เจียงหงหย่วนมองแผ่นหลังภรรยาตัวน้อยแล้วยิ้ม รอยแผลเป็บนใบหน้าเขาจางลงมาก ดูโฉดน้อยลง กลับมาบ้านแล้วไม่มีความดุดันอีกต่อไป ยิ้มแล้วนุ่มนวลมาก
เขาเปิดกล่องไม้ในมือ คัมภีร์สภาพยับเยินเล่มหนึ่งปรากฏสู่สายตา
‘เคล็ดวิชาั’
เจียงหงหย่วนหยิบออกมา พบว่าด้านใต้ยังมีคัมภีร์ชื่อว่า ‘ดาบเงาั’ อีกเล่ม
ชายฉกรรจ์มองคัมภีร์ทั้งสองเล่มในมือ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
มือสั่นเทา
หอัทะยาน สำนักอันดับหนึ่งในยุทธจักร สร้างชื่อด้วยดาบเงาั มีตำนานว่า บรรพบุรุษผู้บุกเบิกสำนักบังเอิญไปเจอคัมภีร์ที่ไม่สมบูรณ์ของวิชาดาบเงาั ตัวเขาที่เป็อัจฉริยะด้านยุทธ์อาศัยคัมภีร์นี้มาพัฒนาเป็กระบวนท่าดาบเงาัและอวดศักดาในยุทธจักร
‘ดาบเงาั’ เป็วิชาก้นหีบที่ถ่ายทอดให้เพียงลูกหลานเท่านั้น ไม่ถ่ายทอดให้ศิษย์
กระบวนท่าที่ศิษย์สำนักหอัทะยานฝึกเป็วิชาที่ขยายมาจาก ‘ดาบเงาั’ เช่นกัน แม้จะเทียบตัวต้นฉบับไม่ได้สักนิดแต่ก็เพียงพอให้อยู่เหนือสำนักอื่นในยุทธจักรแล้ว
ภรรยาตัวน้อยเอาคัมภีร์นี้มาจากที่ใด?
ไม่มีสักเสี้ยววินาทีที่ชายฉกรรจ์จะสงสัยว่าเป็ของจริงหรือของปลอม
เขาวางดาบเงาัลง เลือกเปิด ‘เคล็ดวิชาั’ ก่อน เนื้อหาในหน้าแรกเป็แบบเดียวกับที่หลินหวั่นชิวเจอใน ‘คัมภีร์หงส์ระบำเก้าชั้นฟ้า’ ในการฝึกวิชานี้ ต้องชำระร่างกายให้สะอาดและจุดธูป
เขาพลิกอ่านต่อ พบว่า ‘เคล็ดวิชาั’ อธิบายถึงวิชากำลังภายใน คำอธิบายคลุมเครือมาก เจียงหงหย่วนยิ่งอ่านก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“หย่วนเกอ ข้าต้มน้ำให้ท่านแล้ว ไปอาบน้ำก่อนเถิด” ภรรยาตัวน้อยกินอิ่มแล้ววิ่งเข้ามา นางส่งเสียงเรอ ดวงตาดอกท้อจ้องคัมภีร์ในมือเขาเป็ประกาย เปี่ยมด้วยความคาดหวัง
“อืม”
เจียงหงหย่วนวางคัมภีร์ ลุกไปตักน้ำที่ห้องครัว
หลินหวั่นชิวเก็บคัมภีร์ลงในกล่อง จากนั้นนำไปวางบนแท่นแผ่นป้ายบรรพบุรุษด้วยความเคารพ
คัมภีร์นี้…มหัศจรรย์มากจริงๆ!
จะมัวชักช้าไม่ได้
นางจัดหาเสื้อผ้าให้ชายฉกรรจ์ จากนั้นจุดกำยานให้ส่งกลิ่นหอม นางใช้ซวินอีเฉ่า[1]กับน้ำมันมะนาวสกัด กลิ่นที่โชยออกมาเบาบาง ไม่ฉุน
ขณะที่นางกำลังยุ่ง ชายฉกรรจ์ก็ยกน้ำสำหรับอาบเข้ามาแล้ว หลินหวั่นชิวซื้อฉากกั้นมาวางในห้อง แยกพื้นที่สำหรับวางอ่างอาบน้ำ
น่าเสียดาย…
ชายฉกรรจ์ยังคงชอบเดินตัวเปลือยต่อหน้านางก่อนที่จะเข้าไปหลังฉากกั้น
ประหนึ่งนกยูงอย่างไรอย่างนั้น ต้องโอ้อวดคุณสมบัติให้นกยูงตัวเมียที่ตนเองชอบเห็น
แต่แน่นอนว่าคุณสมบัติของเขาก็เปี่ยมล้นจริงๆ นั่นแหละ
เสียงน้ำดังขึ้นหลังฉากกั้น ร่างกายกำยำล่ำสันของชายฉกรรจ์ปรากฏในสมอง… นางจินตนาการถึงท่าทางและการเคลื่อนไหวระหว่างอาบน้ำของเขาได้…ใบหน้าหลินหวั่นชิวแดงราวกับผิงกั่ว[2]
นางพาดเสื้อผ้าสะอาดไว้บนฉากกั้น จากนั้นเดินไปยังห้องโถง จุดตะเกียงให้สว่างไสวแล้วปูเบาะหน้าแท่น
“หย่วนเกอ ทำเหมือนคำนับอาจารย์” หลินหวั่นชิวทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วพูดกับเจียงหงหย่วนที่เดินเข้ามา
“อืม”
เขารับธูปจากมือหลินหวั่นชิว กราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้งด้วยความตั้งใจ
“หย่วนเกอ ท่านกลับไปที่ห้อง ตั้งใจอ่านคัมภีร์เคล็ดวิชาั” หลินหวั่นชิวนำกล่องไม้ลงจากแท่นบูชามามอบให้เจียงหงหย่วน ดันเจียงหงหย่วนไปทางห้องของเขาเอง เขย่งเท้าขึ้นจูบปลายคางของเขาเบาๆ “หย่วนเกอ…ตั้งใจอ่านนะ!”
พูดจบก็หันตัวเข้าห้องด้านข้าง ปิดประตู
เจียงหงหย่วนส่ายหน้าด้วยความจนใจ
ความรู้สึกที่ถูกภรรยาตัวน้อยไล่ออกจากห้องช่างไม่ดีเอาเสียเลย
กระนั้นเขาก็ปิดประตูอย่างเชื่อฟัง จุดตะเกียง ขึ้นเตียง อ่านคัมภีร์
ทว่าเมื่อเปิด ‘คัมภีร์เคล็ดวิชาั’ อีกครั้ง สิ่งที่ต่างจากรอบแรกคืออักษรในคัมภีร์พากันลอยเข้าสู่สมองเขาราวกับมีชีวิต จากนั้น ในสมองเขามีภาพปรากฏขึ้น ภาพวิธีหายใจ เส้นลมปราณ การไหลเวียน…
เจียงหงหย่วนปรับความคิดทันที ตั้งสมาธิจดจ่อ
ภายในห้องข้างๆ หลินหวั่นชิวหลับไปแล้ว แต่ที่นางไม่รู้คือ หลังจากนางหลับ ร่างกายนางกลับหายใจตามวิธีการหายใจของ ‘คัมภีร์หงส์ระบำเก้าชั้นฟ้า’ อย่างเป็ไปเอง และพลังขนาดเท่าเข็มเย็บผ้าภายในร่างก็ไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างมีกฎเกณฑ์เช่นกัน
ระหว่างไหลเวียน พลังนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่อาจเห็นด้วยตาเปล่า…
เจียงหงหย่วนมีกำลังภายในอยู่ก่อนแล้ว เขาฝึกศิลปะการต่อสู้มาั้แ่เด็ก เคยฝึกวรยุทธ์เช่นกัน ทั้งหมดนี้ลุงห้าเจียงจู๋เป็คนสอน ไม่มีคัมภีร์วิชาใดๆ มีเพียงการถ่ายทอดทางปากและแสดงเป็ตัวอย่าง
หลังจากฝึกวิชากำลังภายใน ‘เคล็ดวิชาั’ ไปหนึ่งรอบ เขาถึงเพิ่งตระหนักว่า ‘เคล็ดวิชาั’ เลิศล้ำเพียงใด ทำเอาวิชากำลังภายในที่เขาเคยฝึกก่อนหน้านี้กลายเป็ขยะ
และก็ด้วยเหตุนี้ เขายิ่งสนใจใน ‘ดาบเงาั’
เมื่อชาติก่อน เขาโชคดีมีโอกาสได้เห็นภาพการประลองของประมุขหอัทะยาน ปี้อวิ๋นหลง ตอนนั้นเขาชื่นชอบวิชาดาบของปี้อวิ๋นหลงมาก รู้สึกว่าใต้หล้านี้มีวิชาดาบที่เลิศล้ำเพียงนั้นได้เยี่ยงไร
วันนี้ เพราะภรรยาตัวน้อย…เขาได้คัมภีร์วิชานี้มา มีโอกาสฝึกวิชานี้…
เจียงหงหย่วนตื่นเต้นจนไม่รู้จะตื่นเต้นอย่างไร
“หย่วนเกอ ข้าทำขนมเปี๊ยะ” เห็นเจียงหงหย่วนออกจากห้อง หลินหวั่นชิวเรียกเขามาทานมื้อเช้า
ท้องฟ้ายังไม่สาง ภายในห้องครัวจุดตะเกียงส่องสว่างไว้ อีกทั้งอากาศก็ยังหนาวอยู่หลินหวั่นชิวไม่อยากให้ยุ่งยาก ทั้งคู่จึงทานมื้อเช้าในครัว
การฝึกเมื่อคืนทำให้นางหิวมาก หลินหวั่นชิวตื่นมาแล้วจึงเตรียมอาหารมากกว่าเมื่อก่อนหนึ่งเท่าตัว
หย่วนเกอฝึกมาทั้งคืนเช่นกัน ต้องหิวเป็แน่
เป็ตามที่นางคาด เจียงหงหย่วนกินเยอะกว่าปกติ นางเองก็เช่นกัน กินเยอะกว่าปกติสองเท่า
“กินได้ก็กินเยอะหน่อย” ชายฉกรรจ์เห็นภรรยาตัวน้อยมีท่าทีเขินอายก็ยัดขนมเปี๊ยะใส่ปาก “บำรุงร่างกายให้แข็งแรงจะได้รับแรงไหว”
“เหอะๆ…เปลี่ยนคำพูดดีหรือไม่?” หลินหวั่นชิวกลอกตาใส่เจียงหงหย่วน
นางฟังคำนี้จนหูด้านแล้ว
เจียงหงหย่วนมองนางนิ่งๆ “กินเยอะหน่อย บำรุงร่างกายให้แข็งแรงจะได้ถูกปล้ำไหว”
กล้าเสียจริง
พูดทะลึ่งได้แบบหน้าตาย
เดรัจฉาน!
“ข้าไม่กินแล้ว!” ขืนยังกินต่อจะไม่เท่ากับเล่นตามบทเขาหรือไร?
“เช่นนั้นข้ากินเอง จะได้มีแรง…”
“เจียงหงหย่วน ท่านทำตัวให้สมเป็คนหน่อยได้หรือไม่?” หลินหวั่นชิวกล้าให้เขาพูดจบประโยคที่ไหน รีบยัดขนมเปี๊ยะใส่ปาก
มองภรรยาตัวน้อยที่ลุกออกจากห้องครัวด้วยความโมโห เจียงหงหย่วนกัดขนมเปี๊ยะคำโต ดวงตามีรอยยิ้ม…
เขาชอบเวลาภรรยาตัวน้อยโมโหเพราะเขินที่สุดแล้ว
ทานมื้อเช้าเสร็จ เจียงไฉเตรียมรถม้าไว้แล้ว ขนของที่หลินหวั่นชิวเตรียมไว้ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ของมีค่อนข้างมาก นางนั่งคนเดียวยังได้อยู่ แต่หากยัดเจียงหงหย่วนตัวสูงใหญ่เข้ามาด้วย…
ชายฉกรรจ์ไม่มีความตระหนักในตนเองแม้แต่น้อย เขาไม่ยอมนั่งด้านนอก พยายามเบียดตัวเข้ามาด้านใน ยกหลินหวั่นชิวขึ้นและกอดนางไว้
ฝ่ามือข้างหนึ่งโอบเอว อีกข้างวางบนหน้าอก
เชิงอรรถ
[1] ซวินอีเฉ่า(薰衣草) หมายถึง ลาเวนเดอร์
[2] ผิงกั่ว(苹果) หมายถึง แอปเปิล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้