เสียงฟ้าร้องคำรามอยู่ไกลๆ ปลุกให้มิราที่เผลอฟุบหลับไปบนโซฟาตัวยาวสะดุ้งตื่น เธอมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มราวกับกลางคืน ทั้งที่นาฬิกาบนผนังบอกเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว พายุฝนกระหน่ำลงมาไม่หยุดหย่อนั้แ่เมื่อคืน... คืนที่ธีร์ทิ้งเธอไว้กับความว่างเปล่าและขับรถออกไปหาผู้หญิงคนนั้น
เธอไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ร่างกายเหนื่อยล้าจนแทบขยับไม่ไหว แต่สมองกลับตื่นตัวและวุ่นวายเกินกว่าจะพักผง่อนได้ลง ภาพของธีร์ที่ลุกจากเตียงไปรับโทรศัพท์ของพิมพ์ยังคงฉายชัดซ้ำไปซ้ำมา คำพูดเ็าที่ข่มขู่จะเปิดโปงความลับบางอย่างมันคืออะไรกันแน่ แล้วเขาก็จากไป... ทิ้งเธอไว้บนเตียงที่ยังอุ่นไอไปด้วยไฟรักของพวกเขาทั้งสองคน
มิราลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม รินน้ำเปล่าใส่แก้วด้วยมือที่สั่นเทา บนโต๊ะกาแฟกลางห้องนั่งเล่น สัญญาว่าจ้างที่เธอเซ็นไปยังคงวางอยู่ที่เดิม มันคือตราบาป คือพันธนาการที่เธอเลือกเอง แต่ในตอนแรกเธอคิดว่ามันเป็แค่ข้อตกลงทางธุรกิจที่ใช้ร่างกายและเวลาแลกกับเงิน แต่ตอนนี้... หัวใจของเธอกำลังถูกผูกติดไปกับมันด้วยอย่างไม่มีทางแกะออก
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูหน้าบ้านที่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝน ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ เธอหันขวับไปมองทันที และก็ได้เห็นร่างสูงของธีร์ที่ก้าวเข้ามาในบ้าน เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาเปียกปอนแนบไปกับแผงอกกว้าง ผมที่เคยจัดทรงเรียบร้อยเปียกลู่ลงมาปรกหน้าผาก ใบหน้าของเขาดูอิดโรยและเคร่งเครียด ดวงตาคมกริบคู่นั้นฉายแววของความเหนื่อยล้าอย่างปิดไม่มิด
เขาไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมาทั้งคืน... ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวเหมือนคมมีดที่กรีดซ้ำลงบนแผลเก่า หัวใจของเธอบีบรัดจนเจ็บแปลบ
“คุณกลับมาแล้วเหรอ” เธอเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ฟังดูปกติ แต่มันกลับเ็าจนน่ากลัว “นึกว่าคืนนี้จะไม่กลับมาซะอีก”
ธีร์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว และยังอยู่ในชุดเดิมจากเมื่อคืน เขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ถอดเสื้อสูทที่เปียกชื้นออกแล้วพาดไว้บนพนักเก้าอี้ “ข้างนอกฝนตกหนักมาก” เขาพูดเหมือนจะอธิบาย แต่ไม่ได้มองหน้าเธอ
“เหรอคะ” เธอยกยิ้มหยัน “ฝนคงตกหนักมากจริงๆ ถึงขนาดทำให้คุณต้องไปค้างที่อื่นทั้งคืน... หรือที่นั่นมันอุ่นกว่าที่นี่”
ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นสบตาเธอ ดวงตาของเขาแดงก่ำเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ไปค้างที่ไหน ฉันไปเคลียร์เื่ที่มันค้างคาอยู่”
“เคลียร์... หรือว่าไปรื้อฟื้น” เธอสวนกลับทันควัน “คุณไม่ต้องมาโกหกฉันหรอกธีร์! คุณไปอยู่กับเธอมาทั้งคืนใช่ไหม! ผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์คนนั้น!”
“ใช่! ฉันไปอยู่กับเธอมาทั้งคืน!” เขาตะคอกกลับด้วยความเหนื่อยล้าและหงุดหงิดที่ถูกกดดัน “เธอพอใจรึยัง! พอใจกับคำตอบที่เธออยากได้ยินแล้วใช่ไหม!”
คำยอมรับของเขาเหมือนค้อนที่ทุบลงกลางใจ มิราถึงกับพูดไม่ออก น้ำตาคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “คุณมัน... คุณมันเห็นแก่ตัวที่สุด” เธอพึมพำเสียงสั่น “คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง... คุณเพิ่งจะบอกว่ารักฉัน คุณเพิ่งจะกอดฉัน... แล้วคุณก็ไปหาผู้หญิงคนอื่น!”
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด!”
“แล้วมันเป็ยังไง! บอกฉันสิว่ามันเป็ยังไง!” เธอะเิอารมณ์ออกมา “บอกฉันสิว่าผู้ชายที่เพิ่งจะร่วมรักกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างดูดดื่ม แล้วทิ้งเธอไปค้างคืนกับผู้หญิงอีกคนน่ะ มันเป็ยังไง! คุณกำลังเล่นเกมอะไรอยู่ธีร์! คุณสนุกมากนักรึไงที่เห็นฉันเป็เหมือนของเล่นที่ไม่มีหัวใจ!”
“ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็ของเล่น!” เขาเดินเข้ามากระชากแขนเธออย่างแรง บีบจนเธอต้องนิ่วหน้า “แต่ที่ฉันต้องไป เพราะมันมีเื่ที่สำคัญกว่า! เื่ที่เกี่ยวกับความเป็ความตายของหลายคน!”
“สำคัญกว่าความรู้สึกของฉันน่ะเหรอ!”
“แล้วเธอเคยเชื่อในความรู้สึกของฉันบ้างไหมเล่า!” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาของเธอ “ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะเข้าใกล้ เธอก็ผลักไส ทุกครั้งที่ฉันบอกว่ารัก เธอก็บอกว่าฉันโกหก! แต่เธอรู้ไหม... ว่าสายตาของเธอมันฟ้องทุกอย่าง!”
“สายตาบ้าอะไรของฉัน!”
“สายตาที่เธอกำลังมองฉันอยู่ตอนนี้ไง!” เขากระซิบเสียงพร่า “สายตาที่ถึงแม้ปากจะบอกว่าเกลียด แต่ข้างในมันกลับเต็มไปด้วยความรักและความเ็ป... เธอไม่เคยโกหกสายตาตัวเองได้เลยนะมิรา”
คำพูดของเขาเหมือนกุญแจที่ไขเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจเธอ ทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงฝนที่ยังคงสาดกระหน่ำอยู่ด้านนอก และเสียงหัวใจของคนสองคนที่เต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก
มิราพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่เขากลับใช้มืออีกข้างประคองใบหน้าเธอไว้ บังคับให้เธอสบตากับเขาตรงๆ
“อย่ามองฉันแบบนั้น... ธีร์” เธออ้อนวอนเสียงสั่น “ฉันขอร้อง... ฉันไม่อยากกลับไปเจ็บเหมือนเดิมอีกแล้ว”
“ถ้าที่เดิมที่เธอว่า มันคือการได้กลับมายืนอยู่ข้างๆ ฉัน...” เขาพูดเสียงเบาลงอย่างน่าประหลาด “...ฉันก็จะทำให้มันเป็ที่ใหม่ที่ดีกว่าเดิมสำหรับเรา”
“คุณพูดเหมือนทุกอย่างมันง่ายนักนี่!”
“ฉันรู้ว่ามันยาก! ยากจนแทบจะบ้า! แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้... ฉันยอมเสียทุกอย่างได้ แต่ฉันจะเสียเธอไปอีกครั้งไม่ได้!”
เขายื่นมือมาเชยคางของเธอขึ้นอย่างอ่อนโยนจนน่าใจหาย นิ้วโป้งของเขาเกลี่ยหยดน้ำตาออกจากแก้มของเธออย่างแ่เบา ััของเขามันทั้งอบอุ่นและอันตรายในเวลาเดียวกัน
“ปล่อยฉันไปเถอะธีร์... เราสองคนมันเป็ไปไม่ได้แล้ว”
“ไม่... จนกว่าฉันจะได้ยินจากปากของเธอเองว่าเธอไม่ได้รักฉันแล้ว... มองตาฉันสิมิรา แล้วพูดออกมา”
เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลคู่นั้น... ดวงตาที่เธอเคยหลงรัก ดวงตาที่เคยทำให้โลกทั้งใบของเธอสดใส และเป็ดวงตาคู่เดียวกันกับที่มองเธออย่างเ็าในวันที่เขาจากไป... แต่ตอนนี้ ในแววตาคู่นั้น มันไม่ได้มีแค่ความปรารถนาหรือความ้าเอาชนะอีกต่อไปแล้ว แต่มันเต็มไปด้วยความเ็ป ความโหยหา และความรักที่อัดแน่นจนแทบจะะเิออกมา
เธอพูดไม่ออก... คำว่า ‘ไม่รัก’ มันติดอยู่ที่ลำคอ เหมือนมีก้อนหินมาจุกอยู่
“เห็นไหม... เธอพูดไม่ได้” เขายกยิ้มอย่างเศร้าๆ “เพราะสายตาเธอมันกำลังบอกฉัน... ว่าเธอยัง้าฉันเหมือนกัน”
เธออยากจะปฏิเสธ แต่ร่างกายกลับทรยศไม่ขยับตามที่ใจสั่ง เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาหาเธอช้าๆ... ช้าๆ... จนปลายจมูกของพวกเขาัักัน ลมหายใจอุ่นๆ ที่เจือไปด้วยกลิ่นฝนและกลิ่นบุหรี่จางๆ ของเขา ทำให้สติของเธอเริ่มเลือนลาง
“ทำไม... ทำไมคุณต้องกลับมาทำให้ฉันสับสนด้วย”
“เพราะฉันลืมเธอไม่ได้... และฉันก็ลืมสายตาของเธอในวันนี้ไม่ได้เหมือนกัน สายตาที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังมีหวัง”
“หวังที่จะทำร้ายฉันอีกน่ะเหรอ”
เขาไม่ตอบ แต่กลับประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากที่สั่นระริกของเธออย่างนุ่มนวลและเชื่องช้า มันไม่ใช่จูบที่รุนแรงหรือจาบจ้วงเหมือนทุกครั้ง แต่มันคือจูบที่เต็มไปด้วยการปลอบประโลม การขอโทษ และการอ้อนวอน เขาค่อยๆ บดเบียดเคล้าคลึงอย่างอ่อนหวาน ละเลียดชิมความหอมหวานจากริมฝีปากของเธอราวกับเป็สิ่งล้ำค่าที่สุดในโลก
มิราควรจะผลักเขาออกไป แต่เธอกลับทำไม่ได้ แขนของเธอค่อยๆ ยกขึ้นโอบรอบลำคอของเขาอย่างลืมตัว เผยอปากรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ ปล่อยให้ลิ้นร้อนของเขาแทรกเข้ามาในโพรงปากเพื่อเกี่ยวพันกับลิ้นของเธออย่างดูดดื่ม
เสียงฝนข้างนอกดังเท่าไหร่ ก็ไม่ดังเท่าเสียงหัวใจของเธอในตอนนี้
ธีร์ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง เขามองใบหน้าหวานที่แดงก่ำและดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มของเธอด้วยความรักใคร่สุดหัวใจ “เพราะแบบนี้ไง... เพราะฉันกลัวว่าจะต้องเสียเธอไปให้กับความเข้าใจผิดอีกครั้ง”
“ฉันก็กลัว...” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะต้องเจ็บมากกว่าเดิม”
เขาดึงร่างเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกแกร่งที่ยังเย็นชื้นจากละอองฝน “ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำให้เธอเจ็บ... ฉันสัญญา”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังจมดิ่งอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีเพียงกันและกัน...
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูหน้าบ้านที่ไม่ได้ล็อคดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับการปรากฏตัวของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
พิมพ์ลดา ยืนอยู่ที่นั่นในชุดโค้ทกันฝนสีดำสนิท ใบหน้าสวยจัดของเธอแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน เธอปรบมือเบาๆ “ประทับใจจริงๆ ค่ะ... ซีนรักดูดดื่มท่ามกลางพายุฝน... โรแมนติกเหมือนในหนังเลยนะคะ”
ธีร์รีบดันตัวมิราไปหลบอยู่ด้านหลังของเขาทันที สายตาของเขาที่มองไปยังพิมพ์เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับเธอ!”
“ฉันไม่ได้มายุ่งกับเธอนี่คะ” พิมพ์แสร้งทำหน้าใสซื่อ “ฉันแค่... มาแจ้งข่าวร้ายให้ ‘เพื่อนเก่า’ ฟังก็เท่านั้น”
“หมายความว่ายังไง” มิราถามเสียงสั่น โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังของธีร์
“โอ๊ะ... ยังอยู่นี่เองเหรอ นึกว่ากลัวจนมุดอกแฟนเก่าไปแล้วซะอีก” พิมพ์หัวเราะเยาะ “ฉันก็แค่จะมาบอกว่า... เมื่อเช้านี้ฉันเพิ่งสั่งให้บริษัทในเครือของฉัน ถอนเงินสนับสนุนทั้งหมดออกจากโรงพยาบาลที่พ่อเธอนอนรักษาตัวอยู่น่ะ... ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการท่านจะทรุดลงไปรึยังนะ”
“ว่าไงนะ!” มิราเบิกตากว้าง เืในกายเย็นเฉียบ “คุณ... คุณทำแบบนั้นทำไม!”
“ทำไมน่ะเหรอ” พิมพ์เดินเข้ามาใกล้ขึ้น แววตาของเธอเ็าและไร้ความปราณี “ก็เพราะฉันทำได้ไงล่ะจ๊ะ... ในโลกนี้ เงินคือพระเ้า และตอนนี้พระเ้าก็อยู่ข้างฉัน”
“พิมพ์! เธอจะเล่นสกปรกเกินไปแล้วนะ!” ธีร์คำรามลั่น
“สกปรกเหรอคะ... มันยังน้อยไปกับสิ่งที่พ่อของคุณทำกับครอบครัวของฉัน!” พิมพ์หันมาจ้องหน้าธีร์เขม็ง “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ... ฉันให้ทางเลือกพวกคุณเสมอ”
เธอหันกลับมามองมิราด้วยรอยยิ้มของนางพญา “ถ้าเธอ... ไม่อยากให้พ่อของเธอต้องตายเพราะขาดยาดีๆ หรือขาดเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย... เธอก็แค่เดินออกไปจากชีวิตของธีร์ซะ ทำให้ฉันแน่ใจว่าเธอจะไม่กลับมาอีก... แล้วฉันจะคืนเงินสนับสนุนทั้งหมดให้โรงพยาบาลทันที”
“นี่คุณ...” มิราพูดอะไรไม่ออก เธอไม่เคยเจอใครที่เลวร้ายและเืเย็นได้ขนาดนี้มาก่อน
“หรือ...” พิมพ์หันไปหาธีร์ “ถ้าคุณไม่อยากเสียของเล่นชิ้นใหม่ไป... คุณก็แค่กลับมาหาฉัน ทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดีเหมือนเดิม แล้วฉันก็จะลืมๆ เื่เด็กคนนี้ไปซะ... เลือกเอานะคะคุณธีร์ ว่าจะรักษาชีวิตพ่อของเธอ หรือจะเก็บเธอไว้ข้างกาย”
“ฉันไม่มีวันกลับไปหาเธอ!” ธีร์ปฏิเสธเสียงแข็ง
“อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจสิคะ” พิมพ์ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “เพราะความลับที่ฉันกุมไว้... มันไม่ได้มีแค่เื่พ่อของคุณกับพ่อของฉันนะ... แต่มันยังเกี่ยวกับ... การตายของแม่เธอด้วยนะ... มิรา”
คำพูดสุดท้ายนั้นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจของมิรา... เื่แม่ของเธอ... มันเกี่ยวอะไรด้วย
พิมพ์หัวเราะอย่างพอใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดของทั้งสองคน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งะเิลูกใหญ่ไว้ให้พวกเขาจัดการกันเอง
ความเงียบที่น่ากลัวเข้าครอบงำห้องนั่งเล่นอีกครั้ง มิราทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง “เธอ... เธอพูดเื่อะไร... เื่แม่ของฉัน...”
ธีร์รีบเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าเธอ จับมือที่เย็นเฉียบของเธอไว้แน่น “มิรา... ฟังฉันนะ อย่าไปเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้น”
“แต่คุณรู้! คุณรู้อะไรบางอย่างใช่ไหมธีร์!” เธอจ้องหน้าเขาอย่างคาดคั้น “บอกฉันมา! ว่าเื่ทั้งหมดมันคืออะไร!”
ธีร์หลบสายตาเธอ “ฉัน... ฉันยังบอกเธอตอนนี้ไม่ได้... แต่ฉันสัญญา ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพ่อเธอหรือแตะต้องเื่แม่ของเธอเด็ดขาด”
“สัญญาอีกแล้วเหรอ...” เธอหัวเราะทั้งน้ำตา “คำสัญญาของคุณมันมีค่าอะไร ในเมื่อคุณปกป้องฉันจากอะไรไม่ได้เลย... แม้แต่จากผู้หญิงคนเดียว”
“ฉันทำได้มิรา... แค่เชื่อใจฉันอีกครั้ง”
“เชื่อใจเหรอ...” เธอสบตาเขานิ่ง สายตาของเธอตอนนี้มันไม่ได้มีแค่ความรักหรือความแค้นอีกต่อไปแล้ว แต่มันเต็มไปด้วยความว่างเปล่า... “แล้วคุณล่ะธีร์... คุณกล้ามองตาฉันแล้วบอกได้ไหม ว่าคุณไม่ได้ปิดบังอะไรฉันอยู่เลย... แม้แต่เื่เดียว”
เขานิ่งไป... เขาตอบไม่ได้... เพราะมันมีเื่ราวมากมายเหลือเกินที่เขาไม่สามารถบอกเธอได้ในตอนนี้
มิราดึงมือของเธอกลับมาอย่างช้าๆ “ฉันไม่เคยลืมสายตาของคุณเลยธีร์... ไม่เคยลืมวันที่คุณรักฉัน และไม่เคยลืมวันที่คุณทิ้งฉัน... แต่สายตาที่คุณกำลังมองฉันอยู่ตอนนี้... มันคือสายตาที่ฉันกลัวที่สุด... สายตาของคนแปลกหน้าที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน”
เมื่อความรักถูกใช้เป็เครื่องต่อรอง และความลับในอดีตกำลังจะถูกใช้เป็อาวุธทำลายล้าง... สายตาที่เคยผูกพันอาจกลายเป็สิ่งเดียวที่ตอกย้ำว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักกันจริง ๆ เลยสักครั้ง ทางเลือกสุดท้ายของมิราอาจไม่ใช่การเลือกระหว่างความรักหรือความแค้น แต่เป็การเลือกระหว่างชีวิตของพ่อ... กับความจริงที่อาจทำลายทุกอย่างที่เธอเคยเชื่อ
ติดตามอ่านตอนต่อไป
