
เมิ่งอู่หันหลังกลับไปกำจัดวัชพืชต่อ อินเหิงเงยหน้า หยิบดอกไม้นั้นออก ก่อนบดขยี้จนแหลกละเอียด แล้วปล่อยให้ปลิวไปตามลม
หลังจากนั้นสาวๆ ในหมู่บ้านก็ทยอยกันมาเก็บผักในบริเวณใกล้เคียง ซวี่เฉินฟางหยอกล้อพวกนางอยู่ริมคันนา
แน่นอนว่าพวกนางเพิ่งเคยเห็นอินเหิงออกมาข้างนอกเป็ครั้งแรก ระหว่างพูดคุยหยอกล้อ ก็อดแอบมองอินเหิงเป็ระยะไม่ได้
รัศมีที่แผ่ออกมาจากกายของอินเหิงกับซวี่เฉินฟางนั้นต่างกัน ซวี่เฉินฟางเป็บุรุษที่ชวนให้ผู้คนหลงใหลไปกับความอ่อนโยนและเ้าชู้เสเพล ส่วนอินเหิงลึกลับ ยากจะเข้าถึง ได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ
เพราะบทเรียนครั้งก่อน ทำให้พวกนางยังคงประหวั่น แม้ทุกคนจะแอบหลงใหลรูปโฉมของเขา แต่มิอาจเข้าไปทักทาย
ยิ่งกว่านั้นยังมีเมิ่งอู่อยู่ด้วย พวกนางจะล่วงเกินเมิ่งอู่ซึ่งหน้าได้อย่างไร
ทั้งสามีแต่งเข้าและญาติผู้พี่ห่างๆ ของเมิ่งอู่ล้วนหล่อเหลาคมคายชนิดฟ้าพิโรธคนตำหนิ ทำให้คนอิจฉาเจียนคลั่งจริงๆ!
ใกล้เที่ยงวัน เมิ่งอู่ก็ถอนวัชพืชในแปลงผักจนเกลี้ยง ซวี่เฉินฟางก็ช่วยงานได้ไม่น้อย แต่ครึ่งหลังเขามัวแต่หยอกล้อบรรดาเด็กสาวจนลืมตัวอย่างสมบูรณ์
อินเหิงจัดการผักกวางตุ้งที่เมิ่งอู่ถอนไว้ โดยเรียงใส่ไว้ในตะกร้าอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย
เมิ่งอู่กำลังจะแบกตะกร้า ซวี่เฉินฟางที่อยู่ด้านหลังก็ยกตะกร้าขึ้นมา ก่อนแบกไว้บนไหล่ของตนเอง
บรรดาสาวๆ ต่างมองด้วยแววตาทอประกายวิบวับ ดีจริงๆ ที่มีญาติผู้พี่ ญาติผู้พี่ของเมิ่งอู่ช่างหล่อเหลา!
ซวี่เฉินฟางเดินผ่านคันนา เสื้อผ้าปลิวไสว แต่ที่น่าแปลกคือเขาสวมหมวกไม้ไผ่สาน แบกตะกร้าผักไว้บนไหล่ ดวงตาใต้หมวกสานคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม วงหน้าหล่อเหลาคมคายโดดเด่น ดูแล้วไม่ขัดกันแม้แต่น้อย
เมิ่งอู่เข็นอินเหิงเดินนำหน้า
แต่เมื่อเดินไปได้ไม่ไกล ก็ต้องเผชิญหน้ากับสองพี่น้องเมิ่งเจียนเจียกับเมิ่งซวี่ซวี