อวี๋ฉี่เจ๋อพลิกกายลงจากเตียงอย่างยากลำบากเดินฝีเท้าเบาหวิวไปยังหน้าประตูห้อง ยกมือขึ้นจับกลอนประตูแล้วพยายามออกแรงดึงทว่าขาทั้งสองอ่อนแรงจนยืนแทบไม่ไหว เขาเอนกายพิงกำแพงเอาไว้ส่ายหน้าเอ่ยอย่างยากลำบากว่า “ท่านแม่ ข้าไม่เป็อะไร...”
กล่าวยังไม่ทันจบ ร่างทั้งพลันโคลงเคลงจนล้มลงสู่พื้นสตรีแซ่ซ่งมือไม้ว่องไว นางรีบเอื้อมมือพยุงเอาไว้แล้วประคองเขามานอนลงบนเตียงใช้มือแตะหน้าผากของเขา รับรู้เพียงว่าร้อนจนลวกมือสตรีแซ่ซ่งเป็กังวลจนน้ำตาเอ่อคลอ นางเอ่ยอย่างปวดใจออกมาว่า “ลูกเอ๋ยเ้าตัวร้อนแล้ว แม่จะไปเรียกท่านปู่ของเ้ามา”
อวี๋ฉี่เจ๋อที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มตัวร้อนจนรู้สึกเลอะเลือนเขาลืมตาไม่ขึ้น แก้มขาวซีดของเขาถูกแผดเผาจนเจือสีแดงระเรื่อริมฝีปากแดงระเรื่อกว่าปกติเล็กน้อยเช่นกันใบหน้าดุจหยกประดับกวนเปี่ยมด้วยความงามยิ่งกว่าปกติ
ทว่าทั้งร่างกลับอ่อนแรงจนราวกับสามารถสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
บนท้องฟ้ายังคงมีฝนตกลงมาเพียงแต่ไม่หนักเท่าเมื่อวาน สตรีแซ่ซ่งเดินไปยังโถงใหญ่อย่างเร่งรีบเคาะประตูห้องทางทิศตะวันออกอย่างร้อนใจว่า “ท่านพ่อ ท่านตื่นแล้วใช่หรือไม่? ฉี่เจ๋อป่วยขึ้นไข้สูง ท่านรีบไปตรวจดูเขาเถิดเ้าค่ะ!”
ไม่นานนัก เสียงของสตรีแซ่อวี๋โจวดังมาจากภายในห้อง"เอะอะโวยวายั้แ่เช้าตรู่ทำไมกัน? ปกติเ้าห้าก็ล้มป่วยไม่น้อยหนอยู่แล้วเ้าจะร้อนรนจนร้องโหวกเหวกไปทำไม? ย่อมต้องรอให้ท่านพ่อของเ้าสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเสียก่อน"
สตรีแซ่ซ่งยืนน้ำตาไหลอยู่นอกห้องสตรีแซ่จ้าวที่อยู่ในห้องฝั่งทิศตะวันตกถูกปลุกจนตื่นนางสวมเสื้อคลุมเดินออกมาดูครู่หนึ่ง สตรีแซ่ซ่งรีบเช็ดน้ำตาสตรีแซ่จ้าวหรี่ตามองนางเพียงครู่แล้วเอ่ยวาจาเย้ยหยันว่า “พี่สะใภ้รองท่านทั้งร้องไห้ทั้งะโั้แ่เช้าตรู่ หากไม่รู้ ยังคิดว่าในจวนของเรามีงานศพเสียด้วยซ้ำเ้าห้าก็ป่วยบ่อยเป็ปกติ เ้าร้อนใจอะไร ไม่ใช่ว่าจะตายแล้วสักหน่อย”
สตรีแซ่ซ่งจดจ้องสตรีแซ่จ้าวด้วยดวงตาแดงก่ำฉายแววเกลียดชังออกมานางตะคอกเสียงดังใส่สตรีแซ่จ้าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "จ้าวเสวี่ยหรูถ้าเ้ายังกล้าสาปแช่งลูกข้าอีก ข้าจะฉีกปากเ้า!"
เสียงคำรามนี้ใช้พละกำลังของสตรีแซ่ซ่งจนหมดสิ้นนางสั่นสะท้านไปทั้งกาย แม้แต่มือที่ชี้ไปทางสตรีแซ่จ้าวก็ยังสั่นเทา
สตรีแซ่จ้าวใคิดไม่ถึงว่าซ่งชุนที่มีนิสัยยอมอ่อนข้อมาโดยตลอดและไม่เคยพูดเสียงดังมาก่อนยังจะมีท่าทีเสียสติเช่นนี้
เหมือนกับว่าหากนางพูดอีกสักคำเดียวซ่งชุนก็จะกระโจนเข้ามาฉีกนางเป็ชิ้นๆ จริงๆ
สตรีแซ่จ้าวไม่กล้าส่งเสียงอีก นางปิดประตูลงแล้วพึมพำเสียงเบา“ะโใส่ข้าทำไมกัน ก็แค่ร่างกายที่ทรุดโทรมของอวี๋ฉี่เจ๋อ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องตายกินยาต้มไปถึงเพียงนั้น ไม่เท่ากับโยนเงินทิ้งเสียเปล่าอย่างนั้นหรือ!ตอนนี้กล้าดีอย่างไรมายืนแข็งข้อกับข้า!”
อวี๋ฮั่นซานที่นอนอยู่บนเตียงพลิกกาย เอ่ยอย่างร่าเริง"เช่นนี้ไม่เท่ากับเ้ารนหาเื่ถูกด่าหรอกหรือ? สมบัติล้ำค่าที่สุดของครอบครัวรองทั้งสองคนก็คือคนป่วยผู้นั้นของพวกเขาเ้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าพี่สะใภ้รองไม่ว่านางจะอารมณ์ดีเพียงใดก็ต้องทะเลาะกับเ้า"
สตรีแซ่จ้าวสบถอย่างโกรธเกรี้ยว "พอๆๆข้าพูดความจริงแล้วจะเป็อะไรไป หากภายหน้าอวี๋ฉี่เจ๋อตายครอบครัวรองของพวกเขาไม่มีแรงงานบุรุษสักคนไม่ใช่ว่าต้องพึ่งพาครอบครัวสามของเราหรอกหรือ! กล้าะโใส่ข้าข้าจะดูสิว่าภายหน้าครอบครัวรองของพวกนางจะใช้ชีวิตกันอย่างไร!"
ด้านนอกห้อง สตรีแซ่ซ่งกำหมัดแน่นสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายอึดใจถึงค่อยผ่อนคลาย น้ำตาหลั่งริน จิตใจร้อนรนดังไฟเผาเอ่ยเร่งเร้าทั้งเสียงสะอื้นว่า "ท่านพ่อ ท่านแต่งตัวเร็วสักหน่อยเถิดเ้าค่ะไม่รู้ว่าฉี่เจ๋อตัวร้อนมานานเพียงใดแล้ว ตอนนี้ยืนไม่ไหวแล้วเ้าค่ะ"
ผ่านไปอีกสักพักหนึ่ง ประตูห้องทิศตะวันออกถึงเปิดออกอวี๋หรูไห่จัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่แล้วเดินตามสตรีแซ่ซ่งไปยังเรือนตะวันออกอย่างรวดเร็ว
อวี๋เมิ่งซานนั่งรออยู่บนเตียงอย่างร้อนรนในใจเกิดความกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เขาปีนป่ายลงจากเตียงะโขาเดียวเข้าไปในห้องด้านในหยิบน้ำชาที่กินเหลือเอาไว้บนโต๊ะขึ้นมาทำผ้าเช็ดหน้าให้เปียกจากนั้นวางไว้บนหน้าผากของอวี๋ฉี่เจ๋อเพื่อลดความร้อนให้เขา
หลังจากอวี๋หรูไห่มาถึงได้ตรวจชีพจรอวี๋ฉี่เจ๋อเขาอดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้ เขาเข้าไปในห้องสมุนไพรเพื่อจัดยาลดไข้แล้วให้สตรีแซ่ซ่งนำไปต้ม
ล้มป่วยมานานปีจนเคยชินกับการดื่มยาต้มทว่าอวี๋ฉี่เจ๋อที่ตัวร้อนจนสติพร่าเลือนยังคงถูกความขมของยาที่ป้อนเข้าปากปลุกให้มีสติกลับมาบ้างเล็กน้อย
เขาเป็คนรู้ความมาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้จะรังเกียจความขมของยาต้มยิ่งนักแต่เขากลับไม่เคยเอ่ยออกมา เมื่อมีสติเล็กน้อยอวี๋ฉี่เจ๋อจึงรับถ้วยยาจากมือของสตรีแซ่ซ่ง กระดกดื่มจนหมดในรวดเดียว
สตรีแซ่ซ่งรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับยาตรงมุมปากเขา กล่าวอย่างปวดใจว่า"ท่านปู่ของเ้าบอกว่าดื่มยาแล้วไข้จะลด ฉี่เจ๋อ เ้านอนสักหนึ่งตื่นก็จะหายดีแล้ว"
อวี๋ฉี่เจ๋อพยักหน้าอย่างอ่อนแรงครั้นเหลือบไปเห็นหางตาแดงก่ำของสตรีแซ่ซ่งจึงส่ายหน้า "ท่านแม่ท่านไม่ต้องเป็ห่วง ข้าไม่เป็อะไร"
สตรีแซ่ซ่งพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า "แม่ไม่เป็ห่วง"
แต่น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความสะอึกสะอื้นนางออกไปอุ้มผ้าห่มเข้ามาอีกสองผืนแล้วคลุมลงบนกายอวี๋ฉี่เจ๋อ"ห่มเอาไว้ให้เหงื่อออก แม่จะไปต้มข้าวต้มให้เ้า รอให้เ้าตื่นแล้วค่อยกิน"
ภายในห้องโถง อวี๋หรูไห่เป็กังวล สตรีแซ่อวี๋โจวคาดเดาอยู่ภายในใจทำทีเป็เอ่ยด้วยความเป็ห่วงว่า "นายท่าน ร่างกายของหลานห้าเป็อย่างไรบ้าง?"
อวี๋หรูไห่ส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างใจหวิว "เกรงว่าคงไม่ดีแน่ไม่รู้ว่าจะฝืนอยู่จนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าหรือไม่..."
นอกห้องมีเสียงดัง ''เคร้ง'' สตรีแซ่ซ่งที่เอาน้ำชาร้อนมาส่งได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีกาต้มน้ำในมือร่วงหล่นลงพื้น น้ำร้อนสาดกระเซ็นลวกเท้าของนางทว่านางกลับยืนเหม่อลอยอยู่ที่เดิมราวกับไม่รับรู้ถึงความเ็ป
ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติกลับคืนมานางรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงอย่างไร้เหตุผล ดวงตาคลอหยาดน้ำอุ่นดวงตาแดงก่ำจดจ้องอวี๋หรูไห่เขม็ง "ท่านพ่อ ท่านว่าอะไรนะเ้าคะ?"
อวี๋หรูไห่สะดุ้งใกับท่าทางคล้ายเป็โรคสูญเสียจิตใจของนางเพราะเกรงว่าจะะเืใจจนทำให้สตรีแซ่ซ่งเสียสติจึงไม่กล้าเอ่ยถึงเื่เมื่อครู่อีก
สตรีแซ่อวี๋โจวที่นั่งอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเอ่ย "สะใภ้รองเ้ายังมีกฎระเบียบอยู่บ้างหรือไม่ ดูสิว่าตอนนี้เ้าเป็เช่นไรเรียกได้ว่าเหมือนหญิงเสียสติคนหนึ่ง!"
สตรีแซ่ซ่งยกยิ้มอย่างน่าเวทนา ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยน้ำตา"ท่านแม่ เจ๋อเกอเอ๋อร์ของข้าจะทนฝืนไม่พ้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าแล้วข้ายังต้องห่วงสำรวมกิริยามีระเบียบอะไรอีกเล่า? เพราะ์ก็้าบีบบังคับให้ข้าเสียสติ!"
ทำเอาสตรีแซ่จางที่วิ่งเข้ามาหลังได้ยินเสียงถึงกับปวดใจยิ่งนักเมื่อเห็นซ่งชุนเป็เช่นนี้
อวี๋หรูไห่ถอนหายใจ กล่าวปลอบโยนว่า"ผู้ที่ฉลาดปราดเปรื่องมากมักอายุสั้น นี่เป็ชะตาชีวิตของเ้าห้าจงใคร่ครวญให้กระจ่างเถิด"
สตรีแซ่อวี๋โจวแสร้งเอ่ย"ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นเ้าคิดว่าภายในใจท่านพ่อของเ้ากับข้าไม่รู้สึกเ็ปหรือ? หลานห้าฉลาดเฉลียวถึงเพียงนี้ ในบรรดาลูกหลานเหล่านี้ข้ากับท่านพ่อเ้ารักและเอ็นดูเขาที่สุด เด็กคนนั้นอดทนมาหลายปี ต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อยหากจากไปจริงๆ ก็ไม่ต้องทนทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บอีกแล้ว"
วาจาเช่นนี้แม้แต่สตรีแซ่จางที่ยืนอยู่ด้านข้างยังทนฟังต่อไปไม่ไหวนางมองสตรีแซ่อวี๋โจวด้วยสายตาเ็า "ท่านแม่ ท่านพูดให้น้อยลงสักหน่อยเถิดน้องรองกับน้องสะใภ้รองกำลังเสียใจมากนะเ้าค่ะ!"
กล่าวจบไม่สนใจสีหน้าของสตรีแซ่อวี๋โจวนางเข้าไปประคองสตรีแซ่ซ่งแล้วเดินออกไปข้างนอก "น้องสะใภ้รองข้าจะอยู่พูดคุยกับเ้าเอง"
เมื่อเดินออกจากโถงใหญ่สตรีแซ่ซ่งหยิบกาต้มน้ำบนพื้นขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย “ข้าจะไปทำกับข้าวเ้าค่ะเจ๋อเกอเอ๋อร์ของข้ายังรอข้าวต้มของข้าอยู่”
สตรีแซ่จางเห็นท่าทางสูญเสียจิติญญาของนางนางปวดใจจนถอนหายใจออกมาจากนั้นเดินตามสตรีแซ่ซ่งเข้าไปในห้องครัวอย่างไม่วางใจนัก
สตรีแซ่ซ่งเดินเข้ามาในห้องครัวลงมือก่อไฟทำกับข้าวโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
สตรีแซ่จ้าวคอยมองดูนาง เอ่ยเสียงเบาว่า “แม่ชุนหากภายในใจของเ้าเ็ปจนยากอดกลั้น เ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถิด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้