ไท่ไท่รองโกรธจัดจนหนีไปแล้ว ตามคำอธิบายของมารดานาง นี่บ่งบอกว่าเสี่ยวเฉียวเยว่ชอบท่านป้ารองมาก มิเช่นนั้น ก็คงไม่คลานเข้าหาแบบนี้ ซ้ำยังอยากให้นางอุ้มด้วย
ในใจของไท่ไท่รองโกรธเคืองมาก แต่หากจะระบายอารมณ์ใส่เด็กทารกคนหนึ่ง ก็เป็เื่ที่น่าอายเกินไป
เสี่ยวเฉียวเยว่ถูกจับอาบน้ำตัวหอมๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ นางจ้องขาสั้นๆ ของตนเอง ก่อนยื่นมือเล็กจ้อยไปคว้าหมับ ทำท่าไร้เดียงสาว่า "หนูไม่ได้ทำอะไรเลยน้า..."
ไท่ไท่สามเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่จริงๆ
อิ้งเยว่เข้ามาลูบดวงหน้าน้อยๆ ของน้องสาว แล้วเอ่ยว่า "น้องสาวเก่งมาก ทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว ต่อไปเวลาข้าไม่อยู่ หากท่านป้ารองมาหาเื่อีก เ้าก็จัดการนางอย่างนี้ไปเลย"
เสี่ยวเฉียวเยว่กะพริบตาปริบๆ ร้อง "ต๊า"
อิ้งเยว่ยังพูดต่อ "ข้ารู้ว่าเ้าไม่ชอบนาง เ้าเกลียดนางเหมือนกันใช่หรือไม่"
เสี่ยวเฉียวเยว่กะพริบตาตอบ "ต๊า"
ฉันยังเป็ทารก ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรหรอกนะ!
ไท่ไท่สามหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ได้แต่พูดว่า "เด็กคนนี้นี่ สอนน้องสาวส่งเดชเหมือนบิดาของเ้าไม่มีผิด นางยังเล็ก อย่าสอนสิ่งที่ไม่ดีเ่าั้ให้นาง"
แต่ถึงแม้ไท่ไท่สามจะว่าเช่นนี้ กลับไม่ได้รู้สึกว่าถึงนางจะเล็กแต่ก็ฟังรู้เื่ "แม่ไม่ได้คุยกับเ้ามาสองสามวันแล้ว ในชั้นเรียนเป็อย่างไรบ้าง ฟังรู้เื่หรือไม่"
เสี่ยวอิ้งเยว่ยกมุมปากยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "สบายมากเ้าค่ะ ท่านแม่วางใจได้ ข้าปราดเปรื่องถึงเพียงนี้ ต้องเรียนได้ดีอยู่แล้ว"
เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกว่า อาการยกหางตนเองของคนในครอบครัวต้องได้เชื้อมาจากบิดาของนางเป็แน่ นางไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่น้อย การกระทำของอิ้งเยว่ถอดแบบมาจากบิดาเปี๊ยบ
ไท่ไท่สามกล่าวต่อ "พรุ่งนี้แม่จะพาเ้าไปข้างนอก เ้าต้องรักษามารยาท พูดจาหวานๆ อย่าวิ่งเล่นไปทั่ว เข้าใจหรือไม่?"
อิ้งเยว่พยักหน้ารับรู้ "น่าเบื่อจริงๆ เสียเวลาเรียนของผู้อื่นหมด"
เสี่ยวเฉียวเยว่มองพี่สาวของตนอย่างเหลือเชื่อ รู้สึกว่าเื่นี้ขัดกับสามทัศนะ [1] ของตนเองอย่างแรง
เด็กเรียนหัวดีบ้าเรียนกันอย่างนี้ทุกคนเลยหรือ?
Mamma Mia! เด็กหลังห้องไม่เก็ท!
"อู้" เสี่ยวเฉียวเยว่ยกเท้าขึ้นมาอมเสียเลย
นี่คือท่าไม้ตายของเด็กทารก การดูดนิ้วเท้าขณะใช้ความคิดช่วยให้สมองแล่นดีที่สุด
ความรู้สึกอดสู? เหอะๆๆ เป็ปุ๋ยไปนานแล้ว
ถึงอย่างไรนางก็เป็เด็กทารก ไม่ว่าจะทำสิ่งใดลงไปล้วนไม่ผิด ฮิฮิ ใครใช้ให้ผู้อื่นเป็เด็กทารกล่ะ ใครใช้ให้ผู้อื่นยังเล็กอยู่ล่ะ รอโตไป หลายเื่ก็ทำไม่ได้แล้ว ตอนนี้แหละจังหวะเหมาะที่สุด
อีกอย่าง ั้แ่ปาองุ่นใส่เสื้อผ้าสีสดใสของท่านป้ารองเมื่อครู่ นางก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความเป็ตนเอง ความรู้สึกแบบนี้ สะใจเป็บ้าเลย!
ฮ่าๆๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับน้องชายคนเล็กของนาง เสี่ยวเฉียวเยว่ก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองต้องพิจารณาไตร่ตรองมีเยอะเกินไปจริงๆ
"วา"
จู่ๆ เ้าตัวเล็กก็คลานเข้ามาข้างๆ แล้วคว้าแขนของนางไปกอด
เสี่ยวเฉียวเยว่หันไปมอง จะเป็ใครไปได้เล่า ย่อมเป็เสี่ยวฉีอันที่เด็กกว่านางนิดหน่อย เสี่ยวฉีอันชอบตอแยเฉียวเยว่เป็พิเศษ เขากอดแขนนางไม่ปล่อย คลี่ริมฝีปากกว้าง น้ำลายไหลยืด ยิ้มอย่างมีความสุข
เสี่ยวเฉียวเยว่มองเขาอย่างพินิจพิจารณาในระยะใกล้ชิด ก็รู้สึกว่าขนตาของเขายาว น่ามองจริงๆ
นางแสดงความเป็พี่สาวด้วยการพลิกมือไปจับมือน้อยๆ ของเขา
เด็กชายตัวน้อยหลังจากถูกจับก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม เด็กไม่มีฟันเมื่อยิ้มก็แลดูโง่งมอยู่บ้าง
เสี่ยวเฉียวเยว่ถอนหายใจอย่างละเหี่ยใจ รู้สึกทนดูไม่ได้จริงๆ
ไท่ไท่สามเห็นสองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันเช่นนี้ ก็ยิ้มน้อยๆ "สมกับเป็แฝดัหงส์ มักให้ความรู้สึกว่าเกอร์เอ๋อร์ชอบชีเจี่ยเอ๋อร์เป็พิเศษ ส่วนชีเจี่ยเอ๋อร์ก็ดูเหมือนจะรู้ว่านี่คือน้องชายของตนเอง"
เสี่ยวอิ้งเยว่ยื่นมือไปเขี่ยใบหน้ารูปไข่ของน้องสาวแล้วทอยิ้ม "นุ่มนิ่มดีจัง ขาวๆ นุ่มๆ เหมือนหมั่นโถวเลย"
เสี่ยวเฉียวเยว่ชอบฟังคำพูดเช่นนี้ของนางมาก เพราะก่อนจะข้ามเวลามา นางมีปมด้อยว่าตนเองขาวไม่พอ แต่ตอนนี้กลายเป็ซาลาเปาขาวจั๊วะไปแล้ว
หลันหมัวมัวเข้ามาในห้อง แล้วเอ่ยเสียงเบา "ไท่ไท่เ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าคิดถึงเกอเอ๋อร์กับชีเจี่ยเอ๋อร์ ให้ท่านอุ้มไปหาตอนเย็นเ้าค่ะ"
จากนั้นนางก็คิดแล้วเอ่ยอีกว่า "บ่าวคิดว่าไท่ไท่รองคงจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อตอนบ่ายนางไปที่นั่น"
เสี่ยวอิ้งเยว่เลิกคิ้ว "คนผู้นี้คงกลัวว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวายล่ะสิ"
ไท่ไท่สามกลอกตาใส่นาง แล้วเอ่ยว่า "เพ้อเจ้ออันใด นั่นท่านป้ารองของเ้านะ ต้องมีมารยาท เื่ของผู้ใหญ่เด็กอย่างเ้าไม่ต้องยุ่ง หลันหมัวมัว ต่อไปอย่าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าเกอเอ๋อร์กับเจี่ยเอ๋อร์อีก อย่าทำให้เด็กไขว้เขว เื่ระหว่างผู้ใหญ่ ใช่สิ่งที่เด็กควรรู้ที่ไหนกัน"
หลันหมัวมัวก็รู้สึกว่าตนเองลืมตัว จึงรีบตอบ "บ่าวทราบแล้วเ้าค่ะ"
เสี่ยวอิ้งเยว่ทำตาปริบๆ "หมัวมัวไม่ได้พูดผิดสักหน่อย"
"พูดผิดหรือไม่เด็กอย่างเ้าก็มิควรยุ่งเกี่ยว ยังจะเถียงอีก" ไท่ไท่สามดุเบาๆ
ด้วยเกรงว่าพี่สาวจะถูกตี เสี่ยวเฉียวเยว่จึงคลานกระดึ๊บๆ ไปหาอิ้งเยว่ แล้วยกมือเล็กจ้อยขึ้นตบดังแปะๆ
เสี่ยวฉีอันได้ยินเสียงดังก็ใ เบะปากเตรียมจะร้องไห้ แต่พอเห็นเฉียวเยว่พี่สาวตัวน้อยตบมือ เขาจึงตบมือตามบ้าง
ชั่วขณะนั้นเ้าตัวเล็กสองคนต่างตบมือแข่งกันไม่หยุด หัวเราะกันจนน้ำลายแตกฟอง
เดิมทีแค่ซาลาเปาน้อยคนเดียวทำแบบนี้ก็น่าเอ็นดูมากอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเด็กน้อยสองคนที่หน้าตาเหมือนกันทำเช่นนี้พร้อมกัน ไท่ไท่สามรู้สึกมีความสุขมาก
ส่วนเื่สั่งสอนเสี่ยวอิ้งเยว่ นางลืมหายเข้ากลีบเมฆไปนานแล้ว
...
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็ท่านย่าของเสี่ยวเฉียวเยว่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้พบกับหญิงชราคนนี้ เพียงแต่ตอนพบกันครั้งก่อนนางง่วงมากไปหน่อย เด็กน้อยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ยังไม่ทันได้เล่นกันเท่าไร นางก็ผล็อยหลับไปเหมือนกับเสี่ยวฉีอันแล้ว
จริงๆ นะ นี่คือสิ่งที่บังคับทารกน้อยไม่ได้เลย
แต่ครั้งนี้นางได้งีบหลับมาครู่หนึ่งแล้วถึงถูกอุ้มมา สติจึงแจ่มใสเต็มที่
เชื่อว่าทางนี้จะต้องได้ฟังข่าวซุบซิบนินทาอีกเยอะมากแน่นอน
นางรู้สึกว่าตนเองสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกถูกชะตาได้แน่ และดอกไม้ก็จะผลิบานเมื่อนาง้า ฮ่าๆๆ ทารกน้อยอย่างนางจะฟังความลับของผู้อื่น หรือรู้สิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบเมื่อไรก็ได้
เมื่อเติบโตขึ้นไป นางก็จะเป็แก้วตาดวงใจของทุกคน
พอเข้าประตูมาถึง ก็ได้ยินเสียงฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยว่า "รีบอุ้มเ้าตัวเล็กสองคนมาให้ข้าดูเร็วเข้า ไม่เจอพวกเขาสามสี่วัน คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว"
คำกล่าวนี้ดูจะเกินจริงไปหน่อย ั้แ่นางย้อนเวลามาเดือนแรก ฮูหยินผู้เฒ่าเคยเห็นพวกเขาแค่สองครั้ง จะไม่ได้เจอกันเพียงสามสี่วันได้อย่างไร
สามสี่วันนี้ต้องคูณเข้าไปอีก X ?
ไท่ไท่สามอมยิ้มอุ้มบุตรทั้งสองไปวางบนเตียงเตา เสี่ยวเฉียวเยว่สวมชุดตัวน้อยสีฟ้า ขณะที่น้องชายเสี่ยวฉีอันกลับสวมสีชมพู
บอกตามตรง เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกว่ามารดาของตนมีรสนิยมผิดแผกจากชาวบ้าน
แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าฮูหยินผู้เฒ่ารู้อุปนิสัยของมารดานางอยู่แล้ว หรือแยกแยะออกจริงๆ ท่านจับมือของเสี่ยวฉีอัน แล้วเอ่ยว่า "เกอเอ๋อร์ดูเหมือนจะโตขึ้นมาก"
หลังจากนั้นก็มองเสี่ยวเฉียวเยว่ แตะๆ ดวงหน้าน้อยของนาง "แค่ไม่กี่วัน ตุ๊กตาน้อยเลือกกินอย่างเ้าก็โตไม่ทันน้องชายแล้ว"
เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะพังทลาย
ดูท่าว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะแยกออกจริงๆ เสียด้วย ชัดช่า!
มองแวบแรกก็ดูออกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็สตรีที่มีชาติกำเนิดมาจากสกุลใหญ่ ดูมีสง่าราศี แม้ว่าใบหน้าจะดูอ่อนโยน แต่กลับไม่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมมากนัก ทว่านางก็ยังใจดีมีเมตตาต่อเด็กน้อยสองคนนี้อยู่มาก
เสี่ยวเฉียวเยว่กำลังแทะกำปั้นน้อยๆ ของตนเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางทำเช่นนี้ ก็หัวเราะออกมา "โอ้ นี่ยังกินไม่อิ่มหรือ ถึงได้กินมือน้อยๆ ของตนเอง"
ไท่ไท่สามกล่าวว่า "เด็กคนนี้ร่าเริงสดใสมากเ้าค่ะ มีอะไรไม่จบไม่สิ้นได้ทุกวัน"
ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้ว แล้วออกคำสั่ง "อากุ้ย ไปเอาผิงกั่วหนี [2] ที่เตรียมไว้มา"
พอได้ยินว่ามีของกิน ซ้ำดูเหมือนจะเป็ผิงกั่วหนีรสชาติดีมาก ดวงตาของเสี่ยวเฉียวเยว่ก็ทอประกายระยิบระยับทันที
นางหันไปชูกำปั้นน้อยๆ ให้เสี่ยวฉีอัน "อู๋ยา อียาลา ต๊าตาเฮยา"
แปลความหมายได้ว่า นายอย่ามาแย่งฉันเชียวนะ นายกินนมหม่าม้าได้ แต่ฉันกินไม่ได้ ดังนั้นผิงกั๋วหนีของฉันนายห้ามแย่ง!
ไม่ใช่ว่านางจุกจิกเลือกกิน เพียงแต่จิตสำนึกของความเป็ผู้ใหญ่ทำให้นางรู้สึกอดสู จะให้ดื่มน้ำนมมารดาโดยไม่คิดอะไรเลย นางทำไม่ได้
แต่น่าเสียดาย เสี่ยวฉีอันกลับไม่เข้าใจ เขานึกว่าเฉียวเยว่เล่นกับเขา จึงหัวเราะอย่างเริงร่าแล้วเข้ามางับใบหน้าของนางคำหนึ่ง
เฉียวเยว่ "..."
แม่ม!
ไม่ให้นายกินผิงกั่วหนี นายเลยกินหน้าฉันแทนว่างั้น!
เอาไว้ฉันโตเมื่อไร นายเจอดีแน่!
เสี่ยวเฉียวเยว่แค่นเสียงหึ ก่อนจะอ้าปาก ม้วบ! จูบกลับคืนไป
นางจะเสียเปรียบไม่ได้!
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นความน่ารักของเ้าตัวน้อยสองคน ก็รู้สึกอุ่นซ่านหัวใจ "หากได้เห็นพวกเขาทั้งวัน ความกลัดกลุ้มจะมีมากแค่ไหนก็คงสูญสลายไปหมด มิน่าซานหลางถึงรีบร้อนกลับเรือนนัก ก็เพราะหลงเ้าตัวน้อยสองคนนี้ใช่หรือไม่"
ไท่ไท่สามเข้าใจโดยสัญชาตญาณ "ก็เป็เช่นนี้แหละเ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าใช้นิ้วเขี่ยดวงหน้าน้อยๆ ของเฉียวเยว่ เฉียวเยว่รู้สึกได้ถึงประกายสีเขียววูบวาบ ก็คว้านิ้วโป้งของฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ เป็ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึง หลังจากนั้นก็หัวเราะออกมา "เด็กคนนี้ซุกซนจริงๆ เสียด้วย"
เสี่ยวเฉียวเยว่ลูบแหวนน้าวหยกของฮูหยินผู้เฒ่า ยา ยา ยา
สวยจังเลย
แต่ก็ไม่อาจโทษที่เสี่ยวเฉียวเยว่ควบคุมตนเองไม่ได้ได้ ก่อนที่จะข้ามภพมา นางเป็นักออกแบบเครื่องประดับ จึงไม่อาจต้านทานต่อเครื่องประดับสวยงามทั้งหลายได้จริงๆ
หลังจากลูบคลำจนหนำใจ มือน้อยก็ค่อยๆ ปล่อยอย่างอาวรณ์
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเสี่ยวเฉียวเยว่จ้องแหวนน้าวตาเป็มัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะปล่อยมือ น้ำลายก็ไหลยืด แสดงให้เห็นว่าชอบมากจริงๆ ก็ยิ่งหัวเราะดังขึ้น แล้วเอ่ยว่า "เมื่อก่อนไปเยี่ยมพวกเขาสิบครั้งต้องมีแปดครั้งที่นางหลับอยู่ ดูท่าข้าคงไปผิดเวลาสินะ"
นางยกมือของตนเองขึ้น พร้อมกับเอ่ยถาม "ชอบอันนี้?"
เสี่ยวเฉียวเยว่อยากพยักหน้าอย่างยิ่ง แต่หากทำเช่นนั้น อาจถูกคนมองว่าเป็ตัวประหลาด เดี๋ยวจะถูกจับไปเผา
เมื่อคิดแบบนี้ นางจึงตัดบทด้วยการหันไปทางอื่น และเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นางถึงกับยกเท้าขึ้นมาอม
อย่าไปมอง!
อย่าถูกความสวยงามของแหวนน้าวหยกวงนั้นล่อลวงได้!
แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ นางก็อดที่จะแอบชำเลืองดูไม่ได้อยู่ดี
ฮูหยินผู้เฒ่าถอดแหวนน้าวออกจากมือ โบกไปมา ก็เห็นสายตาของเสี่ยวเฉียวเยว่เลื่อนตามไปด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าควบคุมตนเองไม่อยู่แล้วจริงๆ นางหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังออกมา
"ดูท่าชีเจี่ยเอ๋อร์จะชอบมากจริงๆ"
เสี่ยวเฉียวเยว่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เอ๊ะ ทำไมฟังดูเหมือนจะยกให้นางเลยล่ะ
ดวงหน้าของนางเผยแววเฉลียวฉลาดแกมประจบสอพลอ แม้แต่เหงือกไร้ฟันก็ยังเผยออกมาให้เห็น มือเล็กจ้อยประกบเข้าหากัน ั์ตาราวกับดวงดาวน้อยๆ ทอประกายระยิบระยับ
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะหนักกว่าเดิม ก่อนจะวางแหวนน้าวหยกใส่มือของเสี่ยวเฉียวเยว่ "ให้ชีเจี่ยเอ๋อร์"
...
[1] สามทัศนะ ได้แก่ ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต ทัศนคติต่อคุณค่า
[2] ผิงกั่วหนี หรือซอสแอปเปิล เป็การทำแอปเปิลไปเคี่ยวกับมะนาว ผงอบเชย น้ำตาลทรายแดงจนกระทั่งเนื้อของแอปเปิลเปื่อยนุ่ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้