ซูซานหลางรู้มานานแล้วว่าฮูหยินผู้เฒ่าิ่มีความคิดเช่นนี้ เดิมทีนางหมายตาอิ้งเยว่ของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าพอได้เห็นเฉียวเยว่ กลับชอบเฉียวเยว่มากกว่า
แต่ไม่ว่าอย่างไร ซูซานหลางก็ไม่ยอมให้บุตรสาวสุดที่รักของตนเองแต่งเข้าสกุลิ่เป็อันขาด
ใช่ว่าสกุลิ่ไม่ดี แต่เขาไม่ปรารถนาให้บุตรสาวของตนต้องมีชีวิตยากลำบาก หากแต่งออกไปแล้วต้องมีชีวิตเหมือนกับฮูหยินผู้เฒ่าิ่ ไม่ว่าอย่างไรเขาซูซานหลางก็ไม่อาจตอบตกลงได้
เขาไม่วอนขอชีวิตที่หรูหรามั่งคั่งให้กับบุตรสาว
ปรารถนาแต่เพียงให้พวกนางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ซูซานหลางเห็นซาลาเปาน้อยของตนวางกำไลไว้ด้านข้าง กำลังมุ่งมั่นอยู่กับการดูดนิ้วเท้า ก็เดินเข้าไปดู ดวงหน้าของเสี่ยวเฉียวเยว่ตอนนี้มีรอยแดง บวมอยู่บ้างเล็กน้อย
เด็กน้อยนั่นลงมือไม่รู้จักหนักเบา หากไม่เจ็บจริงๆ เฉียวเยว่ก็คงไม่ร้องไห้หนักขนาดนั้น
เห็นรอยจ้ำแดงของนางแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ อยากจะจับเ้าเด็กเหม็นคนนั้นมาฟาดก้นจนแทบไม่ไหว
ไท่ไท่สามเข้ามาในห้อง เห็นซูซานหลังสีหน้าบึ้งตึง พอมองดวงหน้าของเสี่ยวเฉียวเยว่ ก็เอ่ยด้วยความปวดใจ "วันหลังพวกเราอย่าพาพวกเขาออกไปข้างนอกบ่อยนักดีกว่า"
ซูซานหลางตอบอื้ม แล้วกำชับว่า "หาผ้าขนสัตว์มาประคบให้นางก็พอ ไม่ต้องทาน้ำมันยาอันใด ลูกยังเล็ก อย่าให้ระคายเคืองดีกว่า"
ไท่ไท่สามตอบอื้ม แต่ในใจก็ยังรู้สึกเป็ห่วงมาก นางลูบดวงหน้าเล็กจ้อยของเสี่ยวเฉียวเยว่ แล้วเอ่ยเสียงเบา "เด็กดี ล้วนเป็ความผิดของแม่ ไม่ดูแลเ้าให้ดี เจ็บมากใช่หรือไม่?"
เสี่ยวเฉียวเยว่ได้สติกลับมา เห็นบิดามารดากำลังมองนางด้วยความเป็ห่วง พูดตามตรง ตอนที่ถูกหยิกก็เจ็บอยู่มากจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว
นางคลี่ริมฝีปากเผยรอยยิ้มที่ ‘ไร้ฟัน’ น้ำลายจึงไหลยืดออกมา
"ข้าว่าเสี่ยวเฉียวเยว่ของพวกเราไม่ได้น้ำลายไหลเพราะสิ่งของๆ ผู้อื่นหรอก เพียงแต่ฟันของนางกำลังจะขึ้น น้ำลายก็เลยเยอะหน่อย" ซูซานหลางเอ่ย
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังคงอยากพิสูจน์ความจริงเื่ที่บุตรสาวชอบแก้วแหวนเงินทองอยู่
เสี่ยวเฉียวเยว่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก พยายามออกแรงกลิ้งไปมา แล้วตบมือน้อยๆ ขายความน่ารัก
พวกคุณอย่าเป็ห่วงหนูเลย อย่าเศร้าใจไปเลย หนูไม่เป็อะไร!
"แอ้!" เสี่ยวฉีอันรู้สึกว่าบิดามารดาไม่สนใจเขา สนใจแต่พี่สาวตัวน้อยจึงพลิกตัวกลิ้งเข้ามาจนกระทั่งถึงข้างกายเสี่ยวเฉียวเยว่ แล้วดึงนางมากอด
เสี่ยวเฉียวเยว่ถูกเขากลิ้งมาชน ก็รู้สึกเหมือนถูกูเาไท่ซานกดอยู่
น้องชายนางกินเก่งเกินไป อายุเพิ่งไม่กี่เดือนก็ตัวใหญ่แข็งแรงกว่านางแล้ว
ฮือๆ
"อู๋ยาลาล่ะ" เขากอดเสี่ยวเฉียวเยว่พลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก แล้วเปล่งเสียงประหลาดๆ ออกมา
ต้องบอกว่า เ้าตัวเล็กคนนี้ชอบนางเป็พิเศษจริงๆ เสี่ยวเฉียวเยว่ก็กอดเขากลับ แล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ทารกน้อยจ้ำม่ำหน้าตาคล้ายคลึงกันสองคนโอบกอดกัน เป็ภาพที่น่ารักเกินบรรยาย
ไท่ไท่สามเรียกบุตรสุดที่รักทั้งสอง แล้วหอมคนละหนึ่งฟอด
"อาอู อียาลาลา อูต้า..." ไม่รู้ว่าเสี่ยวฉีอันพูดอะไร แต่เขาเปล่งเสียงไม่หยุดจนน้ำลายไหลย้อยลงมา เสี่ยวเฉียวเยว่อยู่ใกล้ที่สุด เห็นกิริยาท่าทางของเขาแล้ว ก็รู้สึกว่าน่าขันจริงๆ
นางหัวเราะจนตัวโยนไม่หยุด
"บุตรสาวของข้าดีเพียงนี้ จะให้คนชั่วหมายตาไม่ได้" ซูซานหลางเอ่ย
ไท่ไท่สามเอ่ยอย่างจนปัญญา "คนชั่วอะไรกัน ท่านอย่านินทาผู้อื่นลับหลัง"
ซูซานหลางหัวเราะหึๆ ไม่อยากพูดมากไปกว่านี้จริงๆ
แต่ไม่นานเขาก็พูดขึ้น "ข้าตั้งใจว่าจะรับงานของฝ่าา"
ไท่ไท่สามตกตะลึง ถามกลับไป "ท่านกล่าวไว้ไม่ใช่หรือว่า..."
ซานหลางชอบชีวิตอิสรเสรีเป็ที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ยอมรับราชการ ฝ่าาทรงเกลี้ยกล่อมอยู่หลายหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้
เพียงแต่ครั้งนี้เขาเป็ฝ่ายเอ่ยปากด้วยตนเอง ไท่ไท่สามรู้สึกคาดไม่ถึง จึงถามออกไป "ว่าแต่เป็งานอะไรหรือ?"
ซูซานหลางเลิกคิ้ว ท่วงท่าเอ้อระเหยเฉกเช่นคุณชายเ้าเสน่ห์ แต่สายตากลับเปี่ยมไปด้วยความจริงจัง "เพียงสอนรัชทายาทเท่านั้นเอง ต่อไปข้าก็จะเป็พระอาจารย์ของฮ่องเต้ ไหนเลยจะมีใครกล้ามากำเริบเสิบสานบนหัวข้าอีก ข้าไม่อาจเอาแต่พึ่งพาในจวน ตอนนี้ท่านพ่อเป็ผู้นำตระกูล ย่อมตามใจพวกเรา หากภายหน้าพี่ใหญ่ขึ้นเป็ผู้นำ สถานการณ์จะเป็เช่นไรยังบอกได้ยาก ข้าต้องเตรียมการไว้สำหรับพวกเ้า"
ไท่ไท่สามมุ่นคิ้วขมวด "แต่ไหนแต่ไรมาพี่ใหญ่ล้วนดีมาก"
ซูซานหลางยกยิ้มน้อยๆ "ข้าไม่ได้บอกว่าพี่ใหญ่ไม่ดี แต่จะทำเช่นไรหากทุกเื่ล้วนแต่ต้องพึ่งพาครอบครัว ไม่ว่าอย่างไร ตนเองต้องรู้จักมีขอบเขต ยิ่งไปกว่านั้น ไท่จื่อทรงเปรื่องปราดสามารถ ได้สอนวิชาให้เขาก็ไม่เลว"
ไท่ไท่สามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ทุกสิ่งล้วนเชื่อฟังท่าน แต่อย่าลืม ไม่ว่าอย่างไร สกุลฉีก็จะเป็ที่พึ่งให้พวกเราเสมอ ท่านน่าจะรู้อุปนิสัยพี่ใหญ่ของข้าดี ไม่มีใครรังแกข้าได้อยู่แล้ว"
ซูซานหลางทำท่าราวกับปวดฟันขึ้นมา "รู้ๆๆ ข้ารู้แล้ว"
เสี่ยวเฉียวเยว่แทะเท้าน้อยๆ ของตนเอง ทำความเข้าใจจุดนี้อยู่เงียบๆ ท่านลุงของนางเป็คนเก่งกาจ สามารถทำให้บิดานางแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา เห็นได้ว่าท่านลุงของนางต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นึกมาถึงตรงนี้ นางก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข
มีต้นขาใหม่มาอีกแล้ว
เื่อย่างการกอดต้นขา [1] เป็งานถนัดของทารกน้อยอย่างนาง สามารถทำได้โดยไม่รู้สึกละอายใจแม้แต่น้อย
ฮิฮิ!
โอ้ จริงสิ นางยังมีต้นขาให้กอดอีกข้าง
รัชทายาท
บิดานางเป็อาจารย์ของรัชทายาท รัชทายาทคือผู้ใด นั่นน่ะฮ่องเต้ในอนาคตเชียวนะ!
เสี่ยวเฉียวเยว่ลอบคิดแผนการอยู่เงียบๆ ตราบใดที่มีโอกาส นางเพียงแค่ทำตัวแอ๊บแบ๊วน่ารักต่อไปเรื่อยๆ ฮิฮิฮิ!
ประจบสอพลอว่าที่ฮ่องเต้ ชีวิตของนางถึงจะราบรื่น
ถึงเวลา นางก็จะเป็ศิษย์น้องเล็กของฮ่องเต้!
เหมือนมารดาของนาง หากไม่เพราะเป็ศิษย์น้องของฮ่องเต้ จะถอนหมั้นจากสกุลิ่แล้วมาแต่งงานกับบิดาของนางอย่างราบรื่นได้อย่างไร
ด้วยสถานะของคนสกุลิ่ หากจะบีบคั้นนางให้อยู่เฝ้าเรือนเยี่ยงหญิงม่าย นางก็ต้องยอมก้มหน้าลงไปกินมูล
นี่ไม่ใช่เื่ไร้สาระเลยนะ
นางได้ยินมาตอนที่หลันหมัวมัวพูดไปเรื่อยเปื่อย
แต่เห็นได้ว่าสกุลิ่ตอนนั้นมีความสามารถดังกล่าวจริงๆ
การกระทำไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ เสี่ยวเฉียวเยว่คิดแต่อยากสบถว่า มารดามันเถอะ!
นี่มิใช่การกดขี่สตรีหรอกหรือ!
มีสิทธิ์อะไร!
อาจเป็เพราะเห็นพี่สาวตัวน้อยดูดนิ้วเท้าไม่หยุด เสี่ยวฉีอันก็เลยเลียนแบบบ้าง
สองคนพี่น้องต่างตั้งหน้าตั้งตาดูดนิ้วเท้า สีหน้าเต็มไปด้วยการครุ่นคิด ราวกับจะดูดเื่ใหญ่ในใต้หล้าออกมาให้ได้
เสี่ยวเฉียวเยว่เพียงคิดจะกอดต้นขา แต่นางไม่นึกว่า ต้นขาที่ว่าจะมาอย่างกะทันหัน
วันต่อมา นางเผลอปัสสาวะรดที่นอนอีกแล้ว ขณะที่กำลังนึกโทษตนเองอยู่ ก็ได้ยินว่ารัชทายาทมาที่จวนของพวกนาง
อะไรนะ?
เ้าว่าใครมานะ?
ฮ่าๆๆ
ในจวนนี้มือวางอันดับหนึ่งเื่พูดพล่ามเองคนเดียวนอกจากหลันหมัวมัวแล้ว ยังจะมีใครอื่นอีกเล่า!
พอได้ยินว่ารัชทายาทเสด็จมาถึง นางก็ปล่อยกระแสจิตออกมาทั่วร่าง ข้าอยากพบเขา ข้าอยากกอดต้นขาเขา
์จะได้ยินความปรารถนาของนางหรือไม่ก็สุดรู้ แต่นางรู้ว่าบิดานางต้องได้ยินแน่นอน
เพราะว่า...
บิดานางพารัชทายาทมาดูนาง ตอนที่นางเพิ่งเปลี่ยนกางเกงเสร็จพอดี ท้องน้อยๆ ของนางยังอยู่ข้างนอกอยู่เลย
ได้ยินเสียงเอะอะมาจากข้างนอก นางเป็เด็กมานาน เพียงชั่วพริบตาก็ลืมสิ้นความอาย นางพลิกตัวชะเง้อคอมองออกไป
เพียงแต่แค่มองออกไปยังไม่เป็ไร ทว่าเพียงเห็นเท่านั้น นางก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงมา
เด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบสวมอาภรณ์สีขาวนวลดวงจันทร์ คิ้วเนตรงามดุจภาพเขียน เรียวปากแดงฟันขาว ในความเยือกเย็นสุขุมระคนไปด้วยกลิ่นอายสูงศักดิ์
เขามิได้เยือกเย็นแบบเฉยชา ตรงข้ามกลับมีความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่หลายส่วน ดูขัดแย้งกันเหลือเกิน
เสี่ยวเฉียวเยว่นึกอยากจะพรรณนาความสง่างามของเขาอย่างละเอียด แต่กลับพบว่าเมื่อตนเองเห็นหนุ่มน้อยผู้นี้ ไม่ว่าจะพรรณนาอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เพราะรวมทั้งหมดแล้วก็ยังไม่เพียงพอต่อความล้ำเลิศของเขา
สมกับเป็เืเนื้อเชื้อไขแห่งราชวงศ์โดยแท้
เป็บุคลิกลักษณะที่สามัญชนไม่อาจเทียบเทียม
แต่อารมณ์ของเขาค่อนข้างซับซ้อน กลมกลืนสมัครสมานแต่... เ็า
เสี่ยวเฉียวเยว่น้ำลายไหลย้อย หัวใจสีแดงกระเพื่อมเข้าออกจากดวงตา มือน้อยๆ ของนางยื่นออกไป ดวงตาจดจ้องรัชทายาทเขม็ง อยากให้พี่ชายสุดหล่อตัวน้อยอุ้มจนแทบไม่ไหว
บุตรสาวทำท่าทางเยี่ยงนี้ ซูซานหลางพลันนึกอยากจะตีคนขึ้นมาจริงๆ
แม้แต่บัณฑิตเช่นเขายังทนไม่ได้ ได้แต่รำพึงออกมาว่า "ตีนางสักทีดีไหม มิเช่นนั้นนางก็คงทำขายหน้าหมด"
ทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ อดสูั์ตาเหลือทน!
เขาโบกมือ "เสี่ยวเฉียวเยว่ มา พ่ออุ้มเ้าเอง"
เขาเดินเข้ามา ยังไม่ทันแตะถูกตัวบุตรสาว ยายหนูน้อยก็บิดบั้นท้ายคลานดุ๊กดิ๊กออกไปแล้ว มือน้อยๆ กางออกกว้างๆ จะให้รัชทายาทอุ้มให้ได้
รัชทายาทยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มนี้ก็แทบทำให้นางเก็บอาการไม่อยู่ เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกว่าชั่วพริบตานั้นภายในห้องล้วนไร้สีสัน
ชายสูงวัยอย่างบิดาของนาง จิ๊ๆ ไม่อาจเทียบ!
"เ้าอยากให้ข้าอุ้มหรือ?"
"ต้า" ทารกน้อยไม่กลัวถูกคนมองว่าเป็ตัวประหลาดอีกต่อไป แทบจะกระโจนเข้าหาคนเสียบัดเดี๋ยวนั้น
"สวบๆๆๆ" เสี่ยวเฉียวเยว่ทางนี้ยังไม่ทันขายความน่ารักเสร็จสิ้น จู่ๆ เสี่ยวฉีอันก็คลานเข้ามาอีกคน มือเล็กจ้อยของเขาไม่รู้ว่ามีสิ่งใดติดอยู่ เขาเปล่งเสียงร้องประหลาด แล้วใช้ฝ่ามือกดเสี่ยวเฉียวเยว่ลงมา หลังจากนั้นก็ทำท่าเลียนแบบเสี่ยวเฉียวเยว่ด้วยการกางมือน้อยๆ ออกบ้าง
รัชทายาท "..."
แม้ว่าจะสงบนิ่งแค่ไหน แต่ก็เป็เพียงเด็กเจ็ดแปดขวบ มุมปากของเขาพลันกระตุก
ภาพนี้ช่างงดงามยิ่ง แต่เขาไม่กล้ามอง
เสี่ยวเฉียวเยว่ถูกน้องชายของตนเองกดเอาไว้ ภายในใจก็โกรธเคือง
หน็อยเ้าตัวแสบ นางปีนขึ้นมา ใช้ก้นน้อยๆ ของตนเองเบียดเสี่ยวฉีอันคิดจะดันเขาออกไปข้างๆ
เห็นท่าทางของพวกเขาสองคนเช่นนี้ ในที่สุดซูซานหลางก็ะเิออกมา "เ้าตัวแสบสองคนนี้ จะต้องทำให้บิดาขายหน้าให้ได้ใช่หรือไม่"
หลังจากนั้นก็หิ้วเด็กน้อยขึ้นมาคนละข้าง "เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตีพวกเ้าจริงๆ"
"อูอาลาอูอูอูวา!" เสี่ยวเฉียวเยว่โบกมือขัดขืน
"ตายาอูวาลาอิงต้ะ!" เสี่ยวฉีอันก็โบกมือขัดขืนเช่นกัน
ซูซานหลางพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจทำได้ เขาพยายามเผยรอยยิ้มที่นับว่าพอดูได้ เอ่ยว่า "รัชทายาทโปรดรอกระหม่อมสักครู่"
ดวงตาชำเลืองมองซาลาเปาน้อยทั้งสองเตรียมจับทุบไปทำเนื้อตุ๋น
รัชทายาทเอ่ยขึ้นในเวลาที่เหมาะสม "อาจารย์ อย่าตำหนิน้องชายน้องสาวเลย พวกเขายังเล็ก"
เขาเดินเข้ามา เสี่ยวเฉียวเยว่รีบฉวยโอกาส ล้มตัวเข้าหาเขา
"มารดามันเถอะ เ้าเด็กแสบคนนี้!"
ั้แ่ห้าขวบเป็ต้นมา ซูซานหลางก็ไม่เคยสบถถ้อยคำหยาบคายอีกเลย...
...
[1] กอดต้นขา หมายถึงการประจบประแจง เกาะคนมีเส้นสาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้