ดวงตาแห่งสุญญตาตรวจสอบใต้หล้า ตลอดหมื่นปีมิเคยผิดพลาด
เป็เพราะมีดวงตาแห่งสุญญตากับพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์คอยปกปักรักษา แม้แผ่นดินเซียนฉยงจะเกิดาไม่หยุดหย่อน แต่กลับมิเคยเกิดาขนาดใหญ่กับการสังหารหมู่เลย ดังนั้นทุกทวีป ทุกดินแดน ทุกเมืองถึงได้เจริญรุ่งเรืองและสงบสุข
หากมองจากอีกมุมหนึ่งแล้ว ดวงตาแห่งสุญญตาก็คือรากฐานที่มั่นคงของแผ่นดินเซียนฉยง
ทว่าเมื่อครู่จั๋วอวิ๋นเซียนสังหารผู้บำเพ็ญเซียนของท่าเรือหลงหยาอย่างโเี้ แต่ดวงตาแห่งสุญญตากลับมิยอมปรากฏ ต่อให้ปรากฏออกมาแล้วก็ถูกคนขับไล่ เรียกได้ว่าทำลายความเข้าใจของทุกคนอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็คนของห้าขั้วอำนาจหรือผู้บำเพ็ญเซียนของท่าเรือหลงหยา ทุกคนล้วนตะลึงจนอ้าปากค้าง ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความใ
พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น...ถึงกับมีคนสามารถสั่งการดวงตาแห่งสุญญตาได้! คงมิใช่บุคคลอันยิ่งใหญ่ของพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์กระมัง? อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับจั๋วอวิ๋นเซียนอีกด้วย?
ทันใดนั้นผู้ดูแลทั้งห้าคนก็ทิ้งความคิดไม่ดีไป ไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวอีก
ไม่ต้องพูดถึงพลังที่แปลกประหลาดของจั๋วอวิ๋นเซียน คนที่แม้แต่ดวงตาแห่งสุญญตายังทำอะไรมิได้ แล้วพวกเขาจะสามารถจัดการได้อย่างไร?
กล่าวตามตรงทั้งสองฝ่ายมิใช่คนในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง? มารดามันเถอะผู้ใดยังจะกล้าเล่นสนุกต่อ?
……
มิติมายาสุญญตาหรือ? ผู้าุโเฉียนโม่ เป็ท่านเองหรือ? ขอบคุณมาก
จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนั้นมาก ในใจเกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างห้ามมิได้ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่านอกจากบิดากับพี่สาวแล้ว ยังมีคนที่ห่วงใยเขา ปกป้องเขา ขอแค่หัวใจอบอุ่นเขาก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
แน่นอนว่ายังมี...เทียนเสีย
สำหรับตัวตนของเทียนเสีย จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกซับซ้อนไม่น้อย ด้านหนึ่งอีกฝ่ายกับเขาเป็ิญญาในร่างเดียวกัน นับว่าเป็คนที่ใกล้ชิดที่สุด อีกด้านหนึ่งอีกฝ่ายมีที่มาลึกลับ เกี่ยวข้องกับมารชั่วร้ายและอยากจะกลืนกินจั๋วอวิ๋นเซียนอยู่ตลอดเวลา เขาจึงต้องระวังตัวเอาไว้
จั๋วอวิ๋นเซียนมั่นใจว่าพลังเมื่อครู่นี้ต้องเป็พลังที่เทียนเสียมอบให้เขาแน่ มันคือพลังที่ชั่วร้ายอย่างหนึ่ง พลังที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ถ้ามิใช่เพราะจั๋วอวิ๋นเซียนมีจิตใจอันแน่วแน่ เกรงว่าตอนนี้เขาคงสับสนอยู่ในการสังหารหมู่อันบ้าคลั่งไปเสียแล้ว
แต่ในใจของจั๋วอวิ๋นเซียนยังคงซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของเทียนเสียมาก มิเช่นนั้นเขาจะแก้แค้นให้ลุงเยี่ยนได้อย่างไร!
พลังไม่เคยแบ่งแยกดีหรือชั่ว มิใช่ทำดีแล้วถูกต้อง และมิใช่ทำชั่วแล้วจะผิดเสมอไป
……
“เปรี้ยง!”
ขณะที่จั๋วอวิ๋นเซียนกำลังครุ่นคิด ในสมองกลับมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมา
ไข่มุกสายฟ้าสร้างจากิญญาอัสนี แข็งแกร่งและรุนแรง! ป้าเหลยหลิงเลี้ยงดูมันมานานหลายปีทว่ามิอาจหลอมมันได้อย่างสมบูรณ์ ปกติเพียงแค่ใช้มันเป็สมบัติวิเศษเท่านั้น
ความเป็จริงแล้ว ิญญาอัสนีเป็สิ่งที่พิเศษมากในโลกใบนี้ มันเป็ตัวแทนของพลังทำลายล้าง และเป็สัญลักษณ์ของความหวังและการเกิดใหม่ เรียกได้ว่าเป็ะ...ดังนั้นิญญาอัสนีเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของจั๋วอวิ๋นเซียน ไม่เพียงมิได้สลายหายไป แต่กลับรุนแรงป่าเถื่อน จนท้ายที่สุดก็ถูกดอกบัวขนาดใหญ่สะกดเอาไว้
……
“หยุดนะ...”
ผู้ดูแลหอหานหยิ่งะโขึ้นมา คิดจะหยุดจั๋วอวิ๋นเซียน ทว่าหลังจากจั๋วอวิ๋นเซียนหยุดวิ่ง เขากลับตะลึงเพราะไม่รู้ควรทำอย่างไร?
ใช้กำลังหรือ?
ช่างเถอะ! แม้แต่ซือคงอวี่กับป้าเหลยหลิงยังตายด้วยน้ำมือของจั๋วอวิ๋นเซียน ผู้ดูแลหอหานหยิ่งไม่คิดว่าตัวเองจะสู้กับอีกฝ่ายได้
พูดจาข่มขู่หรือ?
ยิ่งเป็เื่ไร้สาระ! ภาพที่ดวงตาสุญญตาถูกขับไล่ไปยังคงติดตาเขาอยู่ เพียงแค่คิดก็น่าหวาดหวั่นแล้ว!
จั๋วอวิ๋นเซียนเดินหน้าต่อ ถึงแม้ผู้ดูแลทั้งห้าคนจะไม่ยินยอม แต่กลับไม่กล้าลงมือขัดขวาง
……
“หลีกทาง!”
เสียงของจั๋วอวิ๋นเซียนแ่เบามาก ราวกับเป็คำสาป ทำให้ผู้ฝึกตนรอบด้านหลีกทางให้โดยไม่รู้ตัว แม้แต่คนของห้าขั้วอำนาจก็ไม่กล้าขัดขวาง ผู้ฝึกตนคนอื่นยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
บนถนนท่าเรือหลงหยายังคงอาบย้อมไปด้วยเื ศพกระจายเกลื่อนกลาด
ทว่าเมื่อจั๋วอวิ๋นเซียนเดินมาถึงครึ่งทาง กลับหยุดเดินแล้วมองด้านหน้า...ไม่ไกลออกไปเด็กชายอายุห้าถึงหกขวบคนหนึ่งกำลังค้นร่างศพผู้บำเพ็ญเซียน จากนั้นหยิบถุงเก็บของของอีกฝ่ายไป
“เ้าทำอะไร?”
จั๋วอวิ๋นเซียนเดินเข้าไปถาม เด็กน้อยคนนั้นก้มหน้ากอดตัวเองไม่ยอมตอบและแสดงความตื่นตระหนกออกมา แต่เขายังมีท่าทีดื้อรั้น
“จอมยุทธ์น้อย! อย่า...อย่าฆ่าเด็กคนนี้เลย เขามิได้ตั้งใจ!”
หญิงสาวใบหน้าแฝงความเจ็บป่วยคนหนึ่งวิ่งออกมาจากมุมถนนและรีบขอโทษแทนเด็กน้อยคนนั้น ในมืออุ้มทารกผอมแห้งคนหนึ่ง
“เสี่ยวจิ่ว ยังไม่รีบคืนของให้เขาอีก!”
สตรียื่นมือคิดจะเอาถุงเก็บของกลับคืน น่าเสียดายที่เด็กน้อยคนนั้นไม่ยอมปล่อยมือ
“จิ่วหลี นี่เ้า...ทำไมเ้าถึงไม่ยอมเชื่อฟัง!”
สตรีผู้นั้นโมโหจนร่างกายอ่อนเพลีย ต่างแย่งกันไปมาจนล้มลงกับพื้น หายใจหอบเหนื่อยด้วยท่าทางหมดแรง
“ขะ...ขออภัย เด็กน้อยมิรู้เื่...”
สตรีนางนี้มองจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยสายตาลังเลแล้วกล่าวอธิบายแทนเด็กคนนั้น “ไม่กี่วันก่อนบิดาของเสี่ยวจิ่วออกทะเลไปค้าขาย แต่เขายังมิได้กลับบ้าน ที่เด็กคนนี้เก็บของของคนผู้นี้ อันที่จริงแล้วคนผู้นี้เป็บิดาของเขา บนนั้นยังมีชื่อของบิดาเขาสลักเอาไว้...หากมิใช่เพราะข้า เสี่ยวจิ่วก็คงไม่มาขโมยของคนตายเช่นนี้ จอมยุทธ์น้อยโปรดปล่อยเขาไปเถอะ!”
ในสายตาของสตรีผู้นี้ จั๋วอวิ๋นเซียนเป็คนโเี้อำมหิต สังหารคนไม่กะพริบตา นางจึงรู้สึกไม่ปลอดภัย เกรงว่าจะไปทำให้อีกฝ่ายโมโห
“เ้ามีนามว่าอะไร?”
จั๋วอวิ๋นเซียนเก็บกระบี่สั้น เขามองสตรีตรงหน้าและลูกของนางด้วยสายตาสงบนิ่ง
หญิงสาวมึนงงเล็กน้อย จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าลังเล “ข้าชื่อ...ฉินตงหวู่”
“โอ้”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้า ในใจรู้สึกหนักอึ้ง
เนื่องจากเขาเติบโตในเมืองตงหลิงมาั้แ่เด็ก จั๋วอวิ๋นเซียนไม่เคยเห็นขอทานหรือผู้ประสบภัยมาก่อน เขาอาจจะเคยประสบกับความพ่ายแพ้มาไม่น้อย แต่เขากลับไม่รู้ว่าอะไรคือความทุกข์ยากของมนุษย์ที่แท้จริง
เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็ความทุกข์ เศร้า สุข แยกจาก พบเจอ ล้วนเป็ความทุกข์ ความปรารถนาแต่ไม่สมหวังล้วนเป็ความทุกข์
ท่าเรือหลงหยามิใช่ท่าเรือลี้ภัย สภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตของที่นี่ทั้งจริงจังและซับซ้อนกว่าที่อื่นมาก
ไม่เพียงสตรีผู้นี้และลูกของนาง ยังมีคนธรรมดาที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมถนนสวมเสื้อผ้าซอมซ่อเ่าั้
บางคนเป็เด็กที่สูญเสียบิดามารดา บางคนเป็บิดามารดาที่สูญเสียบุตร บางคนเป็คนแก่ชราใกล้ตาย บางคนเป็เด็กที่ซูบผอม บางคนไม่มีแม้แต่น้ำตาจะร้องไห้...
ความจริงแล้วโลกใบนี้มิได้สวยงามอย่างที่จั๋วอวิ๋นเซียนจินตนาการเอาไว้
……
ท้ายที่สุดจั๋วอวิ๋นเซียนก็ออกจากท่าเรือ เขาก้าวขึ้นเรือมุ่งหน้าไปทะเลล่วนซิง และข้างกายเขากลับมีเงาคนอีกสองคนเพิ่มขึ้นมา
เมื่อเห็นแผ่นหลังของชายหนุ่มจากไป ผู้ดูแลทั้งห้าคนกลับรู้สึกอับจนหนทาง
“ทุกท่านเื่นี้พวกเราควรจัดการอย่างไร?”
“จัดการบ้าบออันใด เื่นี้แม้แต่ดวงตาสุญญตายังมิอาจจัดการได้ พวกเราจะไปทำอะไรได้!”
“มิผิด ผู้าุโนิกายเซียนโม่เหมินตายลงที่นี่ ครั้งนี้เกรงว่าคงจบไม่สวยแล้ว มีเพียงรอใต้เท้ากลับมาค่อยว่ากัน”
“ช่างน่ากลัวยิ่งนัก! ไม่รู้ว่าเขาจะรอดชีวิตกลับมาจากทะเลล่วนซิงได้หรือไม่?”
“คนเช่นนี้หากกลับมาจากทะเลล่วนซิงได้ ต้องกลายเป็บุคคลที่ยิ่งใหญ่แน่”
“เหอะ! มีแค่ข้าคนเดียวหรือที่สังเกตเห็นอายุของเด็กคนนี้? ดูจากรูปร่างของเขาเกรงว่าคงอายุไม่ถึงสิบสี่กระมัง?”
“ใช่แล้ว! เด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงสิบสี่ปี กลับสังหารยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณได้ ถ้ามิได้เห็นด้วยตา พูดไปคงมิมีผู้ใดเชื่อ?”
“เมื่อเขากลับมาเกรงว่าจะมีหลายคนที่โชคร้าย!”
“เหอะ! ครั้งนี้ท่าเรือหลงหยาของเราเสียหายอย่างหนัก ต้องมีคนแบกรับความผิดเื่นี้!”
ผู้ที่เป็ถึงผู้ดูแลทั้งห้าได้ ต้องมิใช่คนโง่อยู่แล้ว พวกเขาอาจจะโลภมาก แต่พวกเขาเข้าใจดีว่าผู้ใดควรหรือมิควรหาเื่
……
อาทิตย์สาดแสง ดวงจันทร์ลับฟ้า รุ่งอรุณมาเยือน
จั๋วอวิ๋นเซียนยั่งอยู่บนหัวเรือเพียงลำพังด้วยจิตใจสงบนิ่ง
ธารดาราอันกว้างใหญ่ ส่องประกายระยิบระยับ
มหาสมุทรไร้ขอบเขต กว้างใหญ่ไพศาล
จั๋วอวิ๋นเซียนเคยได้ยินเื่เล่าของมหาสมุทรด้วยดารามาแล้วหลายครั้ง ทว่าเมื่อเขามาอยู่ที่นี่จริงๆ ถึงรู้ว่าเขาตัวเล็กจ้อยเพียงใด ราวกับเป็เรือเล็กในมหาสมุทร เล็กจนไม่มีค่าให้กล่าวถึง
เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็เช่นไร แต่จิตใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เซียนคือความเชื่อมั่นอย่างหนึ่ง มีชีวิตนิรันดร์ อิสรเสรี ก้าวข้ามเหนือสรรพสิ่ง
……
การเดินทางครั้งนี้ต้องผ่านคลื่นลมคลื่นฝน ล่องลอยผ่านหมู่เมฆกว้างใหญ่ แต่มีเพียงเรือใบลำเดียว
ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ตัวเราอยู่หนใด มหาสมุทรไร้สิ้นสุดมีเพียงเซียนแท้จริงที่ผ่านไปได้
