ลู่ฉี่เสียนกวาดสายตามองคนในครอบครัวสวี่ทั้งสี่คน ก่อนจะหยุดสายตาที่ใบหน้าของสวี่ต้าซานแล้วเอ่ยตำหนิ “บนโลกนี้ยังมีพ่อแม่ที่ลำเอียงอย่างพวกคุณอีกเหรอ เพื่อที่จะเอาคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยและเงินรางวัลของลูกสาวคนโตมาให้ลูกสาวคนเล็ก ถึงกับต้องบีบบังคับให้ลูกะโน้ำฆ่าตัวตาย! ถ้าผมกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ผ่านมาพอดีแล้วช่วยชีวิตเธอไว้ เด็กคนนี้คงไม่รอดแล้ว”
เฉียนหย่งที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม “การบีบบังคับผู้อื่นจนถึงแก่ความตายก็ถือเป็ความผิด ต้องรับผิดทางกฎหมาย”
เมื่อครู่นี้ เขาและหัวหน้าลู่ไล่ตามจับผู้ต้องหาหลบหนีคนหนึ่ง
หลังจากจับกุมได้แล้ว กำลังจะรีบกลับไปที่มณฑล ระหว่างทางได้ผ่านทางบ่อน้ำ ก็ได้ยินเสียงป้า ๆ หลายคนะโว่า “ช่วยด้วย มีคนะโน้ำ!”
หัวหน้าลู่ให้เขารอเฝ้าผู้ต้องหาไว้ ส่วนตัวเองรีบวิ่งไปช่วยคน ๆ นั้น
ถ้ารู้แต่แรกว่าคนที่ถูกช่วยคือสาวน้อยสวี่ฮุ่ย ต่อให้ต้องมีเื่กับหัวหน้า เขาก็จะไปช่วยชีวิตเธอด้วยตัวเอง
โอกาสดี ๆ ที่จะได้เป็วีรบุรุษขี่ม้าขาวเลยหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย
สวี่ต้าซานพูดอย่างอ้ำอึ้งและรับปากอย่างเชื่อฟัง ว่าจะไม่คิดยื้อแย่งเงินกับคะแนนสอบของสวี่ฮุ่ยอีกต่อไป
สีหน้าบึ้งตึงของลู่ฉี่เสียนถึงผ่อนคลายลงบ้าง “งั้นพวกคุณกลับบ้านไปแล้วก็คืนเงินรางวัลทั้งหมดให้สวี่ฮุ่ยซะ ถ้าพวกคุณไม่คืน ผมจะจับกุมพวกคุณในข้อหาลักทรัพย์”
สมาชิกในครอบครัวของสวี่ต้าซานทั้งสี่คนต่างมีสีหน้าอึมครึมราวกับหิมะตกในเดือนมิถุนายน[1]
สวี่รั่วเฉินะโขึ้นทันที “สวี่ฮุ่ยโกหก เธอไม่ได้ให้เงินรางวัลกับพวกเรา!”
ลู่ฉี่เสียนก้มลงถามสวี่ฮุ่ย “เธอให้เงินรางวัลกับพวกเขาหรือเปล่า?”
“ให้ค่ะ ตอนที่ฉันไปร่วมประชุมประกาศเกียรติคุณในเมือง เงินรางวัลหนึ่งพันหยวนถูกแม่ฉันเอาไปั้แ่วันนั้นแล้ว แต่พวกเขายังบังคับให้ฉันเอาเงินรางวัลสามพันหยวนที่ทางมณฑลให้มามอบให้พวกเขาอีก ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ะโน้ำฆ่าตัวตาย ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีเงินเรียนมหาวิทยาลัย” พูดจบ สวี่ฮุ่ยก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ยัยเด็กเวรนี่มันใส่ร้ายฉัน!”
เดิมทีกู่ซิ่วมักจะเรียกสวี่ฮุ่ยว่ายัยเด็กนี่ต่อหน้าคนอื่น ถึงจะไม่ใช่คำพูดที่ดีนัก แต่ก็นับว่าเป็คำเรียกปกติของแม่ที่มีต่อลูกสาว
แต่ตอนนี้เธอโมโหสุดขีดจนหลุดปากเรียกสวี่ฮุ่ยตามที่ใจคิดออกมา
สวี่เยว่เห็นลู่ฉี่เสียนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ก็รีบพูดด้วยท่าทางจริงจังว่า “แม่คะ ทำไมแม่ถึงเรียกพี่สาวว่า ‘ยัยเด็กเวร’ ล่ะคะ?”
จากนั้นค่อยหันไปพูดกับลู่ฉี่เสียนด้วยน้ำเสียงแ่เบา “พี่ตำรวจคะ พี่สาวไม่ได้ให้เงินแม่สักเฟินเดียว เธอโกหกค่ะ ฉันกล้ายืนยันด้วยเกียรติของฉันเอง!”
สวี่ฮุ่ยเช็ดน้ำตาแล้วโต้กลับ “เธอลืมไปแล้วหรือไง ว่าเธอเคยคิดจะยืมมือคนอื่นฆ่าฉันจนเป็ข่าว ยังกล้ามาพูดเื่เกียรติอีกเหรอ?”
สวี่เยว่ลืมเื่ฉาวโฉ่นี้ไปชั่วขณะจริง ๆ เธอแค่อยากได้รับความสนใจและเรียกคะแนนความชอบต่อหน้าลู่ฉี่เสียน ให้เขาสนใจเธอ
เห็นว่าเธอยุติธรรมและจิตใจดีงามเพียงใด แม่ทำไม่ถูก เธอก็ตำหนิแม่ พี่สาวใส่ร้ายแม่ เธอก็กล้าที่จะยืนหยัดออกมา
ความซื่อสัตย์ความยุติธรรมและจิตใจดีงามเช่นนี้ต้องทำให้พี่ตำรวจคนนี้ประทับใจอย่างแน่นอน
แต่เธอไม่คิดว่าสวี่ฮุ่ยจะแฉเื่ฉาวของเธอต่อหน้าพี่ตำรวจ
สวี่เยว่อับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี
ด้วยความร้อนรน เธอเลยเอามือกุมอก ตาเหลือก แล้วสลบไป
กู่ซิ่วรีบเข้าไปประคองสวี่เยว่ที่หมดสติไป ดวงตาลุกโฉน ะโใส่สวี่ฮุ่ยด้วยความโกรธ “ยัยเด็กเวร แกก็รู้อยู่ว่าน้องสาวแกรับกระทบกระทั่งที่ส่งผลต่อจิตใจไม่ไหว แกยังจะพูดแบบนี้อีก นี่แกอยากให้น้องตายหรือไง!”
สวี่ต้าซานและลูกชายก็จ้องมองสวี่ฮุ่ยตาขวาง ราวกับจะเฉือนเธอให้เป็ชิ้น ๆ
แพทย์เวรประจำสถานีอนามัยกำลังตรวจร่างกายสวี่เยว่อยู่
ลู่ฉี่เสียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “รู้อยู่แล้วว่าตัวเองรับแรงกระทบกระทั่งไม่ได้ ก็อย่าทำเื่ไม่ดีสิ จะได้ไม่มีใครเอาเื่อื้อฉาวของเธอมาพูดให้กระตุ้นเธอแบบนี้หรอก หาเื่ใส่ตัวเองแบบนี้ อย่าไปโทษคนอื่นเลย”
“ใช่” เฉียนหย่งกล่าวเสริมอยู่ข้าง ๆ “กฎหมายก็ไม่ละเว้นการลงโทษเพียงเพราะคนร้ายป่วย หรือตอนนั้นพวกคุณจะบอกว่ากฎหมาย้าบีบให้เธอตายเหรอ? พวกคุณเป็พ่อเป็แม่ ทำไมถึงแยกแยะถูกผิดไม่ได้? ”
สวี่ฮุ่ยเห็นสายยางรัดแขนสำหรับเจาะเืวางอยู่บนเตียงตรวจของสถานีอนามัย
ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรบางอย่างออก หยิบสายยางขึ้นมาแล้วโยนไปที่หลังเท้าเปลือยเปล่าของสวี่เยว่
ก่อนพูดกับสวี่ต้าซานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “พ่อคะ มีงูเลื้อยมาที่เท้าเยว่เยว่แล้ว ไม่รีบจับมันออกไปเหรอคะ?”
ขณะที่พูด น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
สวี่เยว่รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งลื่น ๆ เย็น ๆ เคลื่อนไหวอยู่บนหลังเท้าของตนนานแล้ว
กำลังนึกอยู่ว่ามันคืออะไร พอได้ยินคำพูดของสวี่ฮุ่ย เธอก็ะโขึ้นตามสัญชาตญาณ ะโได้สูงเลยทีเดียว
พอเห็นสายยางที่อยู่บนพื้นกับสายตาซับซ้อนปนดูถูกเหยียดหยามจากทุกคนที่มองมา ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็สีเขียวสลับแดง ดูราวกับภาพลวงตา
ลู่ฉี่เสียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “เอาล่ะ ในเมื่อสหายคนนี้ไม่เป็ไรแล้ว เรามาคุยเื่คดีกันต่อเถอะ”
เขาพูดกับสวี่ฮุ่ย “เธอโดนแม่หลอกเอาเงินเธอไปหนึ่งพันหยวน จำนวนเงินนี้สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ถ้าเธอแจ้งความ ตำรวจจะตามเงินคืนให้เธอ”
สวี่ฮุ่ยแจ้งความทันที พร้อมกับให้เบาะแสด้วย
บอกว่าวันนั้นหลังจากเสร็จงานประกาศเกียรติคุณในเมือง อาจารย์ใหญ่โจวเห็นว่าเธอแต่งตัวมอซอ จึงพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่
ทั้งสองกำลังจะกลับบ้าน เธอก็เห็นกู่ซิ่วโบกมือเรียกเธออยู่ไม่ไกล เธอเลยบอกลาอาจารย์ใหญ่โจวแล้วเดินเข้าไปหา
กู่ซิ่วบอกว่าขอแค่เธอยอมมอบเงินรางวัลหนึ่งพันหยวนที่ได้จากเทศบาลให้ เธอก็จะไม่เอาเงินรางวัลจากมณฑล
เพื่อรักษาเงินรางวัลสามพันหยวนจากมณฑลเอาไว้ เธอจึงตกลง
สวี่ฮุ่ยยังบอกกับลู่ฉี่เสียนและเฉียนหย่งสองตำรวจว่าหลังจากกู่ซิ่วได้เงินไปแล้ว ก็นำไปฝากที่ธนาคารลู่หงฉี
สวี่ฮุ่ยกล่าวตบท้ายว่า “ถ้าไม่เชื่อ ลองไปตรวจสอบที่ธนาคารนั้นดูได้ค่ะ ว่าแม่ของฉันได้เอาเงินหนึ่งพันหยวนไปฝากตอนบ่ายสี่โมงกว่า ๆ ของวันนั้นหรือเปล่า”
ลู่ฉี่เสียนพูด “เดี๋ยวเราจะไปตรวจสอบ ตอนนี้พวกคุณสามารถกลับไปได้แล้ว”
สวี่ฮุ่ยลุกขึ้นยืนกำลังจะออกไป ก็ได้ยินกู่ซิ่วพูดอ่อนแรงด้วยสีหน้าซีดเซียว “คุณตำรวจ ฉัน…ฉันขอสารภาพ ฉันเอาเงินของสวี่ฮุ่ยไปหนึ่งพันหยวนจริง ๆ”
สวี่ต้าซานสวี่รั่วเฉินและสวี่เยว่มองกู่ซิ่วอย่างไม่อยากเชื่อ
กู่ซิ่วพูดกับลู่ฉี่เสียนท่ามกลางสายตาแปลก ๆ ของสามีและลูกชาย “ฉัน…ฉันจะคืนเงินให้…ให้สวี่ฮุ่ยพรุ่งนี้”
สวี่ฮุ่ยลอบยิ้มในใจ
เธอรู้ดีว่ากู่ซิ่วต้องทนเป็แพะรับบาปในเื่นี้และยอมรับว่าเอาเงินรางวัลหนึ่งพันหยวนของเธอไป
ไม่เช่นนั้น หากตำรวจตรวจสอบเจอเงินหนึ่งพันหยวนในสมุดบัญชีของกู่ซิ่ว กู่ซิ่วก็คงจะอธิบายไม่ได้
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า “ในเมื่อคุณยอมคืนเงินเอง ก็ไม่ต้องดำเนินคดี”
“แต่อย่าพูดอย่างทำอย่างล่ะ อีกไม่กี่วันฉันจะถามสวี่ฮุ่ยว่าคุณคืนเงินให้เธอหรือยัง”
ทุกคนกำลังจะออกไป จู่ ๆ ลู่ฉี่เสียนก็เรียกสวี่ฮุ่ยไว้ “เธอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงสินะ”
เขาหยิบข้าวกล่องหนึ่งจากในสองกล่องที่เฉียนหย่งซื้อมาระหว่างที่รอกู่ซิ่วกับครอบครัวมาถึง ส่งให้สวี่ฮุ่ย “กินก่อนแล้วค่อยไป”
เฉียนหย่งตาแทบถลนออกจากเบ้า นี่หัวหน้ายืมดอกไม้ของเขาถวายพระ[2] เหรอ!
สวี่ฮุ่ยโบกมือปฏิเสธ “เดี๋ยวฉันไปซื้อซาลาเปาสองลูกมากินก็ได้ค่ะ”
เฉียนหย่งพูด “ผมไปซื้อให้เอง”
สวี่ฮุ่ยปฏิเสธด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
สวี่เยว่เห็นตำรวจสองนายแย่งกันเอาใจสวี่ฮุ่ย รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
ยัยจิ้งจอกเ้าเล่ห์ อาศัยความสวยอ่อยผู้ชายไปทั่ว!
เมื่อกลับถึงบ้าน สวี่ฮุ่ยก็หยิบอุปกรณ์ตกปลาไหลออกไปทันที
[1] หิมะตกในเดือนมิถุนายน เป็การเปรียบเปรยถึงความตกตะลึง ผสมกับความรู้สึกไม่ยุติธรรมหรือผิดหวังอย่างรุนแรง ในที่นี้สื่อถึงสีหน้าที่แสดงความใ อึ้ง หรือไม่พอใจจากสถานการณ์ที่ผิดปกติหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
[2] ยืมดอกไม้ถวายพระ หมายถึง ใช้ของคนอื่นมาแสดงน้ำใจ