่สายของฤดูหนาว แสงอาทิตย์สาดส่อง หากไม่มีลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความหนาวเย็นเสียดลึกไปถึงกระดูกพัดมาจะดียิ่งกว่า
ณ หมู่บ้านหลี่ ห้องบดที่ใช้โม่ถั่วเหลืองบริเวณลานด้านหลังของบ้านหลี่
หลี่หรูอี้กำลังสอนหลี่ซานและหลี่สือทำเต้าหู้แห้ง
ปีที่แล้วบ้านหลี่ทำฟองเต้าหู้และเส้นเต้าหู้ไปแล้ว จากนั้นก็เตรียมทำเต้าหู้แห้งออกมาขาย
เต้าหู้แห้งเป็สินค้าแปรรูปที่ทำมาจากเต้าหู้เช่นกัน มีรสเค็ม รสััเหนียวหนึบ เก็บไว้ได้นาน ไม่เสียหายง่าย จึงสะดวกต่อการขนส่ง
เต้าหู้แห้งมีหลายประเภท เช่น เต้าหู้แห้งที่เกิดจากการรมควันและเต้าหู้แห้งที่เกิดจากการตุ๋นแห้ง เป็ต้น สามารถนำมาผัดทำเป็อาหารจานร้อนหรือจะทำเป็อาหารจานเย็นก็ได้ ทั้งยังสามารถนำมาเป็ของกินเล่นได้ด้วย
ทางภาคใต้จะนิยมเรียกเต้าหู้แห้งว่า เซียงกาน ซึ่งแบ่งออกเป็ไป๋เซียงกานและหวงเซียงกาน ไป๋เซียงกานไม่ต้องรมควัน ส่วนหวงเซียงกานต้องรมควัน หวงเซียงกานที่ผ่านการรมควันมาแล้วจะมีกลิ่นของถ่านไม้ ทำให้มีรสชาติที่โดดเด่นเป็เอกลักษณ์ เมื่อนำไปทำเต้าหู้ผัดพริกหยวก หรือเต้าหู้ผัดหอมใหญ่ ก็ล้วนเป็อาหารที่อร่อยเลิศรสทั้งสิ้น
สิ่งที่หลี่หรูอี้จะทำก็คือ เต้าหู้แห้งของภาคเหนือ ไม่ใช่เซียงกานของทางใต้
วัตถุดิบที่ใช้ทำเต้าหู้แห้งนอกจากจะมีถั่วเหลืองแล้ว ยังต้องใช้ยี่หร่า เกลือ อบเชย และอื่นๆ อีกด้วย ปริมาณน้ำที่ใช้ทำเต้าหู้แห้งคิดเป็สี่หรือห้าส่วนของน้ำที่ใช้ทำเต้าหู้
ครั้งแรกนางทำในบ้าน ทำไปเพียงยี่สิบชั่ง เป็การลองตลาด
หลี่สือชูนิ้วขึ้นนับเลข น้ำเสียงหยาบกระด้างดังขึ้นว่า “น้ำเต้าหู้ เต้าฮวย เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ เส้นเต้าหู้ เต้าหู้แห้ง พวกมันทำมาจากถั่วเหลืองทั้งหมด ถั่วเหลืองมีประโยชน์กว่าถั่วชนิดอื่นจริงๆ”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ถั่วเหลืองนำไปเพาะเป็ถั่วงอกได้ด้วย คราวหน้าข้าจะทำถั่วงอกจากถั่วเหลืองสักหนึ่งกระถาง”
หลี่ซานพูดขึ้นว่า “ลูกสาวข้า เมื่อวานข้าไปซื้อเนื้อหมูในตำบล ได้ยินว่าราคาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นเป็ชั่งละสามทองแดงแล้ว ราคาเท่ากับแป้งขาว ดีที่เ้าซื้อถั่วเหลืองมาไว้มากมาย และให้ครอบครัวลุงหวังช่วยรับซื้อเต้าหู้มาอีกหลายหมื่นชั่ง”
ห้องใต้ดินของครอบครัวเต็มไปด้วยกองถั่วเหลือง เมื่อเป็เช่นนี้หลี่ซานจึงไม่กลัวว่าจะมีไม่พอใช้
หลี่หรูอี้มิได้รู้สึกเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด นางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ราคาถั่วเหลืองเพิ่มสูงขึ้นเพียงนี้ ปีหน้าจะต้องมีคนจำนวนมากหันไปปลูกถั่วเหลืองเป็แน่”
หลี่ซานกล่าวต่อไป “ข้าเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวและเหลาอาหารในตำบลขายน้ำเต้าหู้กันหมดแล้ว ได้ยินว่าร้านก๋วยเตี๋ยวและเหลาอาหารแต่ละแห่งในอำเภอฉางผิงก็ขายน้ำเต้าหู้กันหมด”
หลี่หรูอี้พึมพำว่า “ข้าเคยพูดไว้นานแล้วว่า การทำน้ำเต้าหู้มิได้ยากอะไรมากมาย ไม่นานต้องมีคนคิดทำออกมาได้แน่นอน ดูเอาเถิด นี่เพิ่งจะไม่กี่เดือนก็มีน้ำเต้าหู้ขายอยู่ทั่วทุกที่แล้ว พวกเราไม่ขายน้ำเต้าหู้ ขายเพียงเต้าหู้ ดังนั้นพวกเราก็รักษาเพียงสูตรการทำเต้าหู้ไว้ให้ดี เช่นนี้ก็จะไม่มีใครทำออกมาขายได้ ไม่มีใครแข่งกับครอบครัวเราได้”
“ใช่แล้ว ต้องรักษาสูตรการทำเต้าหู้เอาไว้ให้ดี” หลี่ซานยื่นมือออกไปตบลงบนไหล่กว้างของหลี่สือ กำชับว่า “หากผู้อื่นมาถามเื่ทำเต้าหู้กับเ้า เ้าอย่าได้พูดไปเป็อันขาด”
ไม่กี่วันก่อนมีพ่อค้าคนหนึ่งนำของจุกจิกมากับสัมภาระ ด้านในมีหุ่นกระบอกไม้ ห่วงของเล่น และของเล่นต่างๆ นานา เขานำของเล่นเหล่านี้มาขายที่หมู่บ้านหลี่ จากนั้นก็จงใจยืนเรียกลูกค้าอยู่ตรงประตูบ้านหลี่
ในกระเป๋าของหลี่สือมีเงินที่หลี่หรูอี้มอบไว้ให้ เขาจึงนำไปซื้อของเล่นกับพ่อค้าคนนั้นหลายครั้ง ทำให้อีกฝ่ายจำเขาได้
แต่คราวนี้พ่อค้าจะมอบของเล่นให้หลี่สือโดยไม่เก็บเงิน
สองสามีภรรยาหลี่ซานสั่งสอนเขาไว้อย่างเข้มงวด หลี่สือจึงไม่กล้ารับของจากคนแปลกหน้ามั่วๆ เขาไม่กล้ารับของเล่น พ่อค้าคนนั้นจึงกล่าวไปว่า “หากเ้ารู้สึกไม่ดีก็ตอบคำถามข้าสักสองสามคำถามเถิด”
หลี่สือมีจิตใจบริสุทธิ์ คิดว่าทำเช่นนี้จะเป็การเอาเปรียบพ่อค้าอาจทำให้หลี่ซานและจ้าวซื่อด่าเขาได้ จึงไม่ยอมซื้อแล้วกลับบ้านไปทันที
เมื่อครอบครัวหลี่ทราบเื่นี้ ก็คิดว่าพ่อค้าอยากจะล้วงสูตรทำเต้าหู้จากปากของหลี่สือ ทันใดนั้นก็เกิดความหวาดระแวงขึ้นมาทันที พากันกำชับหลี่สือซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ให้รักษาสูตรการทำเต้าหู้ไว้ให้ดี
หลี่สือส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าจะไม่หลุดปาก ข้าจะไม่พูดเื่ทำเต้าหู้”
หลี่หรูอี้นำเต้าหู้แห้งที่ทำเสร็จแล้วไปใส่ลงในบุ้งกี๋ ส่วนที่เหลืออีกราวสองชั่งก็มอบให้หลี่สือ “คืนนี้ทำผัดเต้าหู้แห้งให้ทุกคนชิมดูเถิด”
หลี่สือหยิบเต้าหู้แห้งสีเหลืองนวลขึ้นมาดม “เต้าหู้แห้งกลิ่นหอมกว่าเต้าหู้เสียอีก”
“แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเห็นแล้วกระมัง ตอนทำเต้าหู้แห้งข้าใส่เครื่องปรุงเข้าไปด้วย” หลี่หรูอี้บิเต้าหู้แห้งออกเป็ชิ้นเล็กๆ แล้วเอาเข้าปากเพื่อลิ้มรส เป็รสชาติที่นางคุ้นเคยจากโลกก่อน “รสชาติของเต้าหู้แห้งเป็เอกลักษณ์ ทั้งยังเก็บได้นานกว่าเต้าหู้และฟองเต้าหู้ด้วย”
สองพี่น้องหลี่ซานชิมเต้าหู้แห้งเข้าไป จากนั้นก็พยักหน้า คิดว่ารสชาติของมันช่างอร่อยจริงๆ
หลี่หรูอี้ยิ้มบางๆ “หากมีคนซื้อเต้าหู้แห้งเป็จำนวนมาก ต่อไปพวกเราก็ขายเต้าหู้แห้งหนึ่งวัน ขายฟองเต้าหู้หนึ่งวัน”
บ้านหลี่ขายเต้าหู้ หลี่หรูอี้กลัวว่าคนในบ้านจะกินเต้าหู้กันจนเลี่ยนจึงไม่ยอมให้โต๊ะอาหารของครอบครัวมีเต้าหู้ปรากฏทุกมื้อ
หลี่ซานคิดว่าบุตรสาวของตนกล่าวได้มีเหตุผล “เช่นนั้นก็ทำตามเ้าว่าเถิด”
หลี่สือยกชามไม้ที่บรรจุเต้าหู้แห้งสองชั่งออกมาจากห้องบดแล้วเดินไปที่ห้องครัว อู่ต้าที่กำลังทำความสะอาดเครื่องครัวเงยหน้าขึ้นมาเห็นเต้าหู้แห้งก็คิดในใจว่า ที่แท้นี่ก็คือเต้าหู้แห้งที่คุณหนูพูดถึง ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่
่อาหารเย็น บนโต๊ะอาหารของครอบครัวหลี่มีเต้าหู้แห้งผัดเนื้อหมูเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง อาหารเหล่านี้หลี่สือเป็คนทำ เขาเชื่อฟังคำพูดของหลี่หรูอี้มาก นำหมูสามชั้นออกมาผัดให้มีน้ำมันจากนั้นก็ใส่ต้นหอมหั่นชิ้นและเต้าหู้แห้งลงไปผัด
เดิมทีเต้าหู้แห้งก็มีรสชาติที่เป็เอกลักษณ์อยู่แล้ว เมื่อดูดซึมน้ำมันหมูและกลิ่นหอมของต้นหอมเข้าไปจึงทำให้อร่อยเป็พิเศษ
หลี่หรูอี้ถามว่า “อร่อยหรือไม่”
“อร่อย”
“เต้าหู้แห้งของครอบครัวเราจะต้องขายดีแน่นอน”
“น้องสาว ข้าคิดว่าเต้าหู้แห้งอร่อยกว่าฟองเต้าหู้เสียอีก”
จ้าวซื่อกล่าวตาม “ใช่แล้ว เอาเต้าหู้แห้งมาผัดกับเนื้อหมู ย่อมต้องอร่อยกว่าฟองเต้าหู้เป็ธรรมดา”
หลี่หรูอี้กล่าวยิ้มๆ “แต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบกินฟองเต้าหู้ บางคนก็ไม่ชอบ ชอบกินเพียงเต้าหู้แห้ง”
หลี่ฝูคังถามขึ้นว่า “น้องสาว ครั้งต่อไปที่พวกเราไปบ้านนายท่านเจียง นำเต้าหู้แห้งไปด้วยได้หรือไม่”
“ย่อมได้แน่นอนเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้เห็นพี่ชายทั้งสี่มีท่าทางยินดี จึงกล่าวต่อไป “ั้แ่พรุ่งนี้ด้านนอกจะมีเต้าหู้แห้งขายแล้ว หากพวกท่านนำเต้าหู้แห้งไปที่จวนเจียงเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความจริงใจได้ เช่นนั้นข้าจะทำอาหารชนิดใหม่เพิ่มอีก”
“น้องสาว เ้าช่างมีความคิดละเอียดรอบคอบจริงๆ”
“น้องสาว เ้ากินเนื้อสักหน่อย”
“น้องสาว พี่ชายต้องขอบใจเ้าแล้ว”
“น้องสาว เ้าจะทำอาหารชนิดใหม่อันใดหรือ”
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่พากันมองไปทางหลี่หรูอี้
“นายท่านเจียงกำลังอยู่ใน่ไว้ทุกข์ จึงไม่สามารถกินอาหารจานเนื้อได้ อาหารชนิดใหม่ที่ข้าจะทำย่อมต้องเป็อาหารมังสวิรัติ” หลี่หรูอี้คิดในใจว่า คนสู่ตี้ในโลกก่อนของนางชอบกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์รมควัน หากเจียงชิงอวิ๋นกิน อาหารจานเนื้อได้ มอบเนื้อสัตว์รมควันให้เขาคงจะดีเป็อย่างยิ่งแล้ว แต่ตอนนี้เขากินอาหารมังสวิรัติ อีกทั้งยังมีพื้นเพมาจากตระกูลใหญ่ ย่อมมีอาหารหลายอย่างที่เคยกินมาแล้ว ไม่รู้ว่าอาหารมังสวิรัติเช่นไรจะทำให้เขาชอบได้
“ถูกแล้ว นายท่านเจียงกินแต่ผักไม่กินเนื้อ หากจะทำอาหารที่เขาชอบและเป็อาหารที่แปลกใหม่คงยาก”
“น้องสาว เ้าทำอาหารจานแป้งได้หลายชนิด หรือจะทำอาหารจานแป้งดี”
“ข้าจำได้ว่า ตอนที่นายท่านเจียงมากินข้าวบ้านเราครั้งที่แล้ว เขาชอบซาลาเปามังสวิรัติไส้ผักกับเต้าหู้มากเชียว”
“น้องสาว หากเ้า้าให้พวกเราช่วยก็บอกมาได้ตามตรงเลย”
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่พากันแสดงท่าทีของตนออกมา
หลี่หรูอี้กล่าวเสียงเบา “เขาเป็คนสู่ตี้ ได้ยินว่าคนสู่ตี้ชอบกินข้าว”
หลี่ฝูคังที่มีนิสัยใจเร็วปากไวพูดขึ้นว่า “ข้าวสวยมีอะไรอร่อยกัน ต้องกินรวมกับอาหารชนิดอื่นอีก” เมืองเยี่ยนอยู่ทางเหนือ มีผลผลิตทางการเกษตรเป็ข้าวสาลี คนละแวกนี้จึงชอบกินอาหารที่ทำจากแป้งกันทั้งนั้น ครอบครัวหลี่ก็เช่นเดียวกัน
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้