หลังจากหลุดพ้นจากการรังควานของหลิวเสี่ยวหลัน หลิวเต้าเซียงก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปหลังูเาอย่างรวดเร็ว
หลิวเสี่ยวหลันมองเงาผอมเล็กด้านหลังของนาง อดไม่ได้ที่จะบ่นและด่าออกมาเสียงค่อย “นางเด็กเหลือขอ ไร้ประโยชน์ สมควรเป็ได้เพียงคนรับใช้ข้าเท่านั้นแหละ”
หลิวเต้าเซียงไม่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ จากนั้นก็เดินไปถึงเชิงเขา
นางมองไปบนูเาอันเขียวขจี ได้กลิ่นอายดิน พอสูดหายใจลึกหลายทีก็รับรู้ได้ถึงความผ่อนคลายของอวัยวะภายในร่างกาย
“อยู่ไหนนะ?”
ขณะยืนอยู่ตรงเชิงเขาก็มองไกลออกไป แต่ไม่เห็นตัวซูจื่อเยี่ย!
“เ้ามาสาย!” คำพูดเ็าดังขึ้น
หลิวเต้าเซียงตัวสั่นเล็กน้อย เพียงแค่มองย้อนกลับไปก็เห็นซูจื่อเยี่ยที่ใบหน้าเคร่งเครียด
“โทษข้าได้หรือ ใครใช้ให้เ้าไปทำให้อาเล็กข้าโกรธ”
ซูจื่อเยี่ยจ้องมองนางอย่างเ็า อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย เ้าความคิดปานนั้นเป็ใครก็คงรำคาญใจ
“โง่เง่า!”
มุมปากของหลิวเต้าเซียงกระตุกเล็กน้อย นี่คือท่าทีเวลาโกรธเคือง
“ต้องโทษเ้า หากไม่ใช่ว่าเ้าดูดีเกินไป ข้าจะถูกอาเล็กขวางทางไว้หรือ? แล้วจะเสียเวลานานเช่นนี้เชียวหรือ?”
ต่อให้บีบจมูกก็ไม่มีทางยอมรับว่าตนเองทำเื่อื่นจนเสียเวลา
ซูจื่อเยี่ยอ่านนางออก ทว่าคำพูดของนางหมายความเช่นไร? ยอมรับว่าเขาดูดีอย่างนั้นหรือ?!
ทันใดนั้น ราวกับอากาศที่ร้อนตายชักแล้วได้ดื่มน้ำแข็งบ๊วยสักถ้วย ทำเอาหัวใจล่องลอยอย่างเบาสบาย
เห็นแก่ที่นางยังพอรู้ความ ซูจื่อเยี่ยตัดสินใจปล่อยนางไปหนึ่งครั้ง
“นําทางสิ”
ไม่ได้โกรธนาง แต่ก็ต้องไม่ให้นางได้ใจ
เขาที่ยังคงปั้นหน้าเข้ม ยื่นนิ้วชี้ไปทางูเา
หลิวเต้าเซียงเชื่อฟังราวกับเป็สุนัขตามตัว แล้วเดินนำทางอยู่ด้านหน้า
จากนั้นก็เก็บกิ่งไม้ที่อยู่ข้างทางขึ้นมาและแหวกหญ้าด้านหน้า แล้วเอ่ยปากถาม “เ้าสามารถล่าสัตว์ได้หรือไม่? อยากจะล่าอะไร”
“มีอะไร!”
ผ่านไปครู่หนึ่งจนหลิวเต้าเซียงคิดว่าเขาไม่ตอบ จึงพูดขึ้น
“ไก่ฟ้า กระต่ายป่าหรือบางครั้งมีหมูป่าจากูเาอื่นๆ แต่หมูป่ามีขนาดใหญ่เกินไปที่จะแบกกลับ หรือล่าหนููเา โรงเตี๊ยมบางแห่งรับในราคาที่สูง ได้ยินว่า เนื้อหนููเานั้นสดอร่อยยิ่งนัก”
เสียงกังวานของหลิวเต้าเซียงนั้นทำทะเลสาบหัวใจของคุณชายผู้งดงามด้านหลังให้ยุ่งเหยิง
หนููเา? นางชอบของพวกนั้นหรือ?
“แล้วแต่โชค!” หลังจากคิดดู เขาก็ตอบกลับ สามารถล่าหนููเาได้หลายตัวก็ดีหน่อย แต่หากล่าไม่ได้ ก็ล่าไก่ฟ้า กระต่ายป่า หรือไม่ก็สั่งให้องครักษ์สายลับของตนเองไปล่าหนููเามา?
ซูจื่อเยี่ยที่อยู่ด้านหลังจ้องมองแม่สาวน้อยที่เดินอย่างร่าเริงสดใสด้านหน้า พินิจในใจถึงความเป็ไปได้ที่จะให้องครักษ์สายลับไปทำงานเหล่านี้
ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า หรือจะให้องครักษ์ล่าอาจจะสะดวกกว่า คนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนเป็พิเศษ สำหรับการมีชีวิตรอดอยู่ในูเา พวกเขาเองก็มีความสามารถระดับหนึ่ง เดาว่าการจับหนููเาคงไม่ใช่เื่ยากอะไร
แน่นอน เขาเองไม่มีทางยอมรับว่าตนเองไม่รู้จักหนููเา
หลิวเต้าเซียงซึ่งกําลังเดินอยู่ข้างหน้าไม่ได้พิจารณาปัญหานี้เลย อย่างไรก็ตามนางรู้จักไก่และกระต่าย
ขณะที่ขึ้นไปบนูเา ก็เก็บเห็ดป่าต่างๆ ไปด้วยระหว่างทาง
เดินๆ หยุดๆ อยู่เช่นนี้ ซูจื่อเยี่ยเงยหน้ามองดูฟ้า แล้วรู้สึกโชคดีที่ตนเองสั่งให้องครักษ์สายลับไปล่าสัตว์
หลิวเต้าเซียงพเนจรอยู่ในูเาอย่างมีความสุข เมื่อเห็นเห็ดหูหนูก็จะเก็บ ของสิ่งนี้เวลากินนั้นอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย แต่ว่า หากหลังจากตากแห้งแล้วเอาไปทำน้ำแกงหมูเห็ดหูหนู จากนั้นใส่หัวหอมลงไปหน่อย ช่างหอมอร่อยจนสามารถกลืนลิ้นลงไปได้ด้วย
นางไม่ได้สังเกตว่าั้แ่เข้ามาในูเา ก็ไม่ได้เจอไก่ฟ้าและกระต่ายป่าแต่อย่างใด
เมื่อถึงลานกว้างก็หาก้อนหินที่สะอาดแล้วนั่งลง หลิวเต้าเซียงวางตะกร้า ยื่นมือออกมาตบตำแหน่งข้างกายที่ว่างอยู่ แหงนหน้ายิ้มแล้วเอ่ย “มานั่งเร็ว ขาจะหักแล้ว หากไม่มีเ้าอยู่ด้วย ข้าคงไม่กล้าเดินมาไกลเช่นนี้”
แสงตะวันลอดผ่านกิ่งไม้ สาดลงบนใบหน้าเล็กของนางระยิบระยับ เหงื่อเม็ดพราวไหลหยดลงมาจากผมเปียสองข้าง ใบหน้าที่เคยซีดขาวก็แดงมีเืฝาด
ซูจื่อเยี่ยมีความสุขมาก นางที่เป็แบบนี้ยิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ทำให้ตนรู้สึกว่าไม่ได้มาเสียเที่ยวในรอบนี้
มันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า แม่หญิงยิงเรือที่เคยเห็นนั้นเหมือนกับน้ำนิ่ง เป็ชนิดที่มองไม่เห็นก้น
หลิวเต้าเซียงเห็นเขายืนนิ่งๆ จึงยิ้มแล้วเอ่ย “ยังยืนนิ่งทำอะไร รีบมานั่งพักเร็วเข้า แม้ว่าจะเย็นสักหน่อย แต่ตอนนี้กำลังร้อน คงไม่มีผลกระทบกับาแของเ้าหรอก”
“อืม” ได้ยินเสียงนางบ่นอุบอิบ หัวใจของซูจื่อเยี่ยก็เปลี่ยนเป็ร่าเริงมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นนางหยิบของในตะกร้าออกมา แล้วค้นสิ่งของที่อยู่ในห่อใบตองด้านล่างสุด จากนั้นหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่ห้อยอยู่ด้านล่างตะกร้า เขาจึงเอ่ยถาม “เ้าเก็บของมากมายไปทำไมหรือ?”
“กินน่ะสิ ยังมีเนื้อสดอยู่ที่บ้าน จะได้เอากลับไปต้มน้ำแกง สีดำนี่คือเห็ดหูหนู แต่รสชาติไม่อร่อยนัก หลังจากตากแห้งเอาทำน้ำแกง ถึงจะรสชาติดี”
หลิวเต้าเซียงไม่สามารถอธิบายการฆ่าเชื้อออกมาได้ จึงได้แต่ใช้ข้ออ้างบอกว่ามันอร่อย
“แค่เก็บของเหล่านี้ได้ เ้าก็ดีใจแล้วหรือ?” ซูจื่อเยี่ยชอบเห็นรอยยิ้มที่ดวงตาเป็ทรงโค้งของนาง
“อืม อร่อยดี” หลิวเต้าเซียงยิ้มตาพริ้ม น้ำแกงเห็ดหอมนั้นอร่อยยิ่งนัก
ซูจื่อเยี่ยแอบคิดว่าอาหารอร่อย ที่แท้ก็สามารถทําให้นางมีความสุขได้
แล้วนึกย้อนถึงสิ่งที่ตนเองได้เห็นได้ััตอนอยู่ในเมืองหลวง คุณหนูทั้งหลายแหล่ที่ได้ลิ้มรสอาหารเลิศหรูปรุงแต่งอย่างประณีตอยู่ทุกเมื่อ แต่กลับไม่มีใครมีความสุขเช่นนาง
“่บ่ายเราต้องพยายามมากกว่านี้ แล้วล่าไก่ฟ้ากลับไปให้ได้!” พูดถึงตรงนี้ เขาก็นึกว่ามีเพียงแค่เนื้อหมูหรือไม่ที่จะใช้ต้มน้ำแกงได้ จึงเอ่ยถาม “ใช้ไก่ฟ้าก็ต้มได้สินะ!”
“ได้เช่นกัน ลูกไก่ตุ๋นเห็ดยิ่งอร่อย” พูดถึงเื่กิน มุมปากของหลิวเต้าเซียงราวกับจะมีน้ำลายระยิบระยับไหลย้อยออกมา
อาศัย ณ ที่แห่งนี้มาหนึ่งเดือนกว่า ไม่นึกถึงการกินเนื้อเลยก็คงโกหก
ขณะที่คิดก็เทน้ำในกระบอกไม้ไผ่ออกมาล้างมือ ไม่ต้องให้นางสะกิด ซูจื่อเยี่ยที่มีนิสัยรักความสะอาดก็ยื่นมือมาล้างเอง
โชคดีที่กระบอกไม้ไผ่ของที่หลิวเต้าเซียงพกนั้นใหญ่พอ มิเช่นนั้น น้ำนี่คงไม่พอให้ทั้งสองคนใช้
“เร็วเข้า มากินขนมอ้ายกัน” หลิวเต้าเซียงเก็บข้าวของเรียบร้อย แล้วจึงหยิบห่อที่วางอยู่บนก้อนหินขึ้นมากิน
“ขนมอ้าย?” ซูจื่อเยี่ยมองสิ่งที่ยัดอยู่ในมือเขาด้วยท่าทีขยะแขยง
อย่างกับอาหารหมู แค่เห็นก็กินไม่ลงแล้ว
“ขนมอ้ายเป็ยาชนิดหนึ่ง ฤดูใบไม้ผลิที่นี่อากาศค่อนข้างชื้น การกินสิ่งนี้จะทำให้กระเพาะอบอุ่นไล่ความชื้นได้ ดีกับร่างกายยิ่งนัก เ้าลองชิม หน้าตาอาจดูไม่ดี แต่เวลากินนั้นมีรสหวาน ทั้งยังมีกลิ่นหอมสดชื่น”
หลิวเต้าเซียงเดาว่าเขาอาจจะไม่เคยกินของเช่นนี้มาก่อน คิดอยู่ชั่วขณะ แล้วจึงเอ่ยเสริม “ข้าจำได้ว่าหมอท้องถิ่นก็เคยบอกว่า มันช่วยทำให้เืเย็น ดีกับคนที่มีอาการาเ็”
ซูจื่อเยี่ยมองดูขนมก้อนเหนียวๆ ที่อยู่ในมือด้วยท่าทีลังเล จากนั้นก็มองหลิวเต้าเซียงที่มัดผมสองจุก ราวกับกระรอกน้อยที่กำลังกัดกินคำใหญ่ เอ่อ ดูแล้วเหมือนจะน่าอร่อย…
ซูจื่อเยี่ยเริ่มรู้สึกอยากกินขึ้นมาบ้าง กระนั้นจึงทำตาม
หลังจากชิมอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนว่าไม่ได้กินยาก หลังจากกลืนคำแรกเข้าไป ในปากก็ปรากฏรสหวานหอม จริงด้วย…
“เป็อย่างไรบ้าง? ข้าไม่ได้โกหกเ้าใช่หรือไม่!” ดวงตาดำขลับคู่นั้นของหลิวเต้าเซียงกำลังกะพริบอย่างแวววาว
ลิ้นของซูจื่อเยี่ยกระดกขึ้นเล็กน้อย และกล่าวคำพูดออกมาอย่างไหลลื่น “พอใช้ มีกลิ่นหอมของสมุนไพร ข้ากินเป็หนแรก”
“อืม ดูจากท่าทางเ้าก็รู้” หลิวเต้าเซียงกินหมดไปหนึ่งอัน แล้วหยิบอันที่สองขึ้นมา ที่เหลือก็ยื่นไปด้านหน้าซูจื่อเยี่ย ยิ้มแล้วเอ่ย “ไม่ต้องรู้สึกเกรงใจ ข้ากินสองอันก็พอ เ้าต้องกินเยอะหน่อย กินอิ่มจะได้มีแรงไปล่าสัตว์”
ซูจื่อเยี่ยมองหน้าเล็กๆ ของนางที่กำลังอูมเพราะเคี้ยวอยู่ อดไม่ได้ที่จะจิ้ม ใบหน้านั้นที่มีรอยยิ้ม “ถ้าอร่อย เ้าก็ควรกินเยอะหน่อย”
แล้วหัวใจก็ล่องลอย…
“ว่าแต่ เ้าอยากล่าสัตว์มากเพียงใด?” ซูจื่อเยี่ยถามพลางคิดว่าจะรอโอกาสที่จะแอบส่งสัญญาณมือถามองครักษ์สายลับว่าจะหาได้มากเท่าใด
“เ้าล่าสัตว์ได้เก่งกาจหรือ?” หลิวเต้าเซียงเอ่ยถามเมื่อได้ยินคำถาม พร้อมกับวางขนมอ้ายที่กำลังกัด
ซูจื่อเยี่ยเงียบ คิดอย่างละเอียด เขาเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ั้แ่อายุห้าขวบ ครั้งแรกที่เขาล่าคือเมื่อตอนอายุได้แปดขวบ เมื่อตอนอายุสิบขวบ เขาออกล่าเสือเพียงผู้ดียว เขาก้มลงมองสาวน้อยที่กำลังเบิกดวงตากลมโตดุจอัลมอนด์จ้องมองเขา
“ถือว่าร้ายกาจกระมัง” เขาต้องล่าสัตว์หลายครั้งต่อปี การล่าเสือจึงไม่ใช่เื่น่าภูมิใจอะไร
“แล้วเ้าสามารถล่าเยอะสักหน่อยได้หรือไม่ ถึงเวลาจะได้เอาไปแลกขายที่ตำบล” ดวงตาของหลิวเต้าเซียงเป็ประกาย
ซูจื่อเยี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ครอบครัวของเด็กสาวแลดูจะขาดแคลนเงินตรายิ่งนัก จากนิสัยตระหนี่ของหลิวฉีซื่อ คนในครอบครัวนี้มีชีวิตอยู่รอดมาได้นับว่าเป็เื่น่าอัศจรรย์
จําได้ว่าสาวน้อยคนนี้ต้องเป็กังวลหาเลี้ยงครอบครัวั้แ่ยังเล็ก ยิ่งต้องใช้ชีวิตให้รอดจากกำมือของย่านาง พลันเกิดความเห็นใจ
“ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
หลิวเต้าเซียงไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพูดง่ายขนาดนี้ บางทีคงเพราะพาขึ้นเขามาเปลี่ยนวิว จิตใจก็เปลี่ยนเป็โอบอ้อมอารีมากขึ้นหรือ?
ช่างเถิด นางหัวเราะแล้วเอ่ย “เ้าล่าสัตว์ ข้าจะเอาไปแลกขายที่ตำบล แบ่งกันคนละครึ่ง เป็อย่างไร? นี่ ห้ามบอกว่าไม่ยอมรับนะ ต้องบอกไว้ก่อนว่าผู้สมรู้ร่วมคิดย่อมสมควรต้องได้รับส่วนแบ่งด้วย”
คำพูดนี้ นางไม่ได้พูดผิดแต่อย่างใด ออกมาล่าสัตว์พร้อมกัน ย่อมเป็ผู้รู้เห็นด้วย
ซูจื่อเยี่ยอยากจะบอกว่าเขาไม่้าเงินเหล่านี้ แต่พอคิดหลังจากนั้น แม้เด็กสาวจะเหมือนเ้าเล่ห์ แต่กลับไม่ทิ้งคุณธรรมของความเป็คน
“ได้ แล้วแต่เ้า”
ทั้งสองพักผ่อนสักครู่ เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มหันไปทางทิศตะวันตก จึงพะวงกับการล่าสัตว์ จึงเก็บข้าวของแล้วเริ่มออกค้นหาสัตว์ป่า
หลิวเต้าเซียงหัวเราะอย่างต่อเนื่องตลอดทาง หัวเราะเพราะเื่ที่ว่าวันนี้ช่างโชคดีเป็พิเศษ
ปีศาจบางตัวที่อยู่ด้านหลังนางกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้นางห้ามพูด ยกคันธนูออกมาและดึงสาย แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นอยู่แต่ก็สามารถััถึงเรี่ยวแรงที่ซ่อนอยู่ใต้นั้น
หลิวเต้าเซียงแอบกลืนน้ำลาย ที่แท้หนุ่มหน้าอ่อนก็สามารถกลายเป็พ่อนักกล้ามสุดหล่อได้ด้วย หืม นางอยากจะตะครุบเขาสักทีจริงๆ!
จากนั้น มองดูแขนขาที่สั้นของตนเอง ก็รู้สึกโกรธแค้นท่านเทพข้ามมิติอีกครั้ง!
สิ่งที่เ็ปที่สุดในโลกคือเื่นี้ เห็นเนื้ออร่อยตรงหน้าแต่กินไม่ได้!
สวบ! เสียงลมที่ถูกความคมกรีดผ่านอากาศดึงสติของหลิวเต้าเซียงกลับมา ไม่เป็ไร พ่อเนื้ออ่อนข้างกายกินไม่ได้ แต่ไก่ฟ้าตัวนั้นที่ถูกยิง ก็เป็เนื้อเช่นเดียวกัน เติมเต็มความ้าทางร่างกายและจิตใจไม่ได้ แต่ก็ทำให้อิ่มท้องได้
หลิวเต้าเซียงตัดสินใจกำหมัดน้อยๆ ต้องพยายามเจริญเติบโตให้สูงใหญ่ให้ได้!
“ว้าว เ้าสายตาดีทีเดียว รู้ได้อย่างไรว่าในดงหญ้ามีไก่ฟ้าหลบอยู่?” หลิวเต้าเซียงรีบแบกตะกร้าวิ่งไป ในตะกร้ามีไก่ฟ้าสองตัวและกระต่ายป่าหนึ่งตัว
สำหรับการเก็บฟืน ฮ่า หลิวเต้าเซียง ปล่อยไว้ก่อน!
นางสลัดความคิดนั้นทิ้งไปเรียบร้อย!
-----