ณ สำนักร้อยบุปผา
หลังจากเยี่ยหลิงหลานฟังเื่ราวทั้งหมดจากซิ่งอวี่เจวียนแล้ว นางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังคงไม่ทำให้ข้าต้องขายหน้า ข้าต้องหาเวลาไปตำหนักดาวเหนือสักหน่อยแล้ว หากหนิงเทียนออกมา เ้าจงให้เขาตามไปที่โถงมรดก”
เมื่อซิ่งอวี่เจวียนได้ยินคำว่าโถงมรดก หยาดน้ำตาของนางก็รื้นขึ้นมาทันที “ขะ...ขอบพระคุณท่านมาก”
เยี่ยหลิงหลานตอบรับคำขอบคุณก่อนจะจากไป ส่วนซิ่งอวี่เจวียนก็ร้องไห้อย่างเศร้าใจ หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดความคับข้องใจที่นางเก็บเอาไว้ก็มีความหวังแล้ว
ูเาไป่หลิงแบ่งออกเป็พื้นที่ภายนอก พื้นที่ภายใน และพื้นที่แกนกลาง
แม้จะเรียกกันว่าูเา แต่ความเป็จริงมันกว้างใหญ่มากจนไร้ขอบเขต ทั้งยังซ่อนพื้นที่ทับซ้อนไว้มากมาย พร้อมแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาอย่างหลากหลาย
ในสมัยโบราณ มียอดฝีมือหลายราย้าศึกษาภูมิประเทศและตรวจสอบสถานการณ์ของูเาไป่หลิง เป็เหตุให้ปรมาจารย์ผู้เป็อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนถูกทำลาย
ไม่เพียงแต่ซิงซิวและหยวนซิวเท่านั้นที่ไม่กล้ามาเยือนสถานที่แห่งนี้ เพราะแม้แต่ปรมาจารย์สูงสุดของสำนักวั่นจื๋อก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หนิงเทียนไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในูเาไป่หลิงเลยแม้แต่น้อย แต่กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตกลับกระตือรือร้นอย่างยิ่ง ราวกับมันััได้ถึงการดำรงอยู่ของบางสิ่ง
หนิงเทียนไม่รู้ว่าวังไป่หลิงเป็สถานที่แบบใด และเขาคงไม่มีทางรู้จนกว่าจะได้เห็นมัน
ทว่าหลังจากหนิงเทียนได้เห็นสิ่งนั้นจริงๆ เขาก็ต้องตกตะลึงกับสภาพแวดล้อมแสนตระการตา หุบเขาที่มีหมู่ดอกไม้นับร้อยบานสะพรั่งและมีอาคารรูปร่างประหลาดลอยขึ้นจากพื้นดิน บ้างก็สร้างไว้บนต้นไม้ บ้างก็งอกขึ้นตามลำต้น บ้างก็ห้อยอยู่ตามเถาวัลย์ ทำให้ภาพตรงหน้าไม่ต่างจากพระราชวังลอยฟ้า
หอคอยและอาคารหยกเหล่านี้ล้วนเปล่งประกายด้วยแสงหลากสี ท่วงทำนองเพลงและเสียงฉินต่างก็บรรเลงอย่างไพเราะ ทั้งยังมีดอกไม้กรุ่นกลิ่นหอม ต้นหญ้าเขียวขจี และเถาวัลย์ประหลาดตา
สิ่งที่ทำให้หนิงเทียนประหลาดใจจริงๆ ก็คือ ผู้คนจำนวนมากที่สวมชุดประหลาดและกำลังเดินไปมาในที่แห่งนี้ บางคนก็เข้าไปในบ้านต้นไม้ บางคนก็เดินเข้าไปในห้องดอกไม้ บางคนก็เข้าออกกระท่อมมุงจาก และบางคนก็ลอยออกมาจากรังเถาวัลย์
ผู้คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่สวมเสื้อผ้าแปลกๆ เท่านั้น แต่พวกเขายังมีรูปลักษณ์ที่ไม่ปกติอีกด้วย
เมื่อมองแวบแรกจะเห็นว่าทุกคนมีส่วนประกอบของต้นไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้า หรือเถาวัลย์ ทั้งยังคงเอกลักษณ์ของพืชแต่ละประเภทเอาไว้ เช่น มนุษย์ต้นไม้มีรูปร่างสูงใหญ่ มนุษย์หญ้าค่อนข้างเตี้ย มนุษย์ดอกไม้แต่งกายสีสันสดใส และมนุษย์เถาวัลย์มีรูปร่างผอมเพรียว
นี่เป็่เริ่มต้นของอสูริญญาระดับสี่ การเปลี่ยนแปลงของพวกมันจึงยังไม่สมบูรณ์แบบ ส่วนคนเ่าั้ที่รูปลักษณ์ไม่ต่างจากคนธรรมดาและไม่สามารถมองเห็นความผิดปกติใดๆ ได้ โดยพื้นฐานแล้วจะอยู่ใน่ปลายของการเปลี่ยนแปลงหรืออยู่ในระดับที่สูงกว่า
“ดูนั่นสิ!” ชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวชี้หอคอยทรงกลมแห่งหนึ่ง แล้วบอกให้หนิงเทียนหันไปมอง
หอคอยแห่งนี้ยิ่งใหญ่ตระการตาด้วยความสูงหลายพันจั้ง แม้จะไม่รู้ว่าภายในนั้นมีทั้งหมดกี่ชั้น แต่ก็มีคนเข้าออกมากมาย
หนิงเทียนมองอย่างตั้งใจ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาใไม่ใช่ความสูงของหอคอยแต่เป็ผู้คนที่เดินเข้าออก ไม่ว่าจะเป็มนุษย์หินสูงสามจั้ง มนุษย์หินหนืดสูงแปดจั้ง และมนุษย์ถ่านสูงสามจั้ง
“ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นโดยอสูริญญาในูเาไป่หลิงหรือ?”
“ไม่ใช่”
เมื่อได้ยินคำตอบหนิงเทียนก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง หากไม่ใช่อสูริญญาที่สร้างขึ้นมา เช่นนั้นสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด?
ชายชุดเขียวไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม แต่ชี้ไปทางหอคอยสูงแล้วพูดว่า “นี่คือวังแห่งแรกของวังไป่หลิง”
“วังแห่งแรก? แล้ววังอื่นๆ เล่า?”
“จุดอื่นๆ เป็เพียงสิ่งที่สร้างจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเท่านั้น”
เมื่อหนิงเทียนใช้ทักษะม่านตาคู่จับจ้องไปยังคนที่เข้าออกวังแรก จากนั้นภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป
บ้านต้นไม้และกระท่อมมุงจากเ่าั้ล้วนเปลี่ยนแปลงโดยอสูริญญา บรรดาผู้คนที่สัญจรไปมาก็เป็อสูริญญาระดับสี่ มีเพียงสถานการณ์ของวังแรกเท่านั้นที่ไม่สามารถมองออกได้ ตรงนั้นมีอักขระลึกลับปรากฏอยู่บนพื้นผิว ซึ่งสามารถต้านทานสายตาสอดรู้สอดเห็นของเนตรเพลิงแสนดุร้ายได้
นอกจากนี้หนิงเทียนยังเห็นรัศมีจางๆ เล็ดลอดออกมาจากศีรษะของบางคนด้วย ซึ่งสิ่งนี้บ่งบอกว่าพวกเขาเป็อสูริญญาที่จำแลงร่างมา ทว่าไม่สามารถบอกได้ว่ารูปลักษณ์ที่แท้จริงของพวกเขาเป็เช่นใด
สิ่งที่ทำให้หนิงเทียนอัศจรรย์ใจที่สุด คือ ยังมีมนุษย์คนอื่นๆ อยู่ในสถานที่แห่งนี้
“พวกนั้นก็เป็ศิษย์จื๋อซิวด้วยหรือ?”
ชายวัยกลางคนชุดเขียวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อีกสักครู่เ้าจะรู้เอง ไปกันเถอะ เข้าไปดูในวังแรกกัน”
บริเวณทางเข้าวังแรกมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้ามาได้
“ชิงผีซาน เ้ามาที่นี่อีกทำไม?” เมื่อผู้เฝ้าประตูเห็นชายวัยกลางคนชุดเขียว เขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบอีกฝ่ายมากนัก
“ข้าพาคนมาฝ่าด่านไม่ได้หรือ?”
“เขาน่ะหรือ? เ้ายังไม่รู้จักพอเสียที ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองไม่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าค่าอาหารในการฝ่าด่าน”
“ข้ามีความสุข เ้าสนใจหรือ?”
จากนั้นชิงผีซานก็ดึงหนิงเทียนเข้าไปด้านในวังแรกซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งจิตอสูร ิญญาอาวุธ และมนุษย์
เส้นผ่านศูนย์กลางของวังแรกชั้นหนึ่งนั้นยาวกว่าสามร้อยจั้ง พื้นและผนังสลักด้วยลวดลายต่างๆ ของดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์ ซึ่งดูแปลกตาและน่าทึ่ง
หนิงเทียนถามอย่างสงสัย “ที่นี่มีอะไรพิเศษหรือ?”
ชิงผีซานกล่าวว่า “วังแรกของวังไป่หลิงนั้นน่าพิศวงมาก มันมีความสูงนับพันชั้นและมีตำนานเล่าว่า ใครก็ตามที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดย่อมมีความสามารถที่ท้าทาย์ ครองยุคสมัย น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดขึ้นไปบนนั้นมาก่อนจึงไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ก็ยังมีความท้าทายมากมายในร้อยชั้นด้านล่าง ตราบใดที่เ้าประสบความสำเร็จ เ้าจะได้รับโชคลาภที่คล้ายกัน”
“ความท้าทายเหล่านี้กำหนดขอบเขตหรือไม่?”
“ขั้นต่ำคือระดับสอง ระดับสูงสุดคือห้า”
หนิงเทียนถามว่า “เ้าผ่านมาแล้วกี่ระดับ?”
ชิงผีซานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าขึ้นไปถึงแค่ชั้นหกสิบสี่เท่านั้น จากนั้นก็...เห้อ”
เมื่อมองไปรอบๆ หนิงเทียนก็เห็นว่าผู้คนจำนวนมากต่างนั่งคุยกันอยู่ที่ชั้นหนึ่ง “พวกเขากำลังทำอะไร?”
“กำลังนับว่ามีที่แห่งนี้มีกี่รูปแบบ มีพืชพรรณกี่ชนิด ว่ากันว่าจำนวนไม่เคยชัดเจนมากนัก”
“การนับสิ่งนี้มีประโยชน์หรือ?”
“ตำนานบอกไว้ว่าใครก็ตามที่สามารถเข้าใจความลึกลับทั้งหมดของวังแรกจะสามารถเข้าสู่แดนอนันต์ในตำนานได้”
“เื่นี้จริงหรือเท็จ?”
“หากอยากรู้ เ้าก็ลองเข้าไปได้”
หนิงเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าออกไป ในเมื่อมาถึงที่แล้ว แน่นอนว่าเขาต้องลองดู
บริเวณชั้นแรกมีเส้นผ่านศูนย์กลางสามร้อยจั้ง พื้น เสา ผนัง และเพดานล้วนสลักด้วยลวดลายแปลกๆ นานาชนิด เป็ไปไม่ได้เลยที่จะนับได้ครบว่ามีอะไรบ้าง
หนิงเทียนมองดอกไม้อย่างรวดเร็ว เขากำลังคิดว่าหาก้าคำนวณจริงๆ ว่าชั้นแรกมีพืชทั้งหมดกี่ต้นจะมีวิธีใดบ้างที่สามารถใช้ได้
ทักษะดวงเนตรเคลื่อนไหว ม่านตาเพลิง ม่านตาสุวรรณ และดวงตาเสน่ห์ของหนิงเทียนถูกเปิดใช้พร้อมกัน จากนั้นเขาก็นึกถึงเลขเก้าหลักขึ้นในใจและสร้างแบบจำลองโดยอัตโนมัติด้วยการผสานยุทธศาสตร์ครอง์เข้ากับกระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นเพื่อขัดเกลาพลังและจิติญญา ก่อนจะอัดฉีดลงในลวดลายทั้งหมดของชั้นแรกและรอดูผลลัพธ์
นี่เป็วิธีลดความซับซ้อน แต่ปริมาณข้อมูลกลับมากมายมหาศาลเหนือความคาดหมายของหนิงเทียน ส่งผลให้ข้อมูลในสมองของเขาล้นทะลักทันที
แผนที่จิติญญาทั้งเจ็ดในร่างของเขาตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกันด้วยความใ พีระมิดเลขเก้าหลักก็ปรากฏขึ้นในใจก่อนจะค่อยๆ ส่องสว่างทีละดวงจากบนลงล่างแล้วส่งจำนวนเกินห้าหมื่นออกมาในชั่วพริบตา ทั้งยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คัมภีร์หลิงฮวงปรากฏบนหัวของหนิงเทียนโดยพลัน ห้าบทถัดไปกำลังถูกพลิกอ่านเพื่อช่วยหนิงเทียนแยกแยะข้อมูลจำนวนมหาศาล และแก้ไขวิกฤตของเขาด้วยวิธีอื่น
ทันใดนั้นก็เริ่มเกิดการสั่นะเืเล็กน้อยในวังไป่หลิง รูปแบบนับไม่ถ้วนในชั้นแรกเปล่งประกายขึ้นทีละจุดซึ่งช่วยเพิ่มความสดใส
“โอ้์! เกิดอะไรขึ้น? มีผู้คำนวณจำนวนลวดลายได้แล้วหรือ?”
หลายคนร้องอุทานด้วยความเหลือเชื่อและมองไปรอบๆ
ในไม่ช้าสายตาของทุกคนก็เพ่งไปยังหนิงเทียน เพราะลวดลายแต่ละแบบต่างแผ่รังสีที่แตกต่างกันก่อนจะพุ่งเข้าหาหนิงเทียน พร้อมทิ้งรอยไว้บนิัของเขาและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ดวงตาของชิงผีซานเป็ประกายระยิบระยับและลอบพึมพำว่า “เด็กผู้นี้เป็ไปตามความคาดหวังจริงๆ”
ชิงผีซานเคลื่อนกายมาอยู่ข้างกายหนิงเทียนเพื่อช่วยปกป้องเขา โดยไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้หนิงเทียนแม้แต่น้อย
ชั้นแรกของวังไป่หลิงสว่างขึ้นเรื่อยๆ ราวกับหมอกแห่งแสงลอยล่องขึ้นมาจากทุกทิศทาง ลวดลายจำนวนนับไม่ถ้วนพากันประทับบนร่างของหนิงเทียน และครอบคลุมทุกตำแหน่งบนิัของเขา
จิตใจของหนิงเทียนจมดิ่งอยู่ในสภาวะบางอย่าง เขายังคงอนุมานจำนวนลวดลายตามหนทางของเลขเก้าหลัก และด้วยความช่วยเหลือของคัมภีร์หลิงฮวงเขาจึงสามารถพัฒนาบทเรียนต่อจากเลขเก้าหลักได้ ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ มีลวดลายมากมายสลักอยู่ที่ชั้นหนึ่งของวังไป่หลิง อีกทั้งจำนวนลวดลายที่สลักไว้ข้างในนั้นก็มากจนเป็จำนวนเต็มของบทที่เก้าพอดี ซึ่งเต็มไปด้วยความลึกลับจนผู้คนไม่อาจเข้าใจได้
เมื่อคำนวณข้อมูลครบถ้วนแล้ว ทันใดนั้นหนิงเทียนก็สังเกตเห็นสิ่งแปลกๆ ในร่างกาย รอยประทับของลวดลายเ่าั้รวมตัวกันบนร่างของเขา ทะลุชั้นิัเข้าสู่ส่วนต่างๆ ในร่างกาย ก่อนจะสลักลงบนจิติญญา
เกิดอะไรขึ้น? เขาแค่นับด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทว่ากลับได้รับสิ่งตอบแทนอย่างไม่คาดคิดเช่นนั้นหรือ?
เมื่อหนิงเทียนตื่นขึ้นก็เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วชั้นแรกของวังไป่หลิง ลวดลายเ่าั้สลักลงพื้นผิวอย่างสมบูรณ์แล้วจริงๆ
ร่างกายของหนิงเทียนสั่นะเือย่างรุนแรง กระดูก เส้นลมปราณ อวัยวะต่างๆ เืเนื้อ ตลอดจนเยื่อหุ้มของเขาล้วนเผาไหม้ บังคับให้เขาใช้ยุทธศาสตร์ครอง์และกายาสุวรรณะนิรันดร์อย่างบ้าคลั่ง โดยไม่ได้คาดคิดว่าการทำเช่นนี้จะกระตุ้นลวดลายที่ตราอยู่ในร่าง
ขณะเดียวกันรอยประทับิญญาในตันเถียนของหนิงเทียนก็ตื่นขึ้นมา และอักขระลึกลับก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาทีละตัว
“กายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดแห่งการบำเพ็ญเต๋า”
ข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของหนิงเทียน เมื่อลวดลายที่สลักบนชั้นหนึ่งของวังไป่หลิงรวมเข้าด้วยกันก็สร้างกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้ ซึ่งเป็ร่างเต๋าในตำนานที่แข็งแกร่งที่สุด
หนิงเทียนทึ่งกับสิ่งนี้มาก แต่เขาก็แปลกใจมากเช่นกัน
วังไป่หลิงในูเาไป่หลิงมีโชคลาภเช่นนี้ได้อย่างไร? ทั้งยังเป็สิ่งที่ไม่มีใครรู้จักอีกด้วย
วังแรกนี้อาจไม่ธรรมดาอย่างที่ชิงผีซานบอก ซึ่งขึ้นอยู่ว่าใครจะเข้าใจความลึกลับนี้ได้
ดังคำกล่าวที่ว่า อาคารสูงตระหง่านจากพื้นดินหมื่นจั้ง ชั้นแรกแสดงถึงรากฐาน จึงประกอบด้วยความลับของิญญาบริสุทธิ์ ซึ่งก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล
ขอบเขตของหนิงเทียนยังไม่ได้รับการพัฒนา แต่ร่างกายของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ลวดลายที่ประทับบนร่างถูกเปิดใช้ทีละส่วน จำนวนเพิ่มขึ้นจากเก้าเป็แปดสิบเอ็ด จากนั้นก็เป็เจ็ดร้อยยี่สิบเก้า มันพัฒนาอย่างสมบูรณ์ตามแบบจำลองของพีระมิดเลขเก้าหลัก
หลังจากบรรลุระดับที่สี่ของพีระมิดและเปิดใช้ลวดลายได้หกพันห้าร้อยหกสิบเอ็ดลายแล้ว ในที่สุดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของหนิงเทียนก็หยุดลง
“ระดับที่สี่ของกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนสถานะของข้าในยามนี้จะสามารถมาได้เพียงขั้นนี้สินะ”
หนิงเทียนกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง แม้ขอบเขตของเขาไม่ได้รับการพัฒนา แต่ร่างกายของเขาก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
กายาสุวรรณะนิรันดร์ของหนิงเทียนแข็งแกร่งมาก แต่กายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็ร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็ที่รู้จักในฐานะร่างเต๋าที่แข็งแกร่งที่สุด เกี่ยวโยงกับวิถีแห่งเต๋า สามารถดูดซับและย่อยพลังิญญา สื่อสารกับเต๋า และควบคุมการใช้งานทักษะวิชาต่างๆ เช่น การประยุกต์ยุทธศาสตร์ครอง์ที่ดีขึ้นหลายเท่า
ความเข้าใจ ความแข็งแกร่งทางจิต ความยืดหยุ่น การควบคุมพลัง และพร์ของหนิงเทียนล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ยามนี้ดวงตาของเขาเห็นโลกทั้งใบมีสีสันมากขึ้นเล็กน้อย
“เ้าหนู บอกข้าทีว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงกัมปนาทสั่นะเืห้วงอากาศ คลื่นเสียงอันน่าสะพรึงกลัวกลายเป็ปราณกระบี่เข้าใกล้จิตสำนึกของหนิงเทียน ซึ่งก่อให้เกิดการปราบปรามทางจิต
