“ท่านพี่ฮวาพลังฝีมือยอดเยี่ยมองอาจสง่าผ่าเผย วันนี้ข้าแพ้แล้วพรุ่งนี้เวลาเดิมค่อยมาต่อกันใหม่” เย่ชิงหานมุมปากปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์ขึ้น การฝึกซ้อมในวันนี้เขาพอใจเป็อย่างมาก มองเห็นเยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เย่สือซานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาพยักหน้าให้แล้วพูดทักทายขึ้น “แม่นางชิงเฉิงและพี่สาวล้วนอยู่กันพร้อมหน้าเลย”
“เย่ชิงหานเ้าขยันฝึกฝนขนาดนี้ ชิงเฉิงอับอายจนเหงื่อตกแล้ว!” ดวงตาที่น่าหลงใหลของเยว่ชิงเฉิงขยับสั่นไหวไปมา มองดูใบหน้าที่เคยอ่อนเยาว์ของเย่ชิงหานเริ่มค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อยและแทนที่ด้วยความหมองคล้ำและความซูบผอม ภายในใจพลันรู้สึกเ็ปขึ้นมานิดๆ นางรู้ดีถึงเื่ราวเบื้องลึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ทำไมถึงต้องขยันฝึกยุทธ์มากมายถึงเพียงนี้ ทั้งหมดก็เพื่อสะสมคะแนนให้ได้เพียงพอต่อการช่วยเหลือน้องสาว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นางประทับใจเป็อย่างมากและรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เย่ชิงอู่ขยับจมูกที่น่ารักของนางแล้วพูดออกมาอย่างค่อนข้างไม่พอใจ “เย่ชิงหานเ้าบอกข้ามาตามความจริง ทำไมเ้าถึงได้ใช้ท่าเท้าวัววิ่งตะบึงของปู่ข้าได้? ใช่เขาแอบสอนให้เ้าใช่ไหม?”
“วัววิ่งตะบึง?” ดวงตาคู่สวยของฮวาเฉ่าขยับไปมาพลันเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที จากนั้นร้องเสียงดังออกมา “ว้าว! เย่ชิงหาน ท่าเท้าที่เ้าย่ำไปมาเมื่อสักครู่ก็คือท่าเท้าวัววิ่งตะบึงหรอกหรือ? มิน่าเล่าถึงได้แปลกประหลาดถึงเพียงนี้!”
“เดี๋ยวกลับไปจะอธิบายให้เ้าฟัง” เย่ชิงหานถลึงตามองเย่ชิงอู่ด้วยความอับจนปัญญา ภายในสายตามีแววตำหนิต่อสิ่งที่นางพูดออกมาอย่างไม่รู้จักดูสถานที่ เื่ราวเช่นนี้สามารถพูดออกมาในที่เช่นนี้ได้รึ? หลังจากที่เย่ชิงอู่ฟังเข้าใจความหมายในคำพูดจึงได้เงียบปากไป จากนั้นเย่ชิงหานหันหน้าไปทางฮวาเฉ่าพูดหว่านล้อมฮวาเฉ่าให้ช่วยเป็คู่ซ้อมให้ต่อ หากเลิกล้มตอนนี้คงน่าเสียดายแย่ ดังนั้นเขาจึงใช้วีธีการกระตุ้นฮวาเฉ่าขึ้น “ทำไม เ้ากลัวรึ? ถ้ากลัวก็ยอมแพ้ไป เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาจริงๆ ต่อไปสีหน้าคงไม่น่าดูเท่าไรนะข้าว่า”
“ฮึ! ข้ารึกลัว? วันนี้ไม่รู้ว่าใครที่ถูกข้าแทงไปสามกระบี่อย่างง่ายดาย เดิมพันต่อสู้ของเ้าในครั้งนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอย่างไรก็แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เ้าเตรียมตัวจัดให้ข้า...” ฮวาเฉ่าแม้จะรู้สึกเกรงต่อวิชาท่าร่างที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ชนิดนี้ของตระกูลเย่อยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวงามทั้งสองคนเช่นนี้จะแสดงความเกรงกลัวออกมาได้อย่างไร จึงยืดอกพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ พูดไปจนถึงประโยคท้ายๆ รู้สึกว่าเริ่มจะฟังดูไม่ค่อยดีจึงรีบหยุดคำลงทันที
“เดิมพันต่อสู้? หากแพ้ต้องจัดให้เ้าทำอะไร? เ้ากะเทย เ้าจะพูดอะไรก็พูดให้มันหมดอย่าพูดแค่ครึ่งๆ กลางๆ พูดต่อให้จบเร็ว!” เย่ชิงอู่จับสังเกตความหมายที่แอบแฝงในคำพูดของฮวาเฉ่าได้ ดวงตาปรากฏแววสนใจอยากรู้อย่างท่วมท้นออกมา เห็นฮวาเฉ่าหยุดคำพูดอยู่เพียงเท่านั้นจึงเอ่ยถามขึ้น
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไร... แม่นางอู่ข้าขอตัวไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยบอกเ้าทีหลัง อากาศวันนี้ร้อนอบอ้าวเป็อย่างมากข้าเหงื่อไหลไปทั้งตัวแล้วตอนนี้...” ฮวาเฉ่าหัวเราะฮ่าๆ ออกมาแล้วรีบเผ่นแน่บออกไปทันที
“ฮึ! พูดจาครึ่งๆ กลางๆ ไม่ชัดเจน ของวางเดิมพันต่อสู้ต้องไม่ใช่เื่ที่ดีอะไรอย่างแน่นอน” เย่ชิงอู่พูดกระแทกเสียงออกมาอย่างไม่พอใจต่อท่าทีของฮวาเฉ่า จากนั้นชี้นิ้วหันมาทางเย่ชิงหานพร้อมกับถามขึ้นด้วยลักษณะบีบบังคับ “เ้าหานน้อย พูดความจริงออกมาเดี๋ยวนี้”
“เอ่ออ...ข้าก็ต้องขอตัวไปอาบน้ำเหมือนกัน อีกสักพักค่อยคุยกัน อากาศร้อนมากๆ เลย!” เย่ชิงหานเห็นเย่ชิงอู่เบนสายตามาทางตนเอง ส่วนเยว่ชิงเฉิงที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าอมยิ้มมองมาที่เขาด้วยเช่นเดียวกัน คิ้วของเขาพลันขมวดขึ้นแล้วพูดแก้เขินออกไปพร้อมกับเตรียมตัวหลบไปอีกคน แต่กลับเห็นเย่ชิงอู่เตรียมที่จะไล่ติดตามมาอย่างไม่พอใจ เขาจึงรีบร้องขึ้น “ทำไม? พวกเ้าทั้งสองอยากจะไปอาบน้ำพร้อมกับข้าอย่างนั้นรึ?”
เย่ชิงอู่กำลังเตรียมตัวที่จะไล่ติดตามออกไปพลันหยุดชะงักลงในทันที หากไล่ติดตามออกไปจริงๆ คนอื่นจะต้องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน นางเดือดดาลอย่างมากกระทืบเท้าแล้วชี้ตามหลังเย่ชิงหานแล้วร้องด่าขึ้น “เย่ชิงหาน เ้าคอยดูเถอะ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะเอาคืนให้ได้...”
“หืม?” เยว่ชิงเฉิงไม่คิดว่าเย่ชิงหานจะเหมารวมนางเข้าไปด้วย คิดถึงความหมายของคำพูดที่เย่ชิงหานพูดออกมา ใบหน้าที่สวยหยาดเยิ้มของนางราวกับถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงที่สวยสดงดงาม ยิ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น
.................................
วันต่อๆ มา นอกจากการเฝ้าระวังภัยที่ต้องทำเป็ประจำแล้ว ตอนนี้ได้มีกิจกรรมอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งก็คือการชมฮวาเฉ่าไล่ล่าเย่ชิงหานไปทั่วหุบเขาลำเนาไพร... ต่อสู้เดิมพันวันแรกเย่ชิงหานหลบหลีกการแทงจากกระบี่ไม้ภายใต้การไล่ของฮวาเฉ่าได้สิบห้านาทีก่อนที่จะถูกแทงครบสามกระบี่ วันต่อๆ มาเย่ชิงหานเริ่มชำนาญในการใช้ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์มากขึ้น ทำให้เวลาที่ฮวาเฉ่าไล่แทงเขาก่อนจะครบสามกระบี่ค่อยๆ ยืดยาวออกไป
วันนี้เป็วันที่สิบสามของการเดิมพันต่อสู้ สมาชิกของกองกำลังที่ไม่ได้มีเวรในการเฝ้าระวังภัยล้วนมารวมตัวกันอยู่ข้างๆ เย่สือชีอย่างเงียบๆ เพื่อเฝ้ารอชมการเดิมพันต่อสู้ของทั้งสองที่จะเริ่มขึ้น
“ใกล้จะเริ่มแล้ว ยังมีใครจะแทงอีกไหม เย่ชิงหานชนะแทงหนึ่งจ่ายสิบ ฮวาเฉ่าชนะแทงหนึ่งจ่ายหนึ่ง ใครยังไม่แทงก็รีบแทงเวลาเหลืออีกเพียงแค่นาทีเดียว” เฟิงจื่อร้องดังขึ้น ทำเอาฮวาเฉ่า เย่ชิงหาน และพวกเย่สือชีหมดคำจะพูด
นับั้แ่การเดิมพันต่อสู้วันที่สามเป็ต้นมาที่เฟิงจื่อทราบเื่ เขาเริ่มใช้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ตั้งโต๊ะวางเดิมพันขึ้นมา ตัวเขาเองเป็เ้ามือใหญ่ให้สมาชิกทุกคนที่ไม่ได้มีเวรเฝ้าระวังภัยได้มาร่วมวางเดิมพันกัน
“นายน้อยเฟิง อัตราเดิมพันของวันนี้ทำไมถึงต่ำลงอีกแล้วเล่า? เมื่อวานอัตราชนะของนายน้อยหานไม่ใช่แทงหนึ่งจ่ายยี่สิบหรอกรึ?” นักฆ่าของตระกูลฮวาคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างกลัดกลุ้ม หลายวันก่อนเฟิงจื่อเ้าคนหลอกลวงคนนี้เปิดให้แทงเดิมพัน ทุกครั้งจะพูดพรรณนาว่าท่าร่างของเย่ชิงหานเลิศล้ำที่สุดในเขตปกครองเทพา และมีเพียงหนึ่งเดียวอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกคนเมื่อได้ยินว่าท่าร่างที่เย่ชิงหานใช้คือท่าเท้าอันเลื่องลือของเย่ชิงหนิว...วัววิ่งตะบึง ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครแทงว่าเขาจะแพ้กันสักคน
แต่ปรากฏว่าเย่ชิงหานแพ้ทั้งสิบสามรอบติด แพ้จนพวกเขาจะต้องขายกางเกงทิ้งเสียแล้ว ตอนนี้หากพวกเขาเปลี่ยนมาแทงฮวาเฉ่าชนะอย่างไรก็ถอนทุนคืนกลับมาไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่เพียงต้องแทงว่าเย่ชิงหานชนะต่อไป แต่เฟิงจื่อวันนี้กลับมาลดอัตราการจ่ายเดิมพันหากเย่ชิงหานชนะลง เช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนได้อย่างไร
“เ้าจะเข้าใจอะไร อัตราการจ่ายเดิมพันที่กำหนดขึ้นล้วนพิจารณาจากประวัติการต่อสู้ในแต่ละวัน สภาพอากาศ จิตใจ และการพักผ่อนของนักสู้ นำสิ่งต่างๆ เหล่านี้สรุปรวบยอดเข้าด้วยกันออกมาเป็อัตราจ่ายเดิมพัน จะแทงไม่แทง ถ้าไม่แทงก็รอพรุ่งนี้แล้วกัน!” เฟิงจื่อหน้าตาเคร่งเครียดพูดกล่าวสั่งสอนออกมาทันที เมื่อวานเย่ชิงหานเกือบจะชนะได้สำเร็จแล้ว ถ้าหากวันนี้ไม่ลดอัตราการจ่ายเดิมพันของเขาลงละก็ครั้งนี้จะกลายเป็เขาที่ต้องจ่ายจนต้องขายกางเกงทิ้งแทน
สำหรับฝีมือของเย่ชิงหานที่พัฒนาขึ้นทำให้เขาตื่นตระหนกเป็อย่างมาก เมื่อเขารู้ข้อตกลงเดิมพันของทั้งสองคนเขาคิดว่าเย่ชิงหานจะต้องแพ้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่กลายเป็ว่าหลังจากที่เย่ชิงหานเริ่มเชี่ยวชาญท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ขึ้นเรื่อยๆ ไม่คิดว่าเมื่อวานเขาเกือบจะเอาชนะฮวาเฉ่าได้ เขารู้ดีถึงอานุภาพของวิชาท่าร่างระดับศักดิ์สิทธิ์ “ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์” ของตระกูลเย่ว่าหากฝึกฝนจนสามารถบรรลุถึงทักษะขั้นสูงได้จะเป็อย่างไร เพียงแต่วิชาท่าเท้านี้ไม่ใช่ว่าต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อยยี่สิบปีถึงจะสามารถบรรลุถึงทักษะขั้นสูงของระดับชั้นที่หนึ่งมิใช่รึ? เย่ชิงหานที่เพิ่งจะเริ่มฝึกเพียงไม่กี่เดือนแต่ทำไมดูเหมือนว่าจะบรรลุถึงทักษะขั้นสูงของระดับชั้นที่หนึ่งได้สำเร็จแล้วเล่า?
“พวกข้าแทงว่าเย่ชิงหานชนะ หนึ่งร้อยผลึกพลังม่วง” ในขณะที่เฟิงจื่อกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ข้างๆ พลันมีเสียงพูดที่อ่อนโยนดังขึ้น จากนั้นเขาก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหอมดอกท้อลอยมาจึงเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองเห็นผู้ที่มาสีหน้าของเขาพลันยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น
“แม่นางชิงเฉิง แม่นางชิงอู่ ข้าก็แค่เล่นสนุกๆ เพียงเท่านั้น พวกเ้าไม่จำเป็ต้องเข้ามาร่วมวงด้วยก็ได้” เมื่อเห็นเยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่ตั้งทีมกันมาเช่นนี้ มิหนำซ้ำวางเดิมพันครั้งแรกก็หนึ่งร้อยผลึกพลังม่วงเลย ภายในใจของเขารู้สึกกังวลขึ้นมา หนึ่งร้อยก้อนผลึกพลังม่วงเท่ากับหนึ่งหมื่นก้อนผลึกพลัง ถ้าหากเย่ชิงหานชนะเขาต้องจ่ายถึงหนึ่งแสนก้อนผลึกพลัง!
“ทำไม? ที่เ้าเป็เ้ามือก็ไม่ใช่ว่า้าให้คนแทงเดิมพันหรอกรึ? หรือว่าแค่จะหลอกกินเดิมพันคนอื่นเปล่าๆ?” เย่ชิงอู่พูดกระแทกเสียงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ถลึงตามองเฟิงจื่อราวกับว่าจะบันดาลโทสะออกมา
เย่ชิงอู่พูดจบ เหล่าสมาชิกของกองกำลังที่อยู่ข้างๆ ต่างมองเฟิงจื่อด้วยสายตาดูถูกราวกับว่าหากเขาไม่รับการแทงเดิมพันนี้ทุกคนจะพร้อมใจกันมองเขาอย่างดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ตลอดไปฉันนั้น
“ตกลง ในเมื่อพวกเ้า้าจะเอาเงินใส่พานมาให้ข้า ข้าก็จะขอรับมันไว้แม้ว่ามันจะเหนือบ่ากว่าแรงข้าไปหน่อยก็ตาม แต่บอกไว้ก่อนว่าหากแพ้ห้ามร้องไห้ขอเงินคืนล่ะ!” เฟิงจื่อหัวเราะแห้งๆ ออกมาสองครั้ง จากนั้นจึงรับแทงเดิมพันด้วยความอับจนปัญญา ภายในใจตอนนี้เริ่มภาวนาขึ้น ฮวาเฉ่าเ้าต้องพยายามเอาให้ชนะให้ได้นะ หากครั้งนี้เ้าแพ้ละก็ข้าต้องจ่ายถึงหนึ่งพันก้อนผลึกพลังม่วง หรือหนึ่งแสนก้อนผลึกพลังเลยนะ หากเป็เช่นนั้นจริงกลัวว่าแม้จะขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวก็ยังไม่พอที่จะจ่าย...
โต๊ะแทงเดิมพันทางนี้แทงกันอย่างดุเดือด การต่อสู้อีกทางหนึ่งก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดเช่นเดียวกัน เย่ชิงหานในตอนนี้ชำนาญการใช้ท่าเท้าทั้งสิบแปดท่ามากยิ่งขึ้น เขาไม่ได้ทำการวิ่งหลบหลีกไปทั่วทุกทิศเหมือนดั่งแต่ก่อน เพียงแค่เคลื่อนไหวขยับร่างหมุนวนไปมาเป็วงกลมอยู่บนลานหญ้าโล่งที่เดิม ทุกครั้งที่กระบี่ไม้ในมือของฮวาเฉ่าจะแทงถูกร่างของเขา เขาราวกับว่ารู้ได้ก่อนล่วงหน้าว่ากระบี่จะแทงมาในลักษณะและทิศทางใด จากนั้นเท้าจะเคลื่อนไหวย่ำไปมาอย่างแปลกประหลาดขึ้นและหลบหลีกกระบี่ไม้ได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้งไป
ตอนนี้เวลาผ่านไปได้สี่สิบนาทีแล้ว แต่ฮวาเฉ่าเพิ่งจะแทงโดนเย่ชิงหานเพียงกระบี่เดียว ซึ่งกระบี่นั้นเขาใช้เวลาวางแผนอย่างเนิ่นนาน โดยโจมตีบังคับให้เย่ชิงหานหลบหลีกไปยังสภาพพื้นที่ที่ขรุขระและเต็มไปด้วยหมู่หินระเกะระกะ แล้วใช้วิชาเงาแยกร่างถึงได้แทงถูกไปกระบี่หนึ่ง เขารู้สึกว่าเย่ชิงหานในตอนนี้ไม่ต่างจากปลาไหลตัวหนึ่ง ทุกครั้งที่คิดว่าจะต้องโจมตีโดนแน่ๆ กลับถูกเขาหลบหลีกได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดหงุดหงิดจนอยากจะกระอักเืออกมาเสียตรงนั้น
“ตอนนี้ก็ผ่านไปห้าสิบนาทีแล้วนะนายน้อยเฟิง เตรียมเงินไว้เถอะ...หนึ่งแสนก้อนผลึกพลัง ลองคิดดูว่าจะต้องขายเสื้อผ้าทิ้งสักกี่ชุดดีถึงจะรวบรวมได้ครบ!” เย่สือชีที่อยู่ข้างๆ ส่งสัญญาณบอกว่าเวลาได้ผ่านไปห้าสิบนาทีแล้ว เย่ชิงอู่ตอนนี้หัวเราะเหอะๆ ขึ้นแล้วหันไปมองเฟิงจื่อที่สีหน้าขมขื่นพร้อมกับพูดหยอกล้อออกมา
เหล่าสมาชิกของกองกำลังที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันขึ้นมาเช่นเดียวกัน แม้อัตราการจ่ายเดิมพันจะถูกลดต่ำลงมาแล้วแต่ถ้าหากครั้งนี้แทงถูกก็ยังถือว่าได้ทุนกลับคืนมาบ้าง ดังนั้นจึงต่างพากันร้องเชียร์ให้กำลังใจเย่ชิงหานขึ้นมาอย่างคึกคัก
“ยังมีเวลาอีกตั้งสิบนาทีมิใช่รึ? จะรีบร้อนไปไย? ยอดฝีมือออกกระบวนท่า วินาทีเดียวก็สามารถแทงออกไปสิบกว่าครั้งก็ยังได้ ใครจะแพ้ใครจะชนะยังไม่รู้เลย?” เฟิงจื่อหน้าดำคร่ำเครียด กำหมัดกัดกรามและกลืนน้ำลายอยู่ไม่หยุด ไม่รู้ว่าภายในใจลอบด่าฮวาเฉ่าออกไปกี่สิบครั้งแล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปจิตใจของเขายิ่งห่อเหี่ยวและเศร้าสลดลงทุกทีราวกับบุคคลที่ใกล้ล้มละลายอย่างไรอย่างนั้น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้