ในบรรดากลุ่มผู้สังเกตการณ์ กลุ่มของชายหนุ่มรูปงามและสาวงามเป็ที่สะดุดตาที่สุด พวกเขาเป็ชายเหล่อเหลาและหญิงรูปงามหน้าตาดี หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่สวมชุดวังสีแดงเข้มอันงดงามเป็ที่สะดุดตาที่สุด หญิงผู้นั้นมีผิวพรรณดุจหิมะ ในหน้าราวกับดอกท้อ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น เป็สาวงามที่หาได้ยากยิ่ง เธอมองจุนห่าวในการต่อสู้ด้วยสายตาหวานเยิ้ม ความรักในจิตใจของเธอมีมากมายสุดจะบรรยาย
เธอถอนสายตาที่มองจุนห่าว และหันศีรษะไปมองชายรูปงามที่ดูสูงศักดิ์ที่สวมชุดดำ อายุราว 20 ปี ที่อยู่ข้างกายเธอ ชี้ไปที่จุนห่าวที่กำลังต่อสู้ และเอ่ยขึ้น “เสด็จพี่เจ็ด ข้าอยากได้ชายชุดดำที่หล่อหลอมหาใครเทียบได้ผู้นั้นมาเป็พระสวามีของข้า ข้าตกหลุมรักเขาแล้ว”
ชายในชุดจอมยุทธสีดำขมวดคิ้ว พูดกับหญิงชุดแดงอย่างไม่พอใจว่า “ข้าบอกเ้าแล้วมิใช่หรือ? อยู่ที่นี่อย่าเรียกข้าว่าเสด็จพี่เจ็ด ให้เรียกข้าว่าพี่เจ็ด ที่นี่คืออาณาเขตของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ มิใช่จักรวรรดิหั่วเหยียนของเรา” หยุดครู่หนึ่ง ปิดบังความอดทนในดวงตาของเขา ดวงตาที่แสนเ็า เขาพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เ้ามีพระสวา 10 กว่าคนแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดยังจะ้าอีก ชายชุดดำผู้นั้นมิใช่ว่าเ้า้าแล้วจะได้อย่างที่้าหรอกนะ”
ชายในชุดดำคือโอรสองค์ที่เจ็ดของจักรพรรดิคนปัจจุบันของจักรวรรดิหั่วเหยียน...เหยียนหลิงมั่ว ปีนี้อายุ 21 ปี รูปร่างของเขาสูงใหญ่แต่กลับไม่กำยำ ใบหน้าสบายตา สายตาเฉียบคม ท่วงท่าเป็สง่าและสูงส่ง ปรีชาสามารถและเก่งกาจในการต่อสู้ ตอนที่อายุ 16 ปี ได้ยกกองทัพไปขับไล่สัตว์ร้ายในทะเล เป็ที่ชื่นชอบอย่างมากของจักรวรรดิหั่วเหยียน ครั้งนี้เขาได้ยินมาว่ามีผลไม้ชิงลัวปรากฏขั้นในอาณาเขตของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ ดังนั้นเขาจึงปลอมตัวและมาที่เทือกเขาอู๋หยิน ส่วนหญิงชุดแดงคือองค์หญิงองค์ที่หกของจักรวรรดิหั่วเหยียน...เหยียนหย่าโหรว เกิดในพระมเหสีของจักรวรรดิหั่วเหยียน เธอมีความชอบอย่างหนึ่งคือชอบชายรูปงาม ชอบใช้ชีวิตเลอะเทอะ หลงรักชายใดก็ต้องแย่งชิงมา เหยียนหลิงมั่วไม่ชอบองค์หญิงองค์ที่หกผู้นี้นัก ถึงขนาดรังเกียจ ครั้งนี้จักรพรรดิหั่วเหยียนขอให้เขาพาองค์หญิงเหยียนหย่าโหรวมาด้วย เขาไม่พอใจยิ่งนัก ยามนี้เป็่เวลาแย่งชิงผลไม้ชิงลัว แต่นางกลับตกหลุมรักชายคนนึง แค่มองชายผู้นี้แวบแรกก็รู้ว่ามิใช่คนที่จะเลียแข้งเลียขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเขา การที่องค์หญิงเหยียนหย่าโหรวจะได้มาเป็พระสวามี ยากกว่าการปีนขึ้นบน์เสียอีก
ฟังคำถากถางของเหยียนหลิงมั่ว เหยียนหย่าโหรวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พี่เจ็ด หากท่านไม่ช่วยข้าพาชายคนนั้นกลับวังในจักรวรรดิหั่วเหยียนของข้า ข้าจะฟ้องท่านพ่อ บอกว่าท่านทำร้ายข้า”
เหยียนหลิงมั่วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “หากเ้าอยากฟ้องก็ฟ้องเถอะ ข้าไม่สนใจ”
“ท่าน…ข้ารู้ดีว่าท่านไม่ชอบข้า” เหยียนหย่าโหรวกระทืบเท้าพลางพูดด้วยความโกรธ
“ในเมื่อเ้ารับรู้ด้วยตัวเองแล้ว รู้ว่าข้าไม่ชอบเ้า เ้ายังจะตามข้ามา” เหยียนหลิงมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเ็า แล้วกล่าวเตือนว่า “ข้าขอเตือนเ้าสักหน่อย ทางที่ดีที่สุดคือให้ข้าอยู่อย่างสงบ ไม่เช่นนั้นเ้าตายได้ทุกเมื่อ” พลางคิดกับตัวเอง ข้างกายเหยียนหย่าโหรวมีองครักษ์ลมปราณขั้นสิบสองติดตามมาด้วย เขาเกรงว่าเหยียนหย่าโหรวจะพยายามจับชายชุดดำ เขาเห็นสายตาของเหยียนหย่าโหรวที่มีต่อชายชุดดำผู้นั้น
“ฮึ เื่ของข้าท่านไม่ต้องมายุ่ง” เหยียนหย่าโหรวพูดอย่างเดือดดาล พลางคิดในใจ แค่ฆ่าพวกเขาทิ้งให้หมด คิดเรียบร้อยแล้ว เธอมองจุนห่าวที่ต่อสู้อยู่ด้วยสายตากระตือรือร้นอีกครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งชอบมากขึ้น
เหยียนหลิงมั่วรู้ว่าเหยียนหย่าโหรวไม่ฟังคำพูดของเขา คิดในใจ เห็นทีเขาต้องส่งคนจับตานางแล้ว หากนางทำอะไรโง่ๆ ถ้าอย่างนั้นคงหาเื่เดือดร้อนและสร้างความเสียหายในการ่ชิงของเขาแน่
เหยียนหลิงมั่วมองจุนห่าวและหานรุ่ยที่กำลังต่อสู้ อิจฉายิ่งนัก ชายทั้งคู่อายุราวๆ เขา ทว่าพลังปราณกลับสูงกว่าเขา เขาได้รับการยกย่องว่าเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของจักรวรรดิหั่วเหยียน ดูเหมือนจะเป็การคุยโวเกินจริง เมื่อเทียบกับชายสองคนนี้ เขาไม่มีอะไรเลย เห็นทีหลังจากกลับไป เขาต้องขยันบำเพ็ญเพียรให้มากขึ้น
จุนห่าวได้ประลองฝีมือกับผู้าุโจ้าวหลายกระบวนแล้ว นานเข้าาุโจ้าวที่จัดการจุนห่าวไม่ได้ ยิ่งร้อนใจขึ้น เขาใกับตัวเอง เขาคิดไม่ถึงว่าพลังิญญาของจุนห่าวจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ต่อสู้ยาวนานขนาดนี้ เขาเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ทว่ามองจุนห่าวที่เผชิญหน้าด้วย ยังคงความสดชื่น และเต็มไปด้วยพลังเหลือล้น
เมื่อเห็นผู้าุโจ้าวร้อนใจ จุนห่าวพูดอย่างถากถางว่า “เ้าสัตว์ร้ายแก่ เหตุใดท่านมีความสามารถแค่นี้เองหรือ? หากท่านยังไม่ดึงความสามารถพิเศษของท่านออกมา ข้าคงต้องส่งท่านไปยมบาลเสียแล้ว”
ฟังคำของจุนห่าว ผู้าุโจ้าวเดือดดาลจนกรีดร้องว่า “เ้าสัตว์ร้ายน้อย รนหาที่ตายนัก วันนี้หากข้าสังหารเ้าไม่ได้ ข้าสาบานว่าจะไม่ขอเป็มนุษย์อีก” ผู้าุโจ้าวกล่าวจบก็ยิ่งโจมตีดุเดือดมากขึ้น ทว่าการโจมตีของเขาปะปนกับคับข้องใจ ทำให้การโจมตีของเขาผิดพลาดบ่อยครั้ง
เมื่อเห็นผู้าุโจ้าวจุคับข้องใจ จุนห่าวพูดอย่างรู้เท่าทันว่า “นี่คือสามารถพิเศษของท่านแล้วหรือ? ก็ได้แค่นี้เอง ในเมื่อเป็เช่นนี้ คงไม่จำเป็ต้องเก็บท่านไว้แล้ว” พูดจบจุนห่าวก็เพิ่มพลังโจมตี ลงในหมัด จุนห่าวรำกระบวนท่าดุจเสือคำรามเสียงดัง จู่โจมไปที่ผู้าุโจ้าวอย่างต่อเนื่อง
ผู้าุโจ้าวถูกจุนห่าวจู่โจมเข้าใส่อย่างไม่อาจสู้กลับได้ ทำได้แค่ป้องกัน ได้ยินเพียงเสียงหมัดกระทบกับเนื้อหนัง ผู้สังเกตการณ์เฝ้ามองที่จู่โจมอย่างดุเดือด ด้วยร่างกายที่สั่นเป็ลูกนก พวกเขาคิดตรึกตรองว่า หากพวกเขาเป็คู่ต่อสู้ของจุนห่าว จะรับมือได้หรือไม่
การโจมตีอย่างดุเดือดของจุนห่าว ทำให้พวกเขาต่างส่ายหัวอยู่ในใจ พวกเขารับมือไม่ไหวแน่ แม้แต่ยอดฝีมือที่มีลมปราณขั้นสิบสองยังหวาดหวั่น พวกเขาไม่แน่ใจว่าตนเองจะเอาชนะจุนห่าวได้
“ชายคนนี้มีนามว่าเยี่ยวไร! มาจากตระกูลใด เก่งกาจเหลือเกิน แม้แต่ยอดฝีมือที่มีลมปราณขั้นสิบสองยังถูกเขาอัดราวกับกระสอบทราย” ผู้สังเกตการณ์คนหนึ่งเอ่ยถาม
“ไม่ทราบ ข้าไม่เคยพบเขามาก่อน” ชายอีกคนกล่าว คิดในใจ อัจฉริยะของตระกูลใหญ่เป็ที่รู้จักกันดีในจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ แม้กระทั่งแผ่นดินชางหลาน ผู้คนในที่เกิดเหตุล้วนมาจากกองกำลังยิ่งใหญ่ มักเคยพบกันมาก่อน ทว่านานขนาดนี้ ยังไม่มีใครประกาศนามของเขาออกมา คนๆ นี้ช่างลึกลับนัก
เสียงที่ลึกลับอีกคนเอ่ยขึ้น “เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินผู้หนึ่งกล่าวว่า ชายชุดดำที่กำลังต่อสู้นั้น คือสวะในการบำเพ็ญเพียรที่เป็ที่เลื่องลือจากเมืองอวี้หวา ซึ่งถูกถอดชื่อออกจากตระกูลแล้ว”
“สวะ หากคนที่ดุร้ายดังกล่าวเป็สวะ งั้นเราคืออะไรล่ะ? เราคงเทียบไม่ได้แม้แต่สวะ ข้าว่าท่านคงถูกหลอกแล้ว ข้าเห็นชายคนนั้นก็มิได้มีจิตใจอ่อนโยน หากชายที่ดุร้ายนั้น ล่วงรู้ว่าท่านพูดลับหลังว่าเขาเป็สวะ เขาจะซัดท่านจนตายสักหมัดไหมนะ” ชายอีกคนกล่าว
“ที่ท่านพูดก็ถูก ข้าจะไปถามเขาในบัดดล ข้าจะถามเขาว่าเหตุใดถึงมุ่งร้ายต่อข้า” พูดจบก็รีบจากไป
ผู้าุโจ้าวถูกซัดด้วยหมัดของจุนห่าว อวัยวะภายในทั้งห้ากำลังแตกเป็เสี่ยงๆ ในเวลานี้ผู้าุโจ้าวไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งที่เขาเคยมีก่อนหน้านั้น หัวใจของเขาก็เริ่มหวาดกลัว
จุนห่าวมองผู้าุโจ้าวที่มีาแจากการถูกเขาอัดด้วยหมัดมากมายขนาดนี้ คิดในใจ ความเดือดดาลของเขาคงพอแค่นี้ ควรให้มันจบแล้ว
“สัตว์ร้ายแก่ ตายซะเถอะ” จุนห่าวปล่อยพลัง ล็อคเป้าที่ผู้าุโจ้าว และใช้หมัดของเขาอัดผู้าุโจ้าวดุจฟ้าฝนพายุที่ซัดกระหน่ำ ผู้าุโจ้าวเห็นหมัดพุ่งเข้ามาซัดศรีษะของเขา เขาอยากจะหลบ ทว่าหลบไม่พ้น ผู้าุโจ้าวหลับตายอมรับชะตากรรม คิดในใจ ชีวิตข้าคงจบแค่นี้แล้ว
หมัดที่ดุจฟ้าฝนพายุที่ซัดกระหน่ำ อัดเข้าที่ศีรษะของผู้าุโจ้าว สมองของผู้าุโจ้าวเืพุ่งราวกับแตงโมะเิ เืกระโจนออกจากสมอง บินหยานออกไป จุนห่าวถอยกลับ ไม่มีแม้แต่เืสักหยดอยู่บนตัวเขา
จุนห่าวยืนนิ่ง มองศพของผู้าุโจ้าวด้วยดวงตาเฉยเมย ริมฝีปากบางๆ เปิดขึ้น และเอ่ยว่า “นี่คือจุดจบของท่านที่มีนายผิด หวังว่าในชาติหน้า คงขัดเกลาดวงตาของท่าน ได้อยู่กับเ้านายที่ดี”
การตายของผู้าุโจ้าว สร้างความตกตะลึงให้ผู้คน แค่นึกถึงสมองของผู้าุโจ้าวที่ะเิและเืทะลัก ผู้สังเกตุการณ์ก็ตัวสั่นเป็ลูกนก คิดในใจ ช่างโหดร้ายเหลือเกิน จากนั้นก็มองจุนห่าววด้วยสายตาสะพรึงกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายสามที่ติดตามผู้าุโจ้าวและผู้าุโโจวมา ต่างขาสั่นด้วยหวาดกลัว และไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง พวกเขาได้ยินคำพูดสุดท้ายของจุนห่าว จึงเข้าใจความหมายของจุนห่าวแล้ว เ้านายของเขาก็คือองค์ชายสาม ถ้าเช่นนั้น เขาจะถูกฆ่าตายโดยหมัดของจุนห่าวหรือไม่? ตอนนี้พวกเขาอยากจะพูดหนึ่งประโยคว่า “แม่จ๋า ข้ากลัว ข้าอยากกลับบ้าน”
“ขนาดคนที่มีลมปราณขั้นสิบสอง เขายังอัดเจียนตาย และอัดจนตายจริงๆ” ผู้สังเกตการณ์ผู้หนึ่งกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาคิดเสมอว่าไม่อาจเอาชนะข้ามขั้นได้ วันนี้เขาได้เห็นความจริงแล้ว
“ใช่ อัดจนตายจริงๆ ไม่รู้ว่าองค์ชายสามจะส่งคนมาอีกหรือไม่ คนที่มีลมปราณขั้นสิบสองล้วนถูกฆ่าตายแล้ว ได้ยินว่าคนที่มีลมปราณขั้นสิบสองของราชวงค์ก็เหลือไม่มาก” ผู้สังเกตการณ์อีกคนกล่าว ในน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความยินดีในความโชคร้ายนี้
ดวงตาเปล่งประกายของเหยียนหย่าโหรวที่จ้องมองจุนห่าว ผู้ซึ่งยืนอยู่ในสนามรบด้วยท่าท่างที่โดดเด่นเกินธรรมดา เธอชี้ไปที่จุนห่าว และพูดกับคนที่อยู่ข้างกายด้วยความเหย่อหยิ่งว่า “ข้า้าคนๆ นั้น เ้าไปจับเขามาให้ข้า”
องครักษ์ที่ได้ยินคำพูดของเหยียนหย่าโหรว คร่ำครวญในใจว่า เขายังไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเขาที เหตุใดองค์หญิงถึงมีความปรารถนามากเพียงนี้ ก่อนหน้านี้เขาเคยทำเื่เช่นนี้ให้องค์หญิงมาก่อน ทว่าตอนนี้เขาไม่กล้า คนผู้นั้นมิใช่คนที่จัดการได้ง่าย ด้วยพลังปราณขั้นสิบที่เอาชนะคนที่มีลมปราณขั้นสิบสองได้ ทั้งยังไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าเลย เขาจะเป็คู่ต่อสู้ได้หรือ?
ฟังคำของเหยียนหย่าโหรว เหยียนหลิงมั่วมองเธออย่างเ็าและพูดอย่างไร้ความปราณีว่า “หากเ้ายังยืนกรานว่า้าคนผู้นั้น ข้าจะฆ่าเ้าทิ้งซะตอนนี้”
“ท่านกล้า?” เหยียนหย่าโหรวพูดอย่างโกรธเคือง
“เ้าลองดูว่าข้าจะกล้าไหม เ้าเป็สวะที่ไม่อาจบำเพ็ญเพียร จะตายเมื่อไหร่ก็ได้” เหยียนหลิงมั่วกล่าวอย่างดุดัน เขาอยากฆ่าเหยียนหย่าโหรวมานานแล้ว เพียงแค่ไม่มีโอกาส หากถามว่าเหตุใดเหยียนหลิงมั่วถึงจงเกลียดจงชังเหยียนหย่าโหรวนัก ก็เพราะว่าเหยียนหย่าโหรวทำร้ายองค์หญิงห้า...น้องสาวแท้ๆ ของเขาต้องตาย
เหยียนหย่าโหรวเห็นพลังของเหยียนหลิงมั่วจนในิ่งงัน เธอไม่ใช่คนโง่ที่ไม่มีสมอง เพียงแค่ไม่เคยใช้มันต่างหากเธอรู้อยู่เสมอว่าเหยียนหลิงมั่วอยากฆ่าเธอ ทว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยมันออกมา
“้น้องเจ็ด ท่านทำให้น้องหกใแล้ว ก็แค่ชายคนเดียว ต่อให้เขาเก่งกาจกว่านี้ จะสู้กับจักรวรรดิหั่วเหยียนของเราได้หรือ?” องค์ชายหก...เหยียนหลิงเซียง พูดกับเหยียนหลิงมั่วอย่างไม่เห็นด้วย
“พี่หก ช่างดีนัก” เหยียนหย่าโหรวพูดกับเหยียนหลิงเซียงด้วยรอยยิ้ม
ฟังคำของเหยียนหลิงเซียง เหยียนหลิงมั่วไม่แม้แต่ยกเปลือกตาของเขา ท่าทางสงบนิ่งของเหยียนหลิงมั่วปะทุความโกรธของเหยียนหลิงเซียง คิดในใจ จากนี้ไป ข้าจะจัดการเ้ายังไงดี
