ชิงอีรู้สึกว่าการนอนครั้งนี้ช่างสบายเสียเหลือเกิน พูดได้เลยว่า ต่อให้มีใครจุดมาประทัดข้างนอกก็ไม่อาจปลุกนางได้
เมื่อลืมตาขึ้นมา ก็พบว่ามีก้อนขนอวบอ้วนนอนอยู่บนหมอน ก้นใหญ่ๆ หันเข้าหาใบหน้านาง
หืม?
ใบหน้าเล็กๆ อันทรงเสน่ห์ เริ่มมีรอยขมวดคิ้ว
“เมี้ยว”
เ้าแมวอ้วนส่งเสียงร้อง แล้วถูกนางตบดังเพียะอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจนไปชนกับผนัง
“ช่างกล้านักนะ เ้าอ้วน กล้าดีอย่างไรถึงหันก้นมาหาข้าที่นอนอยู่?!” ชิงอีจ้องมันด้วยสายตาอันน่าขนลุก
เ้าแมวอ้วนส่ายหัวรัวๆ มันไม่กล้า ไม่ใช่มันนะ มันไม่ได้ทำ!
ชิงอีพ่นลมหายใจ และเงยหน้ามองไปหลังม่าน ก็ไม่เห็นร่างของเซียวเจวี๋ยที่เคยอยู่ตรงนั้นแล้ว นางขมวดคิ้วมองเ้าแมวอ้วน “เมื่อคืนเ้ามาั้แ่เมื่อไร?”
เ้าแมวอ้วนลุกขึ้นจากพื้น เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง “หลังจากท่านหลับไปแล้ว”
“หนุ่มน้อยนั่นไม่เห็นเ้าหรือ?”
“เหมือนจะเห็นนะ” เ้าแมวอ้วนนึกย้อน พูดไปแล้วก็แปลก มันรู้สึกว่าความทรงจำของตนเองค่อนข้างแปลก
ชิงอีขมวดคิ้วและลุกขึ้นจากเตียง
“พบตัวผู้ทำผิดหรือไม่?”
เมื่อวานนางไปที่จวนของทั้งสี่ตระกูล แน่นอนว่าเ้าแมวอ้วนก็อยู่ด้วย เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด และวิ่งหาตัวผู้กระทำความผิดที่อยู่เื้ั
ชิงอีมองสีหน้าที่ดูจะแย่สักหน่อยของมัน “เห็นเผ่าพันธุ์เดียวกันตายเลยเศร้าใจหรือไง?”
เ้าแมวอ้วนกระตุกมุมปาก “ข้าไม่ใช่แมวจริงๆ เสียหน่อย”
มันแค่ยืมร่างแมวเพียงชั่วคราวเท่านั้น
“เฮอะ ข้าเห็นว่าเ้าเป็แมวก็รู้สึกสบายดีนี่” นางถึงกับเบะปาก เมื่อเห็นกองเสื้อผ้าที่พับอยู่ข้างเตียง จากนั้นนางก็หยิบชุดขึ้นมาสวมด้วยตัวเองอย่างเกียจคร้าน
เ้าแมวอ้วนกำลังจะเล่าความจริง ทว่า ชิงอีกลับส่ายหน้า “ไม่ต้องบอกหรอก เก็บไว้เป็ความลับเถอะ”
ในเมื่อครั้งนี้ นางได้ออกจากวังมาแล้ว นางจะให้เสียเปล่าไม่ได้
อ่านนิทานก็ต้องพูดถึงเื่ที่มันน่าประหลาดใจสิ หากรู้ตอนจบก่อนแล้ว มันจะไปมีความหมายอะไร?
ก็ได้ เ้าแมวอ้วนทำได้เพียงหุบปาก อย่างไรก็ตาม ความโกรธในดวงตาของมันก็ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้
หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อย ชิงอีก็ออกมาด้วยความสบายใจ เมื่อคนข้างนอกเห็นนาง พวกเขาก็รีบนำน้ำมาล้างหน้าล้างตาให้
ชิงอีไม่จำเป็ต้องให้คนนำทาง นางก็สามารถตามกลิ่นิญญาชั่วร้ายไปเจอกับเซียวเจวี๋ยได้
เหอะ คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าหนุ่มน้อยผู้นี้จะกินอาหารก่อน โดยไม่รอนาง
นางรู้สึกว่าตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะแขก จึงนั่งลงข้างหน้าอย่างวางมาด นางหยิบตะเกียบมาคีบเสี่ยวหลงเปาตรงหน้าใส่ชามตัวเอง แล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่นานนัก อาหารบนโต๊ะเกือบทั้งหมดก็เข้าลงไปอยู่ในท้องของนาง
ทำให้นางขมวดคิ้ว “อาหารเช้าของจวนเ้าต๊อกต๋อยขนาดนี้เลยหรือ? ข้ายังไม่กินอิ่มเลย”
ทั้งหมดล้วนแต่เป็อาหารจืดชืด หากไม่ใช่เพราะรสชาติที่พอไปวัดไปวา นางคงกินไม่ลงแน่
ผู้คนต่างนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ องค์หญิง แต่ท่านเสวยหมดโต๊ะเลย
เซียวเจวี๋ยรู้ว่านางคุ้นเคยกับความฟุ่มเฟือย หลังจากรับดื่มชาเพื่อบ้วนปากแล้ว จึงค่อยพูดว่า “ข้าวปลาอาหารนั้นหายาก กินแค่พออิ่มก็พอแล้ว”
ชิงอีจ้องเขม็ง “ตอนนั้นทำไมเ้าไม่อยู่ในวัดตงหวา แล้วบวชพระซะเลยล่ะ?”
กระทั่งซาลาเปาก็ยัดไส้ผัก หรือผู้เฒ่าจื่อเซียวนั่นเจอิญญากระต่ายแล้วให้เกิดใหม่เป็เขา?
ชิงอีพึมพำ โดยคิดว่าเซียวเจวี๋ยคงไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด และก้มหน้าบ้วนปาก
จึงไม่เห็นว่าชายหนุ่มข้างๆ ตากระตุก และแววตาที่มองนางก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ชั่วขณะหนึ่ง
เ้าตัวปัญหาคิดจริงๆ หรือว่า... เขาเป็ลูกนอกสมรสของจื่อเซียว?
เซียวเจวี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป
เขาบอกลุงจงว่า “รีบไปปลอมตัวให้นางเถอะ”
รีบไปแก้โรคประหลาดนั่น แล้วให้นางกลับวังหลวงโดยไว
มิฉะนั้น เซียวเจวี๋ยเกรงว่าวันหนึ่งตนจะอดไม่ได้ที่จะจัดการนางอย่างไร้ความปรานี เขาควบคุมตัวเองมาได้ตลอด ทว่า เมื่อเจอกับเ้าตัวปัญหานี่ เขาก็ค่อนข้างขาดการยับยั้งอยู่สักหน่อย
แม้แต่ความพยายามในการบำรุงรักษาพลังลมปราณ[1]ก็ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน
จากประสบการณ์เมื่อวาน จึงทำให้ลุงจงปลอมตัวให้นางได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ชิงอีอวดสวยไม่ได้นาน หมวกสีดำนั่นก็สวมลงมาที่ศีรษะอีกครั้ง นางกัดฟันกรอดอย่างเกลียดชัง เ้าหนุ่มน้อยนี่ต้องอิจฉาที่นางงดงามกว่าเขาเป็แน่!
ณ จวนรองเสนาบดีกรมพิธีการ
แม้เว่ยซู่จะไม่เต็มใจ ทว่า เขายังแสร้งทำเป็ยินดีต้อนรับ สายตาที่จ้องชิงอีเผยชัดว่าหมอเถื่อนเช่นเ้าใหญ่โตมาจากไหน
วันนี้แม่หญิงผู้นี้คงไม่ถอดเสื้อผ้าฮูหยินอีกใช่ไหม?
“เรียกพวกสาวใช้ข้างกายนางโสเภณีของท่านมาหน่อยซิ”
ชิงอีที่ไม่ได้พูดไร้สาระ เมื่อเว่ยซู่ได้ยินคำว่า ‘นางโสเภณี’ ในใจก็ด่าทอว่าหญิงสาวผู้นี้ช่างหยาบคายเสียเหลือเกิน แต่พอมองหน้าเซียวเจวี๋ย เขาก็ยังต้องเรียกคนออกมา สาวใช้ของฮูหยินเว่ยชื่อว่าชุ่ยหลิ่ว ด้วยปลายคิ้วเรียวยาว โหนกแก้มสูง จึงดูเหมือนว่ามีใบหน้าแหลมคม
ทันทีที่นางเดินเข้ามาก็ดูประหม่าเป็อย่างมาก นางก้มหน้ามองมือที่ไม่โผล่ออกมาจากแขนเสื้ออยู่ตลอดเวลา
“วันนั้นที่ไปชานเมืองฝั่งตะวันตก เ้ารับใช้อยู่ข้างกายนางหลี่หรือไม่?”
ฮูหยินของเว่ยซู่มีสกุลว่าหลี่ ชิงอีเรียกแบบนี้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถึงแม้ว่านางชอบเรียกอีกฝ่ายว่าผู้หญิงอ้วนก็ตาม
“ใช่แล้วเ้าค่ะ” ชุ่ยหลิ่วพยักหน้า พร้อมร่างกายที่สั่นเทาเล็กน้อย
ชิงอีมองนางอย่างเหยียดหยาม “ตัวสั่นเทาแบบนี้ ดูเหมือนว่าเื่ในวันนั้นเ้าคงมีส่วนร่วมด้วยสินะ แล้วเ้าก็ซวยไปด้วยใช่ไหมล่ะ?”
คำพูดสั้นๆ ที่ตรงประเด็น ทำเอาซ่ยหลิวคุกเข่าลงจนเกิดเสียงดังตุ้บ นางมองชิงอีด้วยความตื่นตระหนก “นายท่านช่วยด้วยเ้าค่ะ ช่วยนายหญิงกับข้าด้วยเ้าค่ะ!”
เว่ยซู่ตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ชุ่ยหลิ่ว เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ยังจะซ่อนอีกทำไมกัน เอามือของเ้าออกมาให้รองเสนาบดีดูสิ” ชิงอีพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ชุ่ยหลิ่วยื่นมือที่สั่นเทาออกมาจากแขนเสื้อ เว่ยซู่ส่งเสียงร้องขึ้นมาหลังจากเห็นมัน และก้าวถอยหลังไปหลายก้าว “ขน...ทำไมมือของเ้าถึงมีขนขึ้นด้วยล่ะ!”
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่มือของชุ่ยหลิวที่มีขนดก ทว่า ฝ่ามือทั้งสองข้างยังมีปุ่มเนื้อที่ดูคล้ายว่ามันกำลังจะกลายเป็อุ้งมือแมว
“กรรมตามสนอง ทำอะไรไว้ก็จะได้เช่นนั้น” ชิงอีหัวเราะ พูดได้ไม่กี่ประโยคก็รู้สึกคอแห้ง นางจึงพูดกับเว่ยซู่ที่กำลังอกสั่นขวัญหายว่า “ข้าคอแห้งน่ะ ไปเอาน้ำชามาให้ข้าหน่อยสิ จำไว้นะ น้ำต้องเป็น้ำแร่จากูเา ชาก็ต้องเป็ชาหยุนอู้”
เื่มาถึงขนาดนี้แล้วยังคิดที่จะดื่มชาอีก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เว่ยซู่จะกล้าปฏิเสธคำขอของนางได้อย่างไร เขารีบสั่งให้คนไปเอาน้ำชามา
ชิงอีจิบชาอย่างอ่อยอิงไปสองอึก จากนั้นก็จิ๊ปาก แล้วนำถ้วยชายัดใส่มือของเซียวเจวี๋ยอย่างรังเกียจ
ถังแตกหรือไร เป็ตั้งรองเสนาบดี ดูแลแเื่ด้วยชากลิ่นเหม็นอับเช่นนี้น่ะหรือ
เมื่อเซียวเจวี๋ยเห็นท่าทีรังเกียจของนาง ก็อดส่ายหัวไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้วางถ้วยชาลง แต่กลับถือเอาไว้เล่น
เป็สาวน้อยที่ช่างเลือกเสียจริง
“มองข้าทำไม?” นางเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเว่ยซู่และคนอื่นๆ ต่างจ้องนางเป็ตาเดียว นางส่งเสียงฮึออกมา พลางหันมองชุ่ยหลิ่ว “เ้าจะสารภาพด้วยตัวเอง หรืออยากให้ข้าพูดแทนล่ะ?”
เว่ยซู่โกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก นอกจากท่านจะยังไม่อธิบายอะไรแล้ว เมื่อครู่ก็พูดไปเรื่อย คนผู้นี้้าอะไรกันแน่!
ชุ่ยหลิ่วจะกล้าปฏิเสธคำสั่งของนางได้อย่างไร สุดท้ายจึงรีบเล่าเื่ทุกอย่างในวันนั้นออกมาทั้งหมด
“วันนั้นที่เขตชานเมืองฝั่งตะวันตก ฮูหยินของท่านป๋อหยวนโหวถูกแมวป่าข่วน เมื่อนายหญิงทราบเื่ นางจึงสั่งให้คนจับแมวป่ามาฆ่า ไม่นานหลังจากนั้น นายหญิงก็เกิดเป็โรคประหลาด” ชุ่ยหลิ่วเล่าด้วยแววตาหวาดกลัว “เมื่อคืนนี้ นายท่านขอให้ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นายหญิง หลังจากที่ข้ากลับมาที่ห้องของตนเอง มือนี้ก็...”
ขณะที่นางพูดก็ร้องไห้ออกมา “ต้องเป็แมวป่าตัวนั้นแน่ๆ ที่มาแก้แค้น! นายท่าน ท่านต้องช่วยพวกเรานะเ้าคะ”
เว่ยซู่ที่ฟังอยู่ทั้งประหลาดใจทั้งโกรธ “เื่สำคัญเช่นนี้ เหตุใดเ้าถึงไม่พูดให้เร็วกว่านี้?!”
“ก่อนหน้านี้ ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะเป็เช่นนี้ จนกระทั่ง เมื่อคืน...”
“ใช่สิ เ้าจะไปคิดได้อย่างไรกันล่ะ...” ชิงอีส่งเสียงหัวเราะคิกคัก มันดังก้องหู จนทำให้ตัวสั่นเทาอย่างยากจะอธิบาย “สุดท้ายแล้ว มันก็เป็แค่สัตว์ตัวหนึ่งที่ถูกฆ่าตายก็เท่านั้น...”
นางโน้มตัวไปข้างหน้า จนหมวกสีดำลงไปอยู่ระดับเดียวกับหน้าของชุ่ยหลิ่ว
เพียงชั่วพริบตา ชุ่ยหลิ่วรู้สึกเพียงแค่ตรงหน้าของนางมีเพียงความมืดมิด
เสียงของชิงอีประหนึ่งซึมลึกเข้ากระดูก เจาะลงไปยังส่วนลึกของจิติญญา “ชีวิตของเ้าสูงส่งมากกว่าแมวตัวนั้นสักเท่าไรกันเชียว?”
****************************
[1] บำรุงพลังลมปราณ (养气) เป็การบำรุงรักษาชีวิตแบบจีนโบราณ ซึ่งเน้นไปที่พลังงาน 3 ประเภท ได้แก่ (1) จิง หรือพลังชีวิต (2) ซี่ หรือพลังลมปราณ และ (3) เสิน หรือพลังสมองหรือระบบประสาท โดยถ้าพลังงานทั้งสามอยู่ในภาวะที่สมบูรณ์จะส่งผลให้ร่างกายอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้เต็มที่
