บทที่ 65 มิตรภาพและการหลบหนี
“ผู้เฒ่าเหยา ท่านมาที่นี่ทำไม?” เมื่อมองดูชายชราในชุดขาวสง่างามตรงหน้า ฉู่อวิ๋นก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“ฮ่าๆ น้องชาย ข้าผู้เฒ่าแก่ขนาดนี้แล้ว ทั้งวันก็อยู่แต่ในห้องปรุงยา แขนขาก็เริ่มเหน็บชา ตอนนี้มีโอกาสได้ยืดเส้นยืดสาย แน่นอนว่าต้องออกกำลังไว้บ้าง เ้าไม่ต้องกังวล” ผู้เฒ่าเหยาเผยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่เขาไม่หันกลับมามอง ทำเพียงแค่จ้องมองมู่หรงเจี๋ยเขม็ง
“เ้าก้อนเมฆลามก! ไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” ตอนนี้ มู่หรงซินรีบวิ่งมาจากด้านหลัง ยื่นแขนหยกออกมาช่วยพยุงฉู่อวิ๋นลุกขึ้นด้วยสายตาเป็กังวล
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่อวิ๋นมองไปที่ผู้เฒ่าทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และถามมู่หรงซิน
“เ้าผีผลีผลาม ครู่เดียวก็หายตัววับไป ให้ข้าต้องวิ่งตามหากลับไปกลับมา!” มู่หรงซินมองฉู่อวิ๋นแล้วอธิบายว่า “โชคดีที่คุณหนูเช่นข้าฉลาดและได้รู้จากชาวบ้านที่เดินไปมาว่าเ้ากำลังจะบุกประตูเมือง เลยรีบวิ่งกลับไปที่เซียนเยว่ซวน แล้วบอกเื่นี้ให้ผู้เฒ่าเหยา ขอให้เขามาช่วยเ้า”
ได้ยินดังว่า ฉู่อวิ๋นก็รู้ได้ว่าเป็ผู้เฒ่าเหยาเรียกคนมาช่วยเพราะมู่หรงซินไปบอกข่าว
แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังประหลาดใจมากที่ผู้เฒ่าเหยามาช่วยเขาไว้ ทั้งสองรู้จักกันแค่เดือนกว่าเท่านั้น แต่ผู้เฒ่าคนนี้กลับมีน้ำใจไหลเหมือนสายธาร หาได้ยากยิ่ง
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็พูดกับมู่หรงซิน “ข้าขอโทษ ซินเอ๋อร์...เ้าก็รู้ พี่สาวข้าตกอยู่ในอันตราย ข้าต้องออกไป! ที่นี่อันตรายมาก ดาบกระบี่ไร้ดวงตา และท่านเ้าเมืองก็เป็พ่อของเ้า ข้ากลัวว่าจะพลอยทำเ้าลำบากไปด้วย เ้าไม่ต้องเข้ามายุ่งหรอก”
“เ้าเป็ห่วงข้าหรือ?” หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น ใบหน้าของมู่หรงซินก็แดงก่ำเล็กน้อย จากนั้นนางก็แสดงท่าทีของความเป็หญิงและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เฮ้อ คุณหนูเช่นข้าไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน ข้าจะโน้มน้าวท่านพ่อให้เอง!”
ทันทีที่พูดจบ มู่หรงซินก็เดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจอะไร มองดูท่าทางที่สง่างามผ่าเผยของนาง มู่หรงเจี๋ยไม่พูดอะไรสักคำ แต่รังสีของเขาก็ทำให้ชายชราทั้งสามคนที่อยู่รอบตัวไม่กล้าดูแคลน ท่าทีของพวกเขาเคร่งเครียดมาก
“ท่านพ่อ!” มู่หรงซินบุกเข้าไปกลางวงที่รายล้อมไปด้วยผู้เฒ่าทั้งสาม เดินไปข้างมู่หรงเจี๋ย ดึงแขนของเขาแล้วโน้มน้าว “ท่านพ่อ! ท่านก็ปล่อยฉู่อวิ๋นไปเถอะ เราไม่ได้มีความแค้นชิงชังใดๆ กับเขา ไม่ต้องถึงกับตั้งตัวเป็ศัตรูกันหรอกเ้าค่ะ”
“ลูกสาวคนดีของข้า... เ้ายังเด็กนัก มีอีกหลายอย่างที่เ้ายังไม่อาจเข้าใจ พ่อทำก็เพื่อปกป้องเขา!” มู่หรงเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
“ท่านเ้าเมืองมู่หรง โปรดยกโทษให้ข้าที่พูดตรงไปตรงมา แต่สิ่งที่ท่านพูดนั้นผิดไป ฉู่อวิ๋นจะนอนหลับอย่างเป็สุขโดยขังเขาไว้ในเมืองได้อย่างไร?”
“ใครที่มีสายตาที่แหลมคมสักหน่อยจะเห็นว่ากระบี่ในมือของเขาไม่ธรรมดา ข้าเชื่อว่าในวันงานประลอง ท่านเ้าเมืองก็จะเห็นแสงสีแดงแปลกๆ แสงนั้นเช่นกัน” ผู้เฒ่าเหยาก้าวไปข้างหน้า
“ไม่ผิด ข้าที่อยู่ข้างๆ เวทีประลองก็เห็นกับตาตัวเองว่ามีแสงสีแดงพุ่งออกมาจากกระบี่ ทำให้ฉู่เจิ้นหยวนไม่สามารถขยับได้” ผู้เฒ่าเฟิงเห็นด้วย
ผู้เฒ่าเหยารับ่ต่อคำพูดและวิเคราะห์ต่อ "ต่อให้ฉู่อวิ๋นจะอยู่เงียบๆ ที่เมืองไป๋หยางอย่างเชื่อฟัง แต่อย่างไรก็ย่อมไปกระตุ้นให้ตระกูลฉู่เชื้อสายหลักเข้าเมืองมาสอบสวนเขาอยู่ดี เมื่อถึงตอนนั้น สถานการณ์ของเขาก็จะยากและอันตรายมากกว่านี้”
“ใช่แล้ว ท่านพ่ออย่าใจร้ายนักเลยเ้าค่ะ แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะดูซื่อบื้อไปสักหน่อย แต่เขาใจกว้าง ซื่อสัตย์ และไว้วางใจได้ ลูกสาวให้สัญญากับท่านเองว่าเขาจะกลับมาหลังจากทำเื่สำคัญเสร็จแล้วแน่นอนเ้าค่ะ” มู่หรงซินดึงแขนเสื้อมู่หรงเจี๋ยอีกครั้ง ทำตัวออดอ้อน พยายามเกลี้ยกล่อมมู่หรงเจี๋ยพ่อของตนเอง
“ท่านเ้าเมือง!”
ในเวลาเดียวกันกับที่มู่หรงซินพูด ผู้เฒ่าเหยาและผู้เฒ่าเฟิงก็แสดงสีหน้าอ้อนวอน ยกมือประสานขอร้องให้ฉู่อวิ๋น
เมื่อมองดูภาพตรงหน้า ฉู่อวิ๋นที่อยู่ไกลไปทางด้านหลังก็รู้สึกร้อนวาบในดวงตา ริมฝีปากขบกันแน่น รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
นี่คือใจมนุษย์ คนที่เรียกว่าญาติทางสายเืนั้นไม่ดีเท่าผู้เฒ่าไม่กี่คนที่ไม่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิด และคุณหนูผู้ร่ำรวยที่เคยร่วมทุกข์กับเขา
เวลานี้ หัวใจของฉู่อวิ๋นสูบฉีดด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า เตรียมพร้อมที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ถ้าวันนี้เขาแข็งแกร่งพอ เขาจะไม่ต้องถูกคนอื่นขัดขวาง ทำให้เสียเวลาไปช่วยพี่สาว
ถ้าวันนี้เขาแข็งแกร่งพอ เขาจะสามารถวิ่งออกไปได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องร้องขอความเมตตาจากผู้อื่น
“ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้น! กระบวนท่ากระบี่ อาวุธ การฝึกฝน... ใช่แล้ว! ิญญาศักดิ์สิทธิ์!” ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็นึกถึงทักษะลึกลับที่เขาเคยฝึกฝน ทักษะการกลั่นกรองศักดิ์สิทธิ์ จนถึงตอนนี้ เขาเองก็ไม่เคยมีโอกาสพัฒนาทักษะนี้เลย
"ขอแค่ขัดเกลาทักษะิญญาศักดิ์สิทธิ์นี้สักหน่อย ความแข็งแกร่งของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็แน่!"
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็หรี่ตาลง ริมฝีปากของเขาขบกันแน่น เขาเริ่มกระตือรือร้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในการค้นหาิญญาศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า
ในเวลานี้ มู่หรงเจี๋ยขมวดคิ้ว เขาใช้มือขวาผลักมู่หรงซินออกจากวงล้อมเบาๆ อย่างอ่อนโยน
เขาหายใจเข้าลึกๆ จ้องมองและพูดอย่างเคร่งขรึม “พวกเ้าไม่ต้องโน้มน้าวข้าอีกต่อไป ข้าตัดสินใจแล้ว ฉู่อวิ๋นผู้นี้ต้องอยู่ในเมืองไป๋หยาง ไม่มีใครหยุดข้าได้! ย๊า!”
“ตึง--”
ทันใดนั้น มู่หรงเจี๋ยก็ะโลั่น พลังปราณพุ่งสูงพรวดพราด พื้นดินที่เขายืนอยู่แตกเป็รอยแยก เสื้อผ้า เสื้อคลุม และเส้นผมของเขาปลิวไสวแม้ไร้ลม พลังช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ท่านพ่อ! ทำไมท่านถึงไม่ฟังลูกสาวเลย เฮ้อ!” มู่หรงซินเห็นพลังปราณของมู่หรงเจี๋ยปะทุขึ้นอีกครั้ง และมันสูงขึ้นกว่าเดิม นางรู้ดีแก่ใจว่าเขาเริ่มเอาจริงแล้ว
คลื่นอากาศกำลังพลุ่งพล่าน พลังปราณเพิ่มสูง ทำให้สีหน้าของชายชราทั้งสามไร้สีสันมากขึ้น
“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าผู้เฒ่าจะได้ออกกำลังจริงๆ แล้ว” ผู้เฒ่าเหยาระดมพลัง ปล่อยหมัดมือเป็อิสระ ผมสีขาวของเขาปลิวไสว แม้ว่าเขาจะเป็เพียงนักรบระดับหนึ่งในขั้นมหาสมุทร แต่ตอนนี้เขาจะสู้!
“ปรมาจารย์เหยา แม้ว่าผู้เฒ่าเฟิงจะมาช่วยเพราะติดหนี้บุญคุณเ้า แต่การที่ฉู่อวิ๋นต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อาจทนไหว ยามนี้ก็มาสู้ไปด้วยกันเถอะ!” ผู้เฒ่าเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข
“ให้ตายเถอะ! เ้าเด็กมู่หรงซ่อนตัวเขาไว้ได้ดีทีเดียว ไม่คิดว่าการฝึกฝนพลังยุทธ์ของเขาจะดีขึ้นกว่าเก่าก่อน วันนี้ข้าโง่จริงๆ ที่มาที่นี่!” ผู้เฒ่ากุ่ยกรีดร้อง แล้วเขาก็หันหน้าไปพูดหนึ่งประโยค
“นี่ เ้าเด็กกะโปโล! เรียกเ้าอยู่นะ!”
“หือ เอ่อ...ขอรับ! ผู้เฒ่ากุ่ยมีอะไรหรือ?” ฉู่อวิ๋นใเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจที่จู่ๆ ผู้เฒ่ากุ่ยก็พูดกับเขา
“จำตอนที่ข้าแพ้พนันตาเฒ่าเหยาแล้วเรียกเ้าว่าปู่ได้หรือไม่?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของผู้เฒ่ากุ่ยก็กลายเป็สีแดง
“ผู้เฒ่ากุ่ย ท่าทางชั้นเลิศเช่นนั้น ข้าย่อมจำได้ขอรับ” ฉู่อวิ๋นประหลาดใจจนแทบหัวเราะ ตาเฒ่าคนนี้ความจำดีจริงๆ
“อืม...” ผู้เฒ่ากุ่ยพยักหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า "แม้ว่าข้าจะสัญญากับผู้เฒ่าเหยาว่าวันนี้จะมาช่วยเ้า แต่สิ่งที่ต้องจ่ายในการแสดงตัวของข้าผู้เฒ่าในครั้งนี้ไม่น้อยเลย ดังนั้นนะ เ้าหนุ่ม เ้าสัญญากับข้าสักเื่หนึ่งได้หรือไม่?”
“ฮะ?” เมื่อได้ยิน ฉู่อวิ๋นก็สะดุ้งเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่สักพักก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ผู้เฒ่ากุ่ย ท่านอยากให้ข้าเรียกท่านว่าท่านปู่หรือ?"
“ถุย! ข้าไม่โง่เช่นนั้นหรอก!” ผู้เฒ่ากุ่ยเลิกคิ้วหนาขึ้น ส่ายหน้าอย่างแรงแล้วกระซิบกระซาบ "อะแฮ่ม ข้าเห็นว่าเ้ามีคุณสมบัติที่ดี ทั้งยังฉายแววเป็เพชรในการประลองเซี่ยหยาง เ้า...เ้าก็เรียกข้าว่าท่านปู่กุ่ยสักคำ? ได้หรือไม่?
หลังจากพูดจบ ใบหน้าของผู้เฒ่ากุ่ยก็แดงขึ้นอีก เขาหมกมุ่นอยู่กับวิชายุทธ์มาทั้งชีวิต ไร้ทั้งภรรยาและบุตร มีเพียงตาเฒ่าเหยาเป็เพื่อนที่ดีเท่านั้น
ยามนี้ เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นที่ตัวคนเดียว เขาก็รู้สึกสงสารและบังเกิดความใกล้ชิดขึ้นมาในใจ แต่เขาไม่อยากทำลายภาพลักษณ์อันสูงส่งและอารมณ์รุนแรงของตัวเอง ดังนั้นจึงสร้างคำขอนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
อีกอย่าง เมื่อเผชิญหน้ากับมู่หรงเจี๋ยในการต่อสู้ครั้งนี้ ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างผู้เฒ่าทั้งสามคนกับท่านเ้าเมืองคนนี้ ไม่อาจทราบถึงชะตาเป็ตายได้
บางทีพวกเขาอาจจะต้องพลีชีพในครั้งนี้
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ท่านปู่กุ่ย ทุกอย่าง...ล้วนเชื่อฟังท่าน!” เมื่อมองไปที่ผู้เฒ่ากุ่ยที่สายตาเหม่อลอย ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้ม จากนั้นเขาก็มองไปที่ชายชราทั้งสามแล้วพูดว่า “ในภายภาคหน้า หากมีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะตอบแทนบุญคุณของพวกท่านอย่างดีที่สุดแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น ชายชราทั้งสามก็แสดงรอยยิ้มโล่งใจและพยักหน้า โดยเฉพาะผู้เฒ่ากุ่ย ยากนักที่จะจินตนาการว่าใบหน้าที่คอยแต่จะปั้นปึ่งของเขาจะปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนและใจดีเช่นนี้
“น้องชาย ที่นี่มีพวกเราขวางให้อยู่ เ้า...รีบไปเถอะ!” ผู้เฒ่าเหยายังคงมีท่าทางสง่างาม แต่คำพูดของเขาเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่น นั่นทำให้ผู้เฒ่าเฟิงและผู้เฒ่ากุ่ยมีสมาธิขึ้นมาในทันใด พลังปราณพลุ่งพล่านขึ้น พวกเขาต่างก็จ้องมองไปยังมู่หรงเจี๋ยที่ทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์
“เช่นนั้น...ข้าขอลาขอรับ!” ฉู่อวิ๋นประสานมือก้มหน้า เขาก้าวฝ่าวงล้อมไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หันกลับมาและพูดอย่างจริงจัง "ผู้าุโ ระวังตัวด้วย!"
ทันทีที่เขาพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็ตัดสินใจหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจทำให้ความตั้งใจดีของผู้เฒ่าทั้งสามเสียเปล่า ต้องหลบหนีให้สำเร็จ!
“จะหนีไปไหน! ต่อให้วันนี้ข้าจะต้องทำให้เ้าพิการก็ต้องหยุดเ้าไว้!”
ทันใดนั้น ดวงตาของมู่หรงเจี๋ยก็เบิกกว้างขึ้น ไม้เท้าั์พุ่งออกไปบนท้องฟ้า กลายเป็ม่านไม้ที่ติดตาเหมือนหมอกควันจากนรก พร้อมด้วยแสงสลัวที่น่ากลัว ทรงพลังและหนักหน่วง พร้อมจะโจมตีฉู่อวิ๋น
“ท่านเ้าเมืองมู่หรง คู่ต่อสู้ของท่านคือพวกเรา!” ผู้เฒ่าเหยาะโขึ้นไปในอากาศและปล่อยหมัดทั้งสองออกไป เงาหมัดสีขาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้าและกระแทกลงบนไม้ขนาดั์
ทว่าความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าเหยาแตกต่างจากมู่หรงเจี๋ยมาก ยามที่เขาสกัดกั้นการโจมตีให้ฉู่อวิ๋น เขาก็กระอักออกมาเป็เื ย้อมเสื้อคลุมสีขาวจนแดงฉาน
“ผู้เฒ่าเหยา!!” ฉู่อวิ๋นไม่อาจหักห้ามใจได้จึงหันมาะโหา
“แค่ก... น้องชาย! วิ่ง! อย่าให้ข้าโดนตีเสียเปล่า…” ผู้เฒ่าเหยาเช็ดเืจากมุมปากและลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าเฟิงและผู้เฒ่ากุ่ยก็เข้าร่วมกลุ่มสู้กับมู่หรงเจี๋ยด้วย ท่อนไม้ั์บินข้ามอากาศไปมาบริเวณประตูทิศใต้อยู่ครู่หนึ่ง เงาของหมัดและพลังขาของพวกเขาเสริมพลังซึ่งกันและกัน ทั้งสามสลับกันโจมตีทีละคน ส่งพลังอันน่าอัศจรรย์ออกมา เสียงะเิของคลื่นอากาศเสียดแก้วหูจนเจ็บ
"ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง-"
หลังจากเสียงะเิดังติดต่อกันหลายครั้ง ฉู่อวิ๋นก็โกรธมากจนกัดริมฝีปากขบฟันจนเืไหล มู่หรงเจี๋ยย่อมลงมือหนักอย่างแน่นอน ผู้เฒ่าทั้งสามต้องรับศึกหนักเป็แน่
“ไปสิ!” ผู้เฒ่าเหยาะโและถูกไม้เท้าั์โจมตีอีกครั้ง เสียงกระดูกและเนื้อแตกละเอียดดังเข้าหู ทำให้ฉู่อวิ๋นหลั่งน้ำตาอย่างลูกผู้ชายออกมา
ฉู่อวิ๋นกัดฟัน หันหลังกลับ และวิ่งจากไปอย่างเร็วที่สุด พร้ะโกน "อ๊า!!! ผู้เฒ่าเหยา ผู้เฒ่ากุ่ย ผู้เฒ่าเฟิง พวกท่านขวางอีกสักพักแล้วยอมแพ้เสีย! อย่าพลีร่างเพื่อคนเช่นข้าเลย!!!”
เสียงแห่งความโศกเศร้าและความขุ่นเคืองดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
แต่ในยามนี้ มองเห็นมู่หรงซินวิ่งออกมาทางด้านข้างของฉู่อวิ๋นอย่างรวดเร็ว สอดมือไว้ที่เอวของเขาแล้วกอดเขาไว้แน่น ปล่อยให้ฉู่อวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โดยไม่รู้ว่านางกำลังจะทำอะไร
ครู่ต่อมา ใบหน้างดงามของมู่หรงซินก็เปลี่ยนเป็สีแดง จากนั้นนางก็ยกยิ้มอีกครั้งและะโเสียงดัง “ท่านพ่อ! ท่านอย่าได้ผลีผลามเข้ามาเชียวนะ ลูก...ลูกมีเืเนื้อเชื้อไขของฉู่อวิ๋น!! ถ้าท่านส่งคนไล่ตามพวกเราหรือทำร้ายท่านผู้เฒ่าทั้งสาม ลูกสาวจะไม่กลับมาที่เมืองไป๋หยางอีก!”
“อะไรนะ?!?!” เมื่อฟังจบ การเคลื่อนไหวของมู่หรงเจี๋ยก็หยุดชะงักลง เขาตกตะลึงจนตาค้าง
และแน่นอน แม้แต่ผู้เฒ่าทั้งสามก็ยังใจนเกือบทรงตัวไม่อยู่ ฉู่อวิ๋นผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ? เขาจัดการคุณหนูมู่หรงได้แล้ว?
ในขณะที่ทั้งสี่คนตกตะลึง ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงคำว่า “เืเนื้อเชื้อไข” ที่ดังก้องอยู่ที่บริเวณประตูเมือง
จากนั้นสักพักหนึ่ง ในที่สุดมู่หรงเจี๋ยก็รู้สึกตัวและสบถสาปแช่ง "ให้ตายเถอะ! ข้าถูกลูกสาวคนนี้หลอกเข้าแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้