หร่านซวี่จือเดินไปถึงทางขึ้นบันไดก็เห็นหวังเซวียนวิ่งหน้าตาตื่นมาและเอ่ย “นายท่าน มีคนของทางราชการมาขอรับ”
หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว
ราชการ? คนของทางราชการไหงจึงมาตรวจถึงที่เยวี่ยชุนโหลวได้?
สายตาของหร่านซวี่จือทอดมองไปทางประตูก็เห็นคุณชายลูกเศรษฐีคนนั้นมองมาทางหร่านซวี่จือด้วยท่าทางวางมาดและจองหองทะนงตน แววตาของเขานั้นเ้าเล่ห์กลับกลอกทำเอาหร่านซวี่จือถึงกับอยากตะบันหน้าเขาต่อหน้าผู้คนสักที
หร่านซวี่จือไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายแต่เห็นเพียงคุณชายคนนั้นพูดคุยอะไรบางอย่างกับคนข้างกาย
คนคนนั้นรูปร่างสูงมาก เนื่องจากเขายืนอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มคนทำให้หร่านซวี่จือมองไม่ถนัดนัก ทีแรกเข้าใจว่าเป็ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องแต่เมื่อเขาเดินมาด้านหน้า หร่านซวี่จือหรี่ตามอง เขาสวมชุดจิ้นจวง [1] สีน้ำตาลแดงต่างจากมือปราบคนอื่นๆ ข้อมูลที่แสดงอยู่ด้านข้างคือ เจียงเสาเสวี่ยเป็หนึ่งในมือปราบของลิ่วซ่านเหมิน สำนักพิทักษ์คุณธรรม มีลักษณะนิสัยซื่อสัตย์และยึดมั่นในความถูกต้อง อีกทั้งยังเป็อดีตลูกศิษย์ของจินตง
ลูกศิษย์ของจินตง?
หร่านซวี่จือเอะใจ
เจียงเสาเสวี่ยมีเครื่องหน้าที่หล่อเหลา หางคิ้วของเขาชี้ขึ้น ในแววตามีความมุ่งมั่น เขาย่างเท้ามาด้านหน้าแต่ไม่พูดจากับหร่านซวี่จือแต่อย่างใด ชูตราราชการในมือขึ้นสูงแล้วเอ่ยว่า “ค้น! ”
“ช้าก่อน” หร่านซวี่จือแผดเสียงแล้วมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉียบขาด “ไม่ทราบว่าหอเล็กๆ นี้มีปัญหาอะไรหรือ? ใต้เท้าไยจึงไม่พูดจาเอะอะก็สั่งค้นเล่า? ”
แม้ว่าจะเป็ศิษย์ของจินตงแต่เขาไม่รู้จักหร่านซวี่จือ ย่อมไม่มีความสัมพันธ์สิ่งใดให้พูดคุยต่อกัน
ยามปกติลิ่วซ่านเหมินนั้นเพียงปราบผู้ร้ายในยุทธภพ ตามสืบคดีผิดกฎหมายต่างๆ แม้รู้ว่ามีนักโทษของราชสำนักหลบซ่อนตัวอยู่ในหอนางโลม แต่เื่เช่นนี้ทั่วไปแล้วก็ต้องนำส่งสาส์นแจ้งเตือนล่วงหน้ามาก่อน การบุกเข้ามาถึงที่อย่างกะทันหัน ไม่เพียงส่งผลต่อความสุขของบรรดาแเื่ ทั้งยังส่งผลต่อการถูกวิจารณ์ในแง่ที่ไม่ดีอีกด้วย
“ทางราชการกำลังปฏิบัติหน้าที่ ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรบกวน” เจียงเสาเสวี่ยตอบโดยที่สีหน้าไร้ความรู้สึก
หร่านซวี่จือโมโหจนอยากขำ “ใต้เท้าเจียง หอของเรานั้นทำกิจการอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย แเื่ของเราก็มีสถานะที่สูงส่ง หากเกิดไปทำให้พวกเขาโกรธ ท่านจะให้ข้ารายงานว่าอย่างไร? ”
“นี่หาใช่เื่ที่ข้าต้องพิจารณาไม่”
“ข้าไม่ได้รับสาสน์แจ้งจากราชการ คงอดสงสัยไม่ได้ว่านี่ท่านถือวิสาสะปฏิบัติหน้าที่โดยพลการหรือไม่? ”
เมื่อคำพูดนี้ของหร่านซวี่จือออกไป เจียงเสาเสวี่ยเองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาเช่นไร เพียงแค่ยืนกรานคำสั่ง “หากนายท่านหร่านซวี่จือไม่ยอมให้ความร่วมมือ ก็อย่าโทษหากข้าใช้กำลัง”
เห็นทีคงจะค้นให้ได้
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ หร่านซวี่จือก็นึกได้เื่หนึ่ง
หากอิงจากเนื้อเื่เดิม เจียงเสาเสวี่ยต้องคิดหาหนทางในการตามหาข่าวคราวของจินเฟิง แต่เป็เพราะเขา เนื้อเื่จึงได้รับการแก้ไข ถ้าเส้นเวลาของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง การมาของเจียงเสาเสวี่ยครั้งนี้ก็เพื่อมาตามหาจินเฟิงอย่างนั้นหรือ?
ทำเช่นนั้นไม่ได้ หากเจียงเสาเสวี่ยออกโรงก็เท่ากับว่าเขาต้องหาทางพาตัวจินเฟิงไปอย่างแน่นอน หร่านซวี่จือยังไม่ทันจัดการเื่ราวทั้งหมดได้ลงตัวจะปล่อยให้เจียงเสาเสวี่ยพาตัวจินเฟิงไปได้อย่างไรกัน?
เมื่อเจียงเสาเสวี่ยออกคำสั่ง ลูกน้องที่อยู่โดยรอบก็กรูกันเข้ามา หร่านซวี่จือถอยหลังครึ่งก้าว รัศมีสามฟุตจากเท้าเกิดคลื่นพลังสีขาวลอยตัวขึ้นมา ทำให้มือปราบที่กำลังพุ่งไปทางข้างในร้านถึงกับกระเด็นอัดกับกำแพง
เจียงเสาเสวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “คิดไม่ถึงว่านายท่านหร่านซวี่จือจะแข็งแกร่งเพียงนี้ ถ้าเยี่ยงนั้นข้าคงต้องลงมือเองเสียแล้ว”
เขาเพียงแค่กระทืบเท้า ชั่วพริบตาก็ดึงระยะเข้ามาใกล้หร่านซวี่จือ เสียงดาบออกจากฝักดังขึ้น ปลายกระบี่ที่แหลมคมพุ่งตรงมาและปะทะกับด้ามจับพัดเต็มแรง
‘แกรก'
หร่านซวี่จือมองขึ้นสบตากับดวงตาที่เปรียบดั่งบ่อน้ำอันแสนเยือกเย็นก็ไม่ปาน ดวงตานั้นค่อยๆ หรี่ลง จังหวะที่ปลายพัดลื่น ฝ่ามือพลิกออกด้านนอกพร้อมกับส่งกำลังภายในออกมาผ่านทางอากาศและพุ่งไปโจมตีเจียงเสาเสวี่ยด้วยความเร็วและฆแรง
เจียงเสาเสวี่ยถอยหลังด้วยความว่องไว กระบี่โต้ฝ่ามือนั้นกลับพร้อมกับหลบหลีกการโจมตีครั้งนี้ของหร่านซวี่จือไปได้
เสียงการต่อสู้นั้นดังอย่างมาก จนทำให้ผู้คนใ
จินเฟิงที่ถือกะละมังน้ำกำลังเดินผ่าน เมื่อได้ยินเสียงก็ขมวดคิ้วและรีบวิ่งไปตรงบันได จากนั้นเจาก็ชะเง้อศีรษะมองลงมา ขณะที่เห็นเจียงเสาเสวี่ยนั้นถึงกับใ
หากจำไม่ผิด เจียงเสาเสวี่ยต้องมาหาเขาในอีกสามปีให้หลังนี่ ทำไมถึงมาเร็วเช่นนี้?
หร่านซวี่จือกำลังจะโจมตีต่อ ใครเล่าจะรู้ว่าทันใดนั้นหน้าอกก็เกิดอาการจุก เบื้องหน้าดับมืด ท้องฟ้ากับพื้นนั้นหมุนจนน่าเวียนศีรษะ รอจนเมื่อรู้ตัวอีกที ทั้งร่างก็ถูกแรงกระแทกจนร่วงหล่นกับพื้น
ปลายกระบี่ของเจียงเสาเสวี่ยนั้นพาดผ่านใบหน้าขาวดุจหิมะของหร่านซวี่จือไปและเสียบกับแผ่นหินบนพื้น
“นายท่านหร่านซวี่จือ ข้าไม่ได้อยากทำให้เื่ราวใหญ่โต” เจียงเสาเสวี่ยกล่าว “ครั้งนี้ที่ข้ามา ก็เพียงเพื่อตามหาคน หากว่า…”
ขณะที่เจียงเสาเสวี่ยกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง สายตาก็เลื่อนขึ้นและกวาดมองไปทางชั้นสองอย่างรวดเร็ว สายตาจับจ้องกับจินเฟิงที่อยู่ตรงบันไดที่ขึ้นไปถึงชั้นสอง จากนั้นเขาก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นชั้นสองด้วยแววตาที่เฉียบขาดอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจกระบี่ที่อยู่ตรงนั้นและก็ไม่พูดไม่จา
หร่านซวี่จือออกแรงมากมายเพื่อชันตัวให้ลุกขึ้นมาครึ่งท่อน เมื่อเห็นว่าเจียงเสาเสวี่ยสังเกตเห็นจินเฟิงแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นก็กำกระบี่ยาวของเจียงเสาเสวี่ยและถ่ายกำลังภายในเข้าไปแล้วบังคับกระบี่ให้แทงเข้าด้านหลังของเจียงเสาเสวี่ย
เจียงเสาเสวี่ยรับรู้ถึงอันตรายจากด้านหลัง ชายหนุ่มจึงรีบเคลื่อนย้ายร่างอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา หร่านซวี่จือพุ่งตัวไปแล้วหิ้วตัวจินเฟิงขึ้นมาเหนือพื้น
“นายท่านหร่านซวี่จือ ข้าน้อยขอดูเด็กน้อยคนนั้นได้หรือไม่? ” เจียงเสาเสวี่ยเอ่ย
หร่านซวี่จือจ้องเขาอย่างเกรี้ยวกราด “นี่คือน้องชายข้า เ้า้าจะทำอะไรมิทราบ? ”
จินเฟิงถูกหร่านซวี่จืออุ้มขึ้นมาไว้ในอก กลิ่นหอมจางๆ โชยอยู่รอบจมูก เมื่อได้ยินคำว่า “น้องชาย” ร่างกายถึงกับสั่น
หร่านซวี่จือในชาติที่แล้ว ไม่เคยยอมรับว่าตนเองคือน้องชายมาก่อน กระทั่งไม่เคยมองเขาแบบซึ่งๆ หน้ามาก่อนด้วยซ้ำ กระทั่งสถานะของเขาก็รับรู้จากการบอกเล่าของคนรับใช้ ต่อมาเมื่อเขาค่อยๆ เริ่มแสดงพลังออกมา คนผู้นี้ก็คิดหาแผนการร้อยแปดเพื่อกำจัดเขา
เ้าสำนักชิงหยาเก๋อที่สถานะสูงส่ง จู่ๆ ก็มีน้องชายที่ไร้ค่าไร้ประโยชน์โผล่มา เป็ใครก็คงรู้สึกว่าเป็ตัวภาระ
ั้แ่เกิดใหม่ ครั้งแรกที่หร่านซวี่จือพบเขา ชายหนุ่มก็บอกกับเขาว่าคือ “น้องชาย” ที่ปฏิกิริยาของจินเฟิงนั้นแข็งกร้าว ก็เพราะเขารู้สึกว่ามันเป็คำที่เหยียดหยามกัน
ทว่า หร่านซวี่จือกลับยอมรับเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย
แม้เขาจะรู้ว่าเจียงเสาเสวี่ยคือคนที่อยู่ข้างตนเอง แต่ในสายตาของหร่านซวี่จือ ยามนี้เจียงเสาเสวี่ยก็อาจจะเป็คนที่ทำอันตรายต่อตัวจินเฟิงได้เช่นเดียวกัน ที่หร่านซวี่จือปกป้องเขาถึงเพียงนี้ นี่ก็ทำให้จินเฟิงถึงกับรู้สึกสับสนมึนงง
ทำไมหร่านซวี่จือถึงเป็เช่นนี้ไปได้?
เพราะมีคุณธรรมในใจ หรือมีแผนการบางอย่างกันแน่?
การหยุดยั้งของหร่านซวี่จือทำให้เจียงเสาเสวี่ยโมโหเล็กน้อย เขาจึงไม่ยับยั้งแรงพร้อมกับปล่อยฝ่ามืออัดเข้าด้านหลังของหร่านซวี่จือเต็มแรง
“อึก”
เสียงนี้ดังขึ้นเบาๆ กลิ่นหอมจางๆ ที่จินเฟิงได้กลิ่นก็มีกลิ่นคาวเืปนเข้ามา ขณะเดียวกันของเหลวอุ่นๆ ก็หยดลงบนใบหน้ากับแขนเสื้อ
หร่านซวี่จือยกมือขึ้นเช็ดเืตรงมุมปาก ความเ็ปตรงหน้าอกนั้นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนว่าธาตุเย็นที่ได้รับจากร่างกายของจินเฟิงหลายวันก่อนยังกำจัดไม่หมด ฝ่ามือเมื่อครู่ของเจียงเสาเสวี่ยจึงทำให้ลมปราณแย่ๆ เ่าั้กำเริบขึ้นมาอีก
มือของจินเฟิงที่คว้าเสื้อตรงอกของหร่านซวี่จือถึงกับเกร็งไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
เจียงเสาเสวี่ยนึกไม่ถึงว่าฝ่ามือนี้จะส่งผลทำร้ายหร่านซวี่จือได้าเ็สาหัสเพียงนี้ ชั่วขณะนั้นจึงตะลึงงัน