ผู้าุโหลี่คือผู้คุมกฎแห่งตระกูลอู๋ มีฐานะสูงส่ง พลังต่อสู้ไร้เทียมทาน ทว่าวันนี้กลับตายในน้ำมือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 หากใครรู้เื่นี้เข้าคงต้องใอย่างแน่นอน
หลังจากเย่เฟิงบรรลุขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แม้ไม่หยิบยืมพลังแห่งอำนาจ แต่เพียงอาศัยพลังกายอันทนทาน รวมถึงกลยุทธ์ต่าง ๆ ก็สามารถต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ได้แล้ว แต่หากเขาสำแดงอำนาจขั้นกายาทั้งสองชนิดก็จะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกว่านั้นเย่เฟิงยังใช้ประโยชน์จากความตกตะลึงของอีกฝ่าย
ด้านกงซุนหลิงเอ๋อร์และอู๋เจ๋อก็เห็นผู้าุโหลี่ล้มไปกองกับพื้นแล้วเช่นกัน กงซุนหลิงเอ๋อร์ถึงกับยกมือปิดปากตัวเองด้วยความใที่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 สามารถสังหารขั้นยุทธ์แท้สูงสุดได้
“เป็... เป็ไปได้ยังไง?” อู๋เจ๋อกล่าวพร้อมตัวสั่นระริก เย่เฟิงฆ่าผู้าุโหลี่ เช่นนั้นเขาจะรอดชีวิตไปได้หรือ?
อู๋เจ๋อตวัดดาบ ก่อนจะคิดหนีไปจากถ้ำแห่งนี้ แต่กลับได้ยินเสียงเ็าดังขึ้นที่ด้านหลังเขา “หยุดนะ!”
เมื่ออู๋เจ๋อได้ยินเสียงนี้พลันตัวสั่นสะท้าน เท้าที่เพิ่งก้าวก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาหวาดผวา
“เ้าคิดว่าจะหนีรอดงั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองอู๋เจ๋อ พร้อมกับเดินไปหาอีกฝ่ายทีละก้าว ๆ
“จะทำอะไรน่ะ? ถ้าเ้ากล้าแตะต้องข้า ตระกูลอู๋ไม่ปล่อยเ้าไว้แน่!” อู๋เจ๋อไม่อยากตาย เขาจึงกล่าวเสียงสั่นเช่นนั้น
“โง่เง่า!”
เย่เฟิงมองอู๋เจ๋อ ก่อนกล่าวว่า “หากข้ากลัวตระกูลอู๋เ้ามาแก้แค้น ก็คงไม่ทำเช่นนี้หรอก”
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น เย่เฟิงก็กดดันอู๋เจ๋อจนหลังติดผนังถ้ำ
“เ้า... เ้าคิดจะทำอะไร?” อู๋เจ๋อมองดวงตาที่เย็นะเืคู่นั้นของเย่เฟิงก็อดเหงื่อแตกพลั่กไม่ได้ กระทั่งหวาดกลัวยันจิติญญา
“ก่อนหน้านี้เ้าพูดว่าจะจับข้าไปทำเป็หุ่นเชิด บัดนี้เ้าตกอยู่ในกำมือข้า ข้าก็ย่อมต้องให้เ้าอยู่ใต้อาณัติข้า!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น ทันทีที่สิ้นเสียงแววตาเขาก็เปลี่ยนไปเฉียบคม ก่อนมือข้างหนึ่งจะคว้าจับไปที่ศีรษะของอู๋เจ๋อ
“ั้แ่นี้เป็ต้นไป ตบะของเ้าเป็ของข้า!”
เมื่อสิ้นเสียง เงาเทพัก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่เฟิงทันที
“โฮก!” เทพัแผดเสียงคำราม จากนั้นแยกเขี้ยวหมายเขมือบศัตรู พร้อมพ่นพลังกลืนกินออกมา แล้วเข้าปกคลุมร่างอู๋เจ๋อ ทำอู๋เจ๋อหน้าเขียว แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งยังดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ แต่พลังกลืนกินที่น่าสะพรึงกลัวนั่นกลับเป็โซ่ตรวนไร้ลักษณ์ที่พันธนาการร่างเขาอย่างแ่า
นาทีนี้เองอู๋เจ๋อรู้สึกว่าพลังในกายของตนกำลังถูก่ชิงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาตัวสั่นรุนแรง สีผิวค่อย ๆ ขาวซีด จนแฝงด้วยกลิ่นอายความตาย กระทั่งร่างเหี่ยวแห้งในไม่ช้า
“ไม่นะ!” อู๋เจ๋อส่งเสียงร้องอย่างไม่เต็มใจ ร่างกายเขากลายเป็ศพร่างหนึ่งที่นอนแข็งทื่ออยู่บนพื้น
เย่เฟิงเก็บิญญาาเทพักลับไป กลืนกินพลังงานทุกอย่างของอู๋เจ๋อไปได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกว่าเส้นลมปราณภายในกายพลันขยายตัว เขาจึงนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มหลอมพลังของอู๋เจ๋อทันที
“นี่...” กงซุนหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้ ๆ เห็นฉากนี้ก็อดตัวสั่นสะท้านและขนลุกเกรียวไม่ได้ นางไม่คาดคิดว่าิญญาาของเย่เฟิงจะมีพลังที่น่ากลัวถึงเพียงนี้
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป เย่เฟิงก็หลอมละลายพลังของอู๋เจ๋อได้สองในสาม จากนั้นเขาเก็บพลังและลืมตาขึ้นพร้อมแสงปะทุออกจากดวงตา เมื่อผ่านการหลอมละลายพลังอู๋เจ๋อสองในสามที่กลืนกินมา ตบะของเย่เฟิงจึงถูกยกระดับไปที่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 หากหลอมพลังทั้งหมด ผนวกกับความช่วยเหลือจากเม็ดยาบางส่วน เย่เฟิงเชื่อว่าตบะของตนจะทะลุขั้นยุทธ์แท้ที่ 3
“หลิงเอ๋อร์ เ้าไม่เป็ไรนะ?” เย่เฟิงเดินไปหากงซุนหลิงเอ๋อร์ด้วยสีหน้าท่าทีเป็ห่วง
“ไม่... ไม่เป็ไร” เมื่อกงซุนหลิงเอ๋อร์เห็นเย่เฟิงเดินมาหาก็ผงะถอยหลังไปเล็กน้อย พร้อมเผยสีหน้าตึงเครียดราวกับหวาดกลัวเย่เฟิง
“อะไรกัน? เ้ากลัวข้าหรือ?” เย่เฟิงย่อมดูอาการของกงซุนหลิงเอ๋อร์ออก จึงเอ่ยถามไปเช่นนั้น
“เปล่า” กงซุนหลิงเอ๋อร์ส่ายหัว ต้องทราบก่อนว่าตอนที่ทั้งสองคนเจอกันแรก ๆ เย่เฟิงสามารถรับสิบกระบวนท่าของนางได้ แต่บัดนี้ผ่านมาสองเดือน เย่เฟิงกลับกลายเป็ผู้มากฝีมือที่สามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด
อาจกล่าวได้ว่ากงซุนหลิงเอ๋อร์ไม่ได้แค่หวาดผวาเย่เฟิงที่กลืนกินอู๋เจ๋อไปเมื่อครู่นี้ แต่ยังใกับพลังของเย่เฟิงอีกด้วย
“ข้าแค่ไม่นึกว่าิญญาาของเ้าจะมีพลังกลืนกินก็เท่านั้น” กงซุนหลิงเอ๋อร์สงบจิตสงบใจลงก่อนกล่าวเช่นนั้น
“ก็นึกว่าอะไร ิญญาาของทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์ต่างกัน” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มจาง ๆ
“คนพวกนั้นที่อยู่ด้านนอก เ้าคิดจะจัดการอย่างไร?” กงซุนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถาม นางรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนที่อยู่นอกถ้ำกำลังรอพวกเขาอยู่
“วางใจได้ ข้ามีวิธีอยู่!” เย่เฟิงตาเผยประกายคมกริบ คนเหล่านี้้าฆ่าเขา เขาก็จะทำให้พวกเขาชดใช้ด้วยราคาแสนเ็ป
เมื่ออู๋เจ๋อและผู้าุโหลี่ยังไม่ออกมา ผู้คนที่รออยู่นอกถ้ำต่างก็ร้อนใจ จากนั้นได้ยินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “เหตุใดพวกผู้าุโหลี่ถึงเข้าไปนานเพียงนี้ คงไม่ใช่ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นหรอกนะ?”
“ผู้าุโหลี่แข็งแกร่ง จัดการผู้เยาว์สองคนย่อมเป็เื่ง่าย ๆ จะเกิดอะไรขึ้นได้?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว พวกเขานั้นไม่มีใครคิดว่าผู้าุโหลี่และอู๋เจ๋อจะถูกเย่เฟิงกับกงซุนหลิงเอ๋อร์ฆ่าตาย
“ข้าคิดว่าผู้าุโหลี่น่าจะตั้งใจเล่นกับเด็กสองนั้นมากกว่า!” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าว เขาก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดเื่ไม่คาดฝันกับพวกผู้าุโหลี่
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดก็แค่นี้แหละ สองคนนี้ถูกข้าฆ่าตายแล้ว ยังไม่รีบไปเก็บศพพวกเขาอีก!”
ตอนนั้นเองมีเสียงหยิ่งผยองดังมาจากในถ้ำ
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงนี้ต่างก็นิ่งอึ้ง พร้อมเผยสีหน้าเหลือเชื่อ จากนั้นได้ยินผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “จะเป็ไปได้อย่างไร? เ้าเด็กนั่นพูดว่าพวกผู้าุโหลี่ถูกเขาฆ่าตาย ช่างเป็เื่ที่น่าตลกขบขันเสียจริง”
คนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขารู้ดีถึงพลังของผู้าุโหลี่ แล้วจะถูกผู้อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ฆ่าตายง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?
“ผู้าุโหลี่ หากท่านอยู่ในถ้ำก็ตอบกลับมาด้วย อย่าปล่อยให้เ้าเด็กนั่นกำเริบเสิบสาน” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งส่งเสียงะโเข้าไปในถ้ำ ซึ่งเขายังคงคิดว่าผู้าุโหลี่จงใจเล่นตลก ทว่าไม่มีผู้ใดตอบกลับเป็เวลานาน จึงทำให้พวกเขาขบคิด ก่อนจะได้ยินคนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “มิสู้พวกเราเข้าไปดูในถ้ำ หากพวกผู้าุโหลี่เจอเื่ไม่คาดฝัน พวกเราก็จะได้เอาคืน”
ครู่ต่อมามีผู้ฝึกยุทธ์กล่าวว่า “เ้าพูดถูก พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”
ผู้คนตอบสนองต่อคำพูดของคนนั้นในทันที จากนั้นพวกเขาเดินเข้าไปในถ้ำ
ภายในถ้ำ เย่เฟิงจัดการวางศพของผู้าุโหลี่และอู๋เจ๋อไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเก็บแหวนมิติของอีกฝ่ายมาเรียบร้อย จากนั้นเขาและกงซุนหลิงเอ๋อร์ก็ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ
ทันทีที่ผู้ฝึกยุทธ์ 20 กว่าคนเข้ามาในถ้ำก็เห็นศพของสองคน จึงอดใไม่ได้ พร้อมเผยสีหน้าไม่สู้ดี
“ผู้าุโหลี่กับอู๋เจ๋อถูกฆ่าตายจริง ๆ เด็กคนนี้ทำได้อย่างไรกัน?”
ความคิดแรกแวบเข้ามาในหัวของผู้คน แต่มีคนบางส่วนแอบยินดีปรีดาที่ไม่ได้เข้ามากับพวกผู้าุโหลี่ ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องตายก็อาจเป็พวกเขา
“สารเลว เ้าฆ่าคนของตระกูลอู๋ถึงสองคน ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนหนึ่งกวาดตามองไปรอบ ๆ ถ้ำ ก่อนกล่าวเสียงเย็นเช่นนั้น
“เป็ความผิดคนของตระกูลอู๋เ้าต่างหากที่ไร้ความสามารถ แต่เ้ากลับมีหน้ามาพูดเช่นนี้กับข้า ช่างน่าขันสิ้นดี!” พลันเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ปรากฏตัวที่ปากถ้ำ
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ได้ยินเสียงนี้ต่างก็ตาเผยประกายเย็นเยือก ก่อนจะหันไปมองพวกเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นฉู่มู่ที่ติดตามกลุ่มนี้มาด้วยก็เหยียดยิ้มให้เย่เฟิง “บังอาจฆ่าสองคนนี้ ไม่ว่ายังไงวันนี้เ้าก็ต้องตายอยู่ที่นี่!”
แม้ฉู่มู่จะรู้ว่าเย่เฟิงแข็งแกร่งแต่ก็ไม่หวาดกลัว เพราะเขามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคุ้มกันอยู่ข้างกาย
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มอย่างเ็าขณะมองอีกฝ่าย
“จะไปพูดไร้สาระกับเขาทำไม ฆ่าเขาซะ!”
จากนั้นเห็นไอสังหารปะทุออกจากร่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนหนึ่ง เขา้าลงมือสังหารเย่เฟิง แต่ขณะนั้นเห็นเย่เฟิงโบกสะบัดมือเพื่อปล่อยพลัง ก่อนจะกลายเป็ลำแสงแล้วไปเยือนพื้นดินในถ้ำ ทันใดนั้นพื้นดินในถ้ำเปล่งแสงจ้า ลวดลายพลันปรากฏขึ้น พร้อมกับถักทอเป็แผนภาพเทวะ ทั้งยังมีพลังไร้ที่สิ้นสุดพวยพุ่งออกมา เข้าปกคลุมทั่วทั้งถ้ำในพริบตาเดียว จากนั้นลวดลายเริ่มเคลื่อนไหวและก่อตัวเป็รูปกรงขังลายเทวะอย่างรวดเร็ว กักขังผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋เ่าั้ไว้ข้างใน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นที่จะโจมตีเย่เฟิงชนเข้ากับกำแพงม่านแสงของกรงลวดลายเทวะ จึงโดนดีดกลับไปพร้อมกระอักเื
เย่เฟิงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสายตาดูแคลนพร้อมเผยรอยยิ้มเย็นะเื
“เ้าทำอะไรกับพวกข้า? ปล่อยพวกข้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋คนหนึ่งกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ทุกคนที่ถูกขังต่างก็เผยสีหน้าดูไม่ได้ ทั้งยังมีหลายคนปลดปล่อยการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวเพื่อพยายามทำลายกรงลวดลายเทวะ แต่กลับไร้ประโยชน์ กรงลวดลายเทวะนี้แข็งทนทานดุจกำแพงเหล็กกล้า แม้แต่พลังของพวกเขาก็ยังสั่นคลอนมันไม่ได้
“ปล่อยพวกเ้าแล้วออกมาฆ่าข้า พวกเ้าคิดว่าข้าจะทำเช่นนั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น เขาไม่รู้สึกเวทนาคนเหล่านี้ที่้าฆ่าเขาแม้แต่นิดเดียว
“พวกเ้ารออยู่ที่นี่ อีกสามชั่วยาม กรงลวดลายเทวะจะหายไปเอง ถึงเวลานั้นพวกเ้าก็จะเป็อิสระ” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นส่งสัญญาณให้กงซุนหลิงเอ๋อร์ แต่กงซุนหลิงเอ๋อร์ยังคงใไม่หาย นางไม่กล้าเชื่อว่าเย่เฟิงเป็คนทำทั้งหมดนี้ จากนั้นเขาส่งสายตาให้นาง นางก็ตอบสนองทันที ก่อนจะออกไปจากถ้ำพร้อมกับเย่เฟิง
“บัดซบ!” คนตระกูลอู๋เห็นพวกเย่เฟิงทิ้งพวกเขาแล้วออกไปต่างก็เผยสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด พวกเขาต่าง้าฆ่าเย่เฟิง แต่กลับถูกขังไว้ในนี้ จึงทำได้เพียงมองสองคนนั้นออกไป
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาคิดไม่ตก นั่นคือเย่เฟิงฆ่าผู้าุโหลี่และอู๋เจ๋อได้อย่างไร แล้วกรงลวดลายเทวะที่ซับซ้อนนี้ใครเป็คนสร้าง?
“ตาบ้า เ้ารู้จักลวดลายเทวะด้วยหรือ?”
ระหว่างทาง จู่ ๆ กงซุนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามเย่เฟิงอย่างอดไม่ได้ นางพบว่าตัวเองมองเย่เฟิงไม่ออก และยิ่งไม่รู้ว่าเย่เฟิงมีความลับมากเพียงใด
“อืม เคยเรียนรู้มาก่อนหน้านี้” เย่เฟิงกล่าว แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดเื่ราชันมารชื่อเทียน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจกงซุนหลิงเอ๋อร์ แต่ความลับเช่นนี้คนรู้น้อยก็ยิ่งดี ทั้งยังเป็ผลดีต่อเขาและราชันมารชื่อเทียน
“เฮ้อ!” กงซุนหลิงเอ๋อร์ถอนหายใจยาว พยายามทำให้ตัวเองสงบจิตสงบใจ ก่อนหน้านี้นางคิดว่าพร์ของตัวเองยอดเยี่ยมเพียงพอแล้ว แต่หากเทียบกับเย่เฟิง พร์ของนางดูธรรมดาไปเลย แม้แต่ระหว่างอัจฉริยะกับอัจฉริยะก็ยังมีช่องว่าง
“นี่พวกเรากำลังจะไปไหนหรือ?” กงซุนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามเย่เฟิงด้วยสีหน้าสงสัย
“ออกจากที่นี่ก่อน” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นนำยาถอนพิษออกมาจากแหวนมิติของอู๋เจ๋อสองเม็ด เม็ดหนึ่งให้กงซุนหลิงเอ๋อร์และอีกเม็ดให้ตัวเอง เช่นนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหมอกพิษกัดกร่อนอีกแล้ว
ผ่านไปสองชั่วยาม พวกเย่เฟิงก็ออกจากเทือกเขาลอยฟ้าจนมาถึงชายแดนเทือกเขา ซึ่งเรือรบอินทนิลทองคำยังคงลอยตระหง่านอยู่ที่กลางอากาศ
“เรารีบไปเถอะ ไม่งั้นถ้าพวกนั้นหนีออกมาได้คงเจอปัญหายุ่งยากเป็แน่” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าว คล้ายคิดว่าจะถูกอีกฝ่ายไล่ตาม
“จะรีบไปไย เรือรบอินทนิลทองคำลำนี้ไม่มีเ้าของแล้ว มิสู้พวกเราเก็บของสิ่งนี้ไปด้วยเลยละ” เย่เฟิงกล่าวขณะมองเรือรบอินทนิลทองคำตาเป็ประกาย
